ชายหนุ่มวัยสามสิบต้น ๆ เดินเข้ามาในบ้านที่คุ้นเคยด้วยความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เขามองดูรอบ ๆ ตัว เห็นตั้งแต่เรือนกล้วยไม้ที่มีทั้งกล้วยไม้และกุหลาบตลอดจนไม้ประดับนานาพันธุ์ และเดินมาเรื่อย ๆ เข้ามาในบ้าน ผ้าม่านยังคงเป็นสีเดิม แจกันยังคงเหมือนเดิม ต่างแค่เพียงมันยังคงความใหม่และสะอาดเอี่ยมทั้งที่เขาเคยเห็นมันตั้งแต่เด็กแล้ว เขาได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกันหัวเราะชอบใจอยู่ไกล ๆ จึงเดินต่อไปเรื่อย ๆ ตามจุดกำเนิดแห่งเสียงนั้นด้วยหัวใจที่ฟองฟูและอบอุ่นหัวใจเหลือเกินที่ได้ยินมัน
@ห้องอาหาร@บ้านไพบูลย์ทรัพย์อนันต์
"สวัสดีคร้าบบ วู้..ลาบปากของไอ้เกียรติมาก ๆ เลย ผมมาทันเวลาใช่มั๊ยเนี่ย..." เกียรติพงษ์ ลูกชายคนเล็กของบ้านเดินมาตั้งแต่หน้าบ้านจนมาถึงโต๊ะอาหารแต่ต้องชะงัก
"...ชะอุ้ย..ใครเหรอครับน่ารักจัง" เกียรติพงษ์เอ่ยถามอย่างนึกสงสัยเพราะจำคนตัวเล็กไม่ได้บังเอิญหันมาสบสายตากับกันตพงษ์ผู้เป็นพี่ชายที่มองด้วยสายตาเชือดเฉือน
"ชะอุ้ย! มองแรง" คนน้องได้แต่พึมพำ
"น้องต้องครับนี่พี่เกียรติ น้องชายของพี่ครับ แต่ก็อายุเยอะกว่าน้องต้องตั้ง 10 ปีแน่ะ" คนพี่เอ่ยแนะนำน้องชาย
"สวัสดีค่ะ" ต้องตายกมือไหว้ผู้มาใหม่อย่างนอบน้อม
"ใครเหรอ" เกียรติพงษ์เข้าไปนั่งข้าง ๆ พี่ชายกระซิบถามคนพี่พอรู้กันแค่สองคน
"ว่าที่เมียกุเอง มึงห้ามหลี" กันตพงษ์เอ่ยปรามเอาไว้ก่อน
"เร๊อะ..ยังเด็กอยู่เลย" คนน้องพึมพำอย่างเพ้อ ๆ
"อืมกำลังเรียนบริหารปีสี่ ตอนนี้ฝึกงานที่บริษัทเราเป็นผู้ช่วยกู พอใจยัง จะถามไรอีกมั๊ย" คนพี่ตอบอย่างเหนื่อยหน่าย
คนน้องได้แต่พยักหน้าให้อย่างกวน ๆ
"สเป็คผมเลย น่ารักฉิบหาย" เกียรติพงษ์กระซิบบอกคนแล้วยักคิ้วให้คนพี่ไปหนึ่งที
"ไอ้เกียรติ..มึง" กันตพงษ์สบถ
"อ๊ะ ๆ อย่าทำน้อง...แม่พี่กันจะทำน้องอ่ะแม่…" เกียรติพงษ์ทำทีฟ้อง
"พอเลยไอ้ลูกคนนี้...หยุดแกล้งพี่เค้าได้แล้ว...เรานี่จริง ๆ เลย ชอบเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นเค้า..นิสัยไม่ดี…" คุณนายกานดาปรามลูกชายคนเล็กของเธอไม่จริงจัง
"ใช่ซี๊ ผมมันลูกเก็บมาเลี้ยง เก็บมาจากกองขยะ.." เกียรติพงษ์แกล้งสัพยอก
"เออ…" กันตพงษ์สำทับ
"กินข้าวไปทั้งสองคนเลย โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงทะเลาะกันอยู่ได้ไม่อายเด็กอย่างหนูต้องรึไง" คนเป็นพ่อปราม
หลังจากทั้งหมดรับประทานอาหารเย็นกันจนอิ่มหนำสำราญแล้ว พงษ์ศักดิ์จึงชี้แนะให้กันตพงษ์ลูกชายคนโตพาคนรักไปเดินเล่นในสวนเพราะเกรงว่าว่าที่ลูกสะใภ้จะอึดอัด หลังจากลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้ออกไปแล้วจึงหันมาจ้องลูกชายคนเล็กตาเขม็ง
"ไง ไอ้เสือ มีอะไรจะเล่าให้พ่อกับแม่ฟังมั๊ย" พงษ์ศักดิ์กล่าวขึ้นเพราะเห็นท่าทีของลูกชายคล้ายกับมีอะไรในใจ
"จะว่ามีก็มีครับพ่อ คือผมอยากลองทำฟาร์มหอยมุกน่ะครับ พ่อคิดว่าไง"
"มันไม่ง่ายแล้วก็ไม่ยากจนเกินไป มีในใจแล้วเหรอ แถวไหนล่ะ"
"ก็เกาะส่วนตัวนะครับ ผมซื้อไว้สองสามปีเห็นจะได้ ไม่ได้ทำอะไรจริงจัง ปล่อยนักท่องเที่ยวเข้าไปบ้างนาน ๆ ครั้ง"
"ดูข้อกฎหมายดีแล้วใช่มั๊ย ทำให้ถูกต้องนะ อีกอย่างอย่าไปเป็นศัตรูกับชาวบ้าน เราต้องพึ่งพาเค้า"
"ครับพ่อ ข้อนี้ผมเห็นด้วย ไม่ก้าวล่วงครับ"
"เดี๋ยวพ่อจะให้ลุงทนายเค้าดูเรื่องกฎหมาย และระเบียบให้อีกที ให้รายละเอียดพ่อไว้แล้วกัน"
"ครับพ่อ ขอบคุณครับ"
"นี่คงจะไม่ได้กลับบ้านอีกนานละซิ่ จะเลี้ยงหอยแล้วนิ่ แค่โรงแรม รีสอร์ทก็ยุงพออยู่แล้วยังจะมาเลี้ยงหงเลี้ยงหอยอีก ฉั๊นละกลุ้มไว้รอเลย ถ้าไม่ทำแล้วมันจะอดตายมั๊ยลุกเอ๊ย.." คุณนายกานดาบ่นลูกชายคนเล็กด้วยความเป็นห่วงตามประสามนุษย์แม่แต่ก็แอบตื่นเต้นเพราะเธอก็ชอบสะสมเครื่องประดับจำพวกไข่มุกอยู่ไม่น้อย
"แม่ก็ อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ซิ่ ลูกมันตั้งใจจะทำของมันเราก็ต้องสนับสนุนมันซิ่/เอาเป็นว่าเดี๋ยวพ่อให้อาทนายเค้าดูข้อกฎหมายให้ ส่วนเรื่องฟาร์มหอยก็จะให้อานนท์เค้าช่วยดู ๆ แล้วกันนะ จำอาอานนท์ได้มั๊ยล่ะเรา"
"จำได้ครับ แต่อาเค้าลาออกไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ เห็นว่าไปทำประมงอะไรสักอย่างไม่ใช่เหรอครับ"
"อือ..รวมทั้งเลี้ยงหอยมุกด้วย ป่านนี้ลูก ๆ คงโตกันหมดแล้วมั้ง ได้ยินว่าเจ้าลีอาขึ้นมัธยมปลายแล้วนิ่ แต่ยังพาน้องซนแก่นกะโหลกเหมือนเดิม คงต้องพึ่งบารมีอานนท์เค้าแล้วหละ"
"อาเค้าอยู่เลี้ยงอยู่แถวไหนเหรอครับ"
"ทางฝั่งทะเลตะวันออก เกาะXXในจังหวัดภูเก็ตนั่นแหละ แต่ห่างจากชายหาดออกไป 20 นาทีได้มั้ง แต่ธรรมชาติยังดีอยู่ อานนท์เค้าเลี้ยงไปพร้อม ๆ กับอนุรักษ์ไปด้วย หายากนะคนแบบนี้ ไม่หวังผลกำไรจนเกินไป มุกก็น้ำงามนะ"
"เหรอครับ ก็ไม่ห่างจากเกาะของผมเท่าไรนี่ครับ ของผมห่างจากชายหาดไป 20 นาที เหมือนกัน"
"อืมดี เดี๋ยวพ่อจะได้ฝากฝังอาเค้าให้ เราเองถ้าคิดจะทำต้องหนักแน่น ระวังตัวด้วย ทุกอย่างมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบหรอกนะ" พงษ์ศักดิ์ได้แต่เตือนลูกชายคนเล็กหวังว่าจะซึมซับไม่มากก็น้อยเพราะเขาต้องเจออะไรอีกเยอะ