บทที่ 3 แต่งงานใหม่ เพื่อแก้แค้น
หลายวันผ่านไป หลังจากงานศพของรมิดาได้เสร็จสิ้นลง เลโอยังคงโศกเศร้าเสียใจกับการจากไปของคนที่รัก ทำไมคนที่จากไปต้องเป็นรมิดา ไม่ใช่คาริสาลูกสาวมาเฟียคนนั้น แถมตอนนี้ชายหนุ่มได้รู้มาว่า เด็กสาวคนนั้นปลอดภัยดี นั่นยิ่งทำให้ไฟในใจของเลโอปะทุเพิ่มขึ้น
คนตัวสูงได้คิดทบทวนอยู่หลายวันแล้วว่า วิธีที่จะแก้แค้นให้รมิดาได้คือการแต่งงานกับเด็กสาวคนนั้น ไม่รอช้าเจ้าของใบหน้าหล่อเหลารีบหยิบกุญแจรถ มุ่งหน้าไปยังบ้านของมาเฟียอันดับหนึ่งของประเทศทันที
ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
รถซีดานสีบรอนซ์เงินปราดเข้าจอดยังลานโล่งในบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่า ร่างสูงโปร่งก้าวเข้าสู่พื้นที่ของบ้านด้วยท่วงท่าสง่าผ่าเผยในชุดสูทสากลสีเทาเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกใดๆ
ระหว่างทางที่เดินมา มีผู้คนก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการเคารพ ซึ่งใคร ๆ ต่างรู้ดีว่าเขาคือผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในวงการมาเฟีย เพราะเมื่อไม่นานมานี้เขาได้รับตำแหน่งต่อจากคุณปู่ เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับภรรยาน้อยของเขาเสียชีวิต ผู้หญิงคนนั้นคือรมิดานั่นเอง
“สวัสดีครับ คุณเลโอ คุณท่านรออยู่ด้านในแล้วครับ” เสียงของลูกน้องคนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นผายมือเชื้อเชิญเลโอเข้าไปทางด้านใน
ภายในห้องที่ออกแบบเป็นสีโทนเข้ม ดูเรียบ ๆ แต่ทุกอย่างดูมีราคาแพง ชายอายุประมาณ 45 ปีนั่งอยู่ทางด้านใน ท่าทางน่าเกรงขาม แต่นั่นเลโอก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด คงเป็นเพราะเลโอเป็นคนประเภทเดียวกันกับคนตรงหน้านี้
“สวัสดีครับ คุณลี่” ชายหนุ่มทักทายตามมารยาท แต่ยังคงมีใบหน้าที่เรียบนิ่งอยู่เฉกเช่นเดิม
“ทำไมถึงเปลี่ยนใจมาแต่งงานกับลูกสาวผมแล้วล่ะ” ไม่รอช้ามาเฟียผู้ทรงอิทธิพลได้เอ่ยถามจุดประสงค์ของเลโอทันที
“ที่ลูกสาวของคุณฆ่าตัวตายเพราะไม่ได้แต่งงานกับผมไม่ใช่เหรอครับ ผมมาที่นี่เพื่อช่วยชีวิตลูกของคุณนะครับ เพื่อไม่ให้เด็กคนนั้นฆ่าตัวตายอีก”
ผู้เป็นพ่อของเด็กสาวปรายตามองเลโอด้วยแววตาที่เคลือบแคลงสงสัย พร้อมกับเอ่ยปากพูดต่ออีกว่า
“ผมรู้นะว่าตอนที่ลูกสาวผมกระโดดตึกลงมา ผู้หญิงเคราะห์ร้ายคนนั้นคือภรรยาของคุณ”
“ครับ”
“หากคิดจะทำอะไรลูกสาวผมล่ะก็ ผมไม่ปล่อยคุณเอาไว้แน่”
“ครับ”
มาเฟียผู้ทรงอิทธิพลหรี่ตามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่ลดละ ถึงแม้ครั้งนี้จะยอมทำตามใจลูกสาว ทว่าไม่อาจไว้ใจชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลานี้ได้ เนื่องจากได้ยินมาว่า เลโอแต่งงานกับลูกสาวตระกูลดังเพื่ออำนาจ ตอนนี้ชักไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มคิดจะแก้แค้นหรือแต่งงานเพื่ออำนาจกัน หากเป็นเรื่องอำนาจเขายินดีที่จะให้แต่งงานอยู่แล้ว เพราะสองตระกูลต่างมีอำนาจ มาเกี่ยวดองกัน ในอนาคตยิ่งไม่มีใครต่อกรได้
“อืม เอาเป็นว่าผมตกลง ขอให้หมั้นกันไปก่อน ให้ลูกสาวของผมไปลองใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของคุณก่อน หากเรื่องแต่งงานให้ลูกของผมตัดสินใจเองแต่ลูกสาวของผมต้องเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ผมได้ยินมาว่าคุณมีภรรยาหลวงอยู่แล้ว หวังว่าจะจัดการให้เหมาะสม”
“ครับ เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงครับ ผมยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส”
“งั้นก็ดี”
“ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว อย่างนั้นผมขอตัว” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง พร้อมกับโค้งตัวเล็กน้อยตามมารยาท
“อืม ผมจะแจ้งไปอีกที”
บรืน…เอี๊ยด..ดด
รถคันหรูสีดำจอดเทียบตรงหน้าประตูของบ้านตระกูลลี่ เป็นบ้านมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลอันดับหนึ่งในประเทศ ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก็มีหญิงสาวหน้าตาสะสวย ได้ก้าวขาเรียวลงจากรถ ด้วยใบหน้าที่กำลังสับสน เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้มันทำเอาคนตัวเล็กแทบช็อค หญิงสาวจำได้คร่าว ๆ ว่าก่อนหน้านี้ เธอเดินหาที่พักอยู่แถว ๆ บริเวณตึกสูง อยู่ ๆ ก็มีร่างของเด็กสาวคนหนึ่งกระโดดจากตึกร่วงลงมาทับร่างของเธอพอดี
เดิมทีคิดว่าตัวเองจะตายไปแล้ว แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้เข้ามาอยู่ในร่างของเด็กสาวคนนั้นได้
“เฮ้อ” รมิดาถอนหายใจหนัก เพราะเธอไม่จักใครเลย ได้แต่เล่นตามน้ำไป และแกล้งความจำเสื่อม จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าตอนนี้เธอคือ รมิดา ที่เข้ามาอยู่ในร่าง คาริสา
ทันทีที่เธอก้าวขาลงจากรถมาเหยียบบนพื้นกระเบื้องหน้าบ้านนั้น ก็เห็นผู้ชายใส่ชุดสูทสีดำเข้ม และเหล่าคนใช้ ยืนก้มหน้าเรียงรายต้อนรับการกลับมาของเธอ คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นด้วยความประหม่า เนื้อตัวเกร็งไปหมด ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยเห็นคนเยอะถึงขนาดนี้ คนตัวเล็กก้มหน้าต่ำลงทันที เพราะความรู้สึกวิงเวียนที่ศีรษะ ปราดแล่นเข้ามาอย่างกะทันหัน หัวใจของเธอเริ่มเต้นแรงขึ้น จนกระทั่งเป็นลมล้มพับไป
“ริสา!” เสียงผู้เป็นแม่ร้องออกมาด้วยความตกใจ รีบวิ่งเข้ามารับตัวของลูกสาวเอาไว้ นัยน์ตาสีน้ำผึ้งมองร่างเล็กด้วยความเป็นห่วง
ในช่วงเวลาเดียวกัน เลโอได้เดินลงมาเห็นเหตุการณ์พอดี เพื่อที่จะทำให้ครอบครัวของตระกูลลี่พึงพอใจ ตอนนี้เขาน่าจะยื่นมือเข้าช่วย ทำคะแนนเสียหน่อย ทว่าแวบแรกที่เขาได้เห็นคนตัวเล็กล้มลง ภาพของรมิดาได้ซ้อนทับร่างของคาริสาไว้ ทำให้เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาชะงักนิ่ง ได้แต่คิดอยู่ภายในใจว่าตัวเองคงจะคิดถึงภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้วมากเกินไป จึงเห็นภาพหลอน
ไม่รอช้าร่างสูงได้เดินเข้าไปแล้วช้อนตัวคาริสาขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขน จากนั้นพูดว่า “ยังไม่หายดีอย่างนั้นเหรอครับ”
“คุณหมอบอกว่าอาการปกติดีแล้วจ้ะ แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เห็นคนเยอะ ๆ ก็ยืนนิ่งหน้าซีดแล้วเป็นลมไป”
“คงจะเป็นแพนิคมั้งครับ” เลโอตอบ เพราะอาการนี้รมิดาเองก็เป็นเหมือนกัน
“จริงเหรอจ้ะ เมื่อก่อนริสาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน”
“ครับ พาเธอไปโรงพยาบาลอีกรอบไหมครับ เดี๋ยวผมพาไป”
“เมื่อกี้ก็พึ่งออกจากโรงพยาบาลมาจ้ะ รอฟื้นก่อนก็ได้จ้ะ เดี๋ยวฉันถามลูกสาวเองว่าจะไปไหม เพราะก่อนหน้านี้เธอไม่ชอบโรงพยาบาล บ่นจะหนีออกมาตลอดเลยจ้ะ”
“ถ้าอย่างนั้น…”
“อ่อ เดี๋ยวช่วยพาไปที่ห้องทีจ้ะ”
“ครับ”
เลโอตอบด้วยด้วยน้ำเสียงที่นิ่มลงกว่าเดิม พอมองใกล้ ๆ แล้วหญิงสาวตรงหน้ามีบางมุมคล้ายกับรมิดาอยู่เหมือนกัน อีกอย่างเมื่ออุ้มเธอแบบนี้แล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างแปลก ๆ ราวกับว่าได้อยู่ใกล้รมิดา เพียงชั่วพริบตาชายหนุ่มก็สะบัดใบหน้าพรืด เพราะความคิดที่ไม่เข้าท่าได้แล่นเข้ามาอยู่ในหัวเสียอย่างนั้น
เขาต้องการแก้แค้น จะมาอ่อนโยนต่อเหยื่อไม่ได้ เพราะคนตรงหน้าทำให้ภรรยาของเขาต้องตาย จะไม่มีทางให้อภัยได้ง่าย ๆ จนกว่าจะได้แก้แค้น อย่างสาแก่ใจ
เวลา 21.00 น.
ดวงตาคู่สวย ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ด้วยอาการที่กำลังมึนงง ดูท่าแล้ว คงไม่ใช่ความฝัน แต่มันคือเรื่องจริง
“อยากเห็นหน้าลูกจัง” เรียวปากสีหวานเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อตื่นขึ้นมา ดูท่าแล้วการที่จะได้เจอลูกคงเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร สวรรค์อุตส่าห์เมตตามอบโอกาสให้แล้วแท้ ๆ ยังไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูกอีก
คนตัวเล็กตัดพ้ออีกครั้ง แม้ว่าตอนนี้ชีวิตจะสุขสบายแค่ไหน ถ้าไม่ได้อยู่กับลูกก็ไม่มีความสุขอยู่ดี ส่วนเลโอ ไม่รู้ตอนนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง จะเสียใจบ้างไหม กับการที่เธอได้จากไป
“เฮ้อ” เจ้าของใบหน้าสวยพ่นลมหายใจหนักออกมา พร้อมกับนั่งชันเข้า กอดขาตัวเองเอาไว้ หากตอนนี้ไม่ได้เกิดใหม่ คงกลายเป็นผีที่มีห่วง เมื่อได้มาอยู่ในร่างคนก็กลายเป็นคนทุกข์ไม่ยอมปล่อยวางซะนี่
ก๊อก ก๊อก !
“ริสาจ้ะ เป็นอะไรไหม แม่ได้ยินเสียงถอนหายใจน่ะจ้ะ”
“คะ? เอ่อ ไม่เป็นอะไรค่ะ”
“ขอเข้าไปคุยหน่อยได้ไหมจ้ะ”
“ได้ค่ะ” เสียงหวานตอบรับ จากนั้นปรับเปลี่ยนใบหน้าที่กังวลอยู่เมื่อครู่ ให้เป็นปกติ
แกร๊ก!
“เป็นอย่างไรบ้างจ้ะ ยังไม่สบายตรงไหนไหม ไปหาหมอหรือเปล่า บอกแม่ได้นะ” เสียงอ่อนนุ่มของผู้เป็นแม่ แทรกซึมเข้าสู่หัวใจรมิดา แววตาแห่งความห่วงใยจากผู้เป็นแม่ ทอดมองคนตัวเล็กอย่างไม่วางตา นี่คงเป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัส ความรักจากผู้ที่เป็นแม่ ถึงแม้คนตรงหน้าจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับหญิงสาว แต่ความรู้สึกต้องการมีแม่ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
“ไม่เป็นอะไรค่ะ แค่รู้สึกคิดถึงแม่นิดหน่อย ฮึก….” ร่างบางสะอื้นสั่นสะท้านน้อย ๆ หยดน้ำตาค่อย ๆ ไหลมาที่หางตา หากเธอมีแม่ แม่ของเธอจะใจดีแบบนี้ไหมนะ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทำไมแม่ไม่เคยออกมาตามหาเธอเลย
“โถ ลูกคนนี้นี่ แม่ก็อยู่นี่ไง ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่ต้องกลัว แม่จะอยู่ข้าง ๆ เอง ต่อไปนี้ไม่ว่าเรื่องอะไร ต้องปรึกษาแม่ก่อนรู้ไหม อย่าตัดสินใจคนเดียวเด็ดขาด ถึงโลกนี้ลูกจะไม่มีใคร แต่ให้รู้เอาไว้ยังมีแม่นะ….”
ผู้เป็นแม่เอ่ย พร้อมกับรั้งตัวของหญิงสาวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด น้ำตาแห่งความดีใจที่ได้ลูกกลับคืนมา พร้อมทั้งความรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจจบชีวิตของลูกสาว
“ริสารู้อะไรไหม…วินาทีที่…แม่เห็นร่างของลูกที่โรงพยาบาล…หัวใจของแม่แหลกสลายไปหมดแล้ว…”
“คุณหมอบอกว่าลูก…ลูกสาวของแม่เสียชีวิตแล้ว….วินาทีนั้นความรู้สึกมันเจ็บปวดที่สุดเลย….”
“เขาว่ากันว่าการคลอดลูกเจ็บปวดที่สุดในชีวิตของแม่….แต่ความเป็นจริงแล้ว มันไม่ใช่เลย….สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดของคนเป็นแม่ คือเห็นลูกจากไปต่อหน้าต่อตาต่างหาก….ฮึก” สุดท้ายน้ำตาของผู้เป็นแม่ ค่อยๆ หยดลงต้นคอของรมิดา คนตัวเล็กชะงักนิ่ง ได้แต่ใช้มือเล็กลูบหลังของผู้เป็นแม่เบาๆ เพื่อปลอบโยน
ครอบครัวของเธอก็รักเธอดี…ทำไมเด็กสาวคนนี้ถึงตัดสินใจจบชีวิต….รมิดาคิดในใจ แต่ไม่ได้เอ่ยออกมาตรง ๆ ไว้ค่อยถามทีหลังแล้วกัน ตอนนี้จะทำยังไงให้คนตรงหน้าหยุดร้องไห้
“เอ่อ…คือ…ริ…ริสาจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้วค่ะ…คะ…คุณแม่” เรียวปากสีหวานเอ่ยส่งกำลังใจให้ผู้หญิงตรงหน้าอย่างตะกุกตะกัก เนื่องจากยังไม่ชินกับการเรียกแม่สักเท่าไหร่ แต่พอได้เรียกแล้ว รู้สึกชื้นที่หัวใจแปลก ๆ
ทำไมถึงรู้สึกผูกพันกับผู้หญิงคนนี้ได้…ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน….
“ได้ยินแบบนี้แม่ก็เบาใจลงแล้วจ้ะ แม่ไม่อยากเสียลูกไปอีกคนแล้ว” คุณหญิงวัย 45 ปีเสียงอ่อนลง พร้อมกับใช้มือลูบศีรษะของรมิดาเบา ๆ แล้วเปลี่ยนมาเป็นท่านั่งเหมือนจับเข่าคุยกัน
“ริสาจ้ะ เรื่องที่แม่จะมาคุยด้วยคือเรื่องการหมั้นของลูกจ้ะ”
“คะ? หมะ…หมั้นกับใครคะ?”
คนตัวเล็กโพล่งออกมาด้วยความตกอกตกใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าชีวิตนี้นอกจากจะได้เข้ามาอยู่ในร่างของคนอื่นแล้ว ต้องหมั้นกับคนที่ไม่รู้จักอีก