ใยบัว
“อึก!” เจ็บเหมือนร่างจะแตกเลย ครั้งแรกของฉันช่างไม่น่าจดจำเลยสักนิด ทั้งเกิดขึ้นกับคนที่ฉันไม่ได้รัก ทั้งเกิดขึ้นเพราะเหตุผลเห็นแก่ตัว มันมีแต่ความข่มขื่น ความเจ็บปวดจนฉันอยากลบความทรงจำและความรู้สึกพวกนี้ทิ้งไปให้หมด ไม่ต้องจำอะไรเลย
แต่คิดว่าฉันจะเสียใจจนร้องไห้หรอ ใช่ฉันเสียใจ แต่ฉันไม่มีทางร้องไห้กับเรื่องนี้อีกแล้ว คนที่ทำให้ชีวิตฉันพังไม่ใช่ใคร แต่เป็นเพราะผู้บังเกิดเกล้าของฉัน แล้วฉันจะต้องผิดหวังกับตัวเองทำไม ฉันจะต้องมานั่งเศร้าทำไม ในเมื่อสิ่งนี้แม่เลือกให้ฉันเองนี่
ฉันฝืนตัวลุกเพื่อไปล้างคราบสกปรกพวกนี้จากร่างกายตัวเองด้วยความยากลำบาก เพราะทุกย่างก้าวของฉันมันสะท้านถึงจุดกลางกายของฉัน มันร้าวระบมจนแทบไม่อยากขยับเลยสักนิด แต่ก็ต้องฝืนลากตัวเองไปจนถึงห้องน้ำให้ได้
...
หลังจากฉันออกจากห้องน้ำก็เห็นผู้ชายคนนั้นนั่งพิงอยู่ที่เตียงก่อนเขาจะหันมามองฉัน ฉันไม่ได้พูดอะไร พยายามเดินไปเก็บซากเสื้อผ้าที่ไม่รู้ใส่ได้หรือเปล่าจะได้ไม่ไปตัวเปล่า
“หลังจากนี้เธอก็อยู่ที่นี่จนกว่าจะหมดน่าที่เธอ” ผู้ชายคนนั้นพูดขึ้น ทำให้ฉันหันไปมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมฉันต้องอยู่ที่นี่ ฉันกลับไปอยู่...” ฉันชะงักลง เพราะถ้าถามฉันตรงๆให้ฉันกลับไปอยู่บ้านตอนนี้ฉันก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน ฉันบอกตามตรงว่าฉันโกรธแม่มาก โกรธมากจนฉันยังไม่พร้อมเจอหน้า ไม่พร้อมกลับไปเหยียบบ้านหลังนั้น
“หึ อย่าขัดคำสั่งฉัน” เขาสบทคำขึ้นเหมือนกับรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเรียบ
“.....” ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่ฉันก็คงเลือกอะไรไม่ได้อยู่ดี
“เสื้อผ้าของใช้เธอฉันจะให้คนเอามาให้” ผู้ชายคนนั้นพูดก่อนจะลุกเข้าห้องน้ำไป ฉันเลยเดินมานั่งที่ขอบเตียงด้วยความคิดมากมายที่ไหลย้อนเข้าหัวตัวเอง
ถึงแม้ว่าฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ กับผู้ชายคนนี้ แต่ถ้าเกิดฉันกลับไปบ้านตอนนี้ แม่กับผู้ชายคนนั้นคงจะเห็นว่ามันง่ายมาก พวกเขาอาจจะใช้วิธีนี้อีกครั้งก็ได้ ถึงแม้ว่าสำหรับฉันจะคิดว่าไม่มีทางอีกก็ตาม แต่อย่างครั้งนี้ฉันถูกพาออกจากบ้านได้อย่างไม่รู้ตัว แล้วถ้ามันมีอีกก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
Rrrrr เสียงโทรศัพท์ของผู้ชายคนนั้นดังขึ้นทำให้ฉันสะดุ้งด้วยความตกใจ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจจะไปยุ่งของๆเขาอยู่แล้วก่อนตัดสินใจเดินออกไปที่ระเบียงห้องที่มีเก้าอี้วางอยู่
ท้องฟ้าที่เริ่มมืดลง ไม่ต่างจากชีวิตฉันที่มืดมิดในตอนนี้ ท้องฟ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ก็เหมือนอนาคตฉันตอนนี้ที่มองไม่เห็นจุดหมายเลยว่าจะเป็นยังไงต่อไป
“ฉันจะออกไปข้างนอก เดี๋ยวแม่บ้านเอาอาหารมาให้ แล้วถ้าง่วงก็นอนได้เลย” เสียงของผู้ชายคนนั้นดังขึ้นด้านหลังก่อนจะเดินออกไป ฉันก็ไม่ได้ตอบหรือถามอะไรเขา ตัวขัดดอกอย่างฉันไม่มีหน้าที่ต้องถามและไม่มีอะไรต้องพูดอยู่แล้ว นอกจากรอให้เขากลับมาทำในสิ่งที่เขาต้องการจนกว่าเขาจะพอใจแล้วปล่อยฉันไป
กองปราบ
“ไง” ทันทีที่ผมเดินเข้ามาในห้องทำงาน ผมก็เอ่ยทักนายมงคลที่นั่งรออยู่พร้อมกับลูกน้องของผมออกไปอย่างคุ้นเคย
นายมงคงหรือนักธุรกิจรับเหมารายใหญ่ที่เคยรุ่งเรืองติดอันดับต้นๆของประเทศ แต่หันมาสนใจการลงทุนกับผ่อนจนกลายเป็นผีพนันทิ้งงานเอาเวลามาทุ่มให้กับบ่อน จากคนมีอันจะกินตอนนี้แค่จะกินไม่รู้จะหาที่ไหนเพราะเป็นหนี้พนันกับบ่อนอยู่นั่นเอง และที่สำคัญจากประวัติแล้วดันเป็นลูกหนี้ที่ประวัติไม่ดีเลยทุกครั้งที่เข้ามาในบ่อนก็มักจะเข้ามาขอผลัดวันจ่ายหนี้ผม จนผมคิดว่าต้องสั่งสอนให้รู้จักเข็ดบ้างแล้ว
“ผมอยากขอเวลาคุณอีกสักเดือนได้ไหมครับ” นายมงคลพูดอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด จะบอกว่าผมเห็นจนชินแล้วไงเพราะผมอยู่บ่อนกับพ่อตลอด
“รอบที่แล้วคุณพูดว่ายังไครับ คุณมงคล” ผมพูดออกไปเสียงราบเรียบ
“อีกสักครั้ง ผมสัญญาว่าครั้งนี้ผมจะหามาคืนคุณให้ได้” นายมงคลเอ่ยขอร้องเพื่อขอโอกาสอีกครั้ง แต่โอกาสมันมีสำหรับคนสำนึกเป็นไม่ใช่หรอ คนที่สำนึกไม่เป็นไม่เหมาะกับคำว่าโอกาส
“ผมว่า ผมฟังคำสัญญาของคุณมาจนไม่รู้สึกขลังแล้วสิ” ผมเอนตัวพิงเก้าอี้แล้วพูดขึ้นอย่างที่ใจคิด
“ผมขอร้องนะครับ ตอนนี้ผมกำลังเร่งหาให้คุณอยู่” น้ำเสียงร้อนรนขึ้นไม่ต่างจากตอนยืม แต่ต่างกันตรงที่ตอนยืมรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ พอถึงตอนคืนกลับลืมคำพูดของตัวเอง
“ก็ได้ ถือว่าเราลงทุนร่วมกันมานาน ผมจะให้โอกาสคุณ” ผมตอบกลับไปอย่างสบายๆ
“จริงหรอครับ ขอบคุณมากนะครับ” นายมงคลพูดขึ้นด้วยความดีใจ
“เดือนเดียวนะครับ ถ้าหาเงินมาจ่ายผมครบเมื่อไหร่ ค่อยมาเอาสิ่งนี้คืนไป” ผมพูดพร้อมกับโยนเอกสารบางอย่างไปบนโต๊ะให้นายมงคลได้เห็น ก่อนมันจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“คุณ!” ท่าทีที่กำลังกลัวแบบนี้คืออะไรกันนะ น่าขำสิ้นดี
“เดือนหน้าผมหวังว่าเราจะได้พบกันพร้อมกับข่าวดีนะครับ” ผมพูดด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนจะหันไปส่งสายตาให้แชมป์ลูกน้องมือซ้ายของผมพามันออกไป
แล้วนางมงคลก็เดินออกจากห้องผมไปพร้อมกับความกลัว ความไม่พอใจ แต่ดันทำอะไรไม่ได้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งหลังจากผมนั่งเคลียร์งานต่อ วันนี้ตั้งแต่เช้าไม่ได้เข้าบ่อนเลยเพราะมัวแต่กินเนื้อชั้นดี งานก็เลยค้างแบบนี้
“เข้ามา”
“ลูกค้าเสียพนันโวยวายทำลายข้าวของ ตอนนี้เอาไปไว้ในห้องดำแล้วครับ” บอลก็เดินเข้ามารายงานบางอย่างกับผม
“อืม” ผมตอบกลับก่อนจะลุกเดินออกจากห้องเพื่อไปจัดการกับพวกแพ้แล้วพาลที่มันมีอยู่ให้เห็นบ่อยๆ
ผมเดินเข้ามาในห้องดำห้องที่คนสติดีๆไม่คิดอยากเข้ามัน เพราะถ้าได้เข้ามาแล้ว ไม่รู้จะได้กลับออกไปในสภาพไหนนั่นเอง
“บ่อนนี้มันโกง บ่อนเฮงซวย!” เสียงกร่นด่าของลูกค้ารายหนึ่งที่ยังไม่สำนึกด่าลูกน้องที่ยืนคุมอยู่อย่างไม่รู้ตัว ว่าตัวเองกำลังจะเจออะไร
“นายวันชัย เล่นเสียไปสามล้านครับ” บอลที่เดินตามมาบอกข้อมูลผม
“สวัสดีครับคุณวันชัย” พอผมเดินเข้าไปหยุดตรงหน้ามัน ผมก็เอ่ยทักลูกค้ากิตติมศักดิ์ออกไป เพราะยังไงมันก็ยังอุตส่าห์เอาเงินมาให้บ่อนผมตั้งสามล้านก่อนตาย
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” นายวันชัยหันมาเห็นผมก่อนจะตะคอกออกมา เก่งดีนี่ขนาดถูกมัด แถมลูกน้องผมเยอะขนาดนี้ยังปากดี
“แล้วถ้าผมไม่ปล่อยล่ะครับ” ผมเอียงหัวถามออกไปด้วยความไม่รู้
“แกก็รู้ว่าฉันเป็นใคร ถ้าไม่อยากเดือดร้อนไม่อยากให้บ่อนของแกเดือนร้อนก็ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” นายวันชัยขู่ออกมา
“ว้าว น่ากลัวจริงๆเลยนะครับ” ผมพูดขึ้นด้วยความกลัวต่อคำขู่ของนายวันชัย
“แก!...ถ้าฉันออกไปได้เมื่อไหร่ ฉันจะบอกทุกคนให้หมดเลยว่าบ่อนแกมันโกง! คอยดู!” นายวันชัยพูดออกมาด้วยความโกรธ แต่กลับไม่ดูสภาพตัวเองเลยสักนิด
“คุณพูดให้ผมกลัวรู้ไหม...”
“แล้วเมื่อไหร่ที่ผมกลัว ผมก็คงไม่มีทางปล่อยคุณออกไป” โง่สิ้นดี แทนที่จะขอร้องกันดีๆ แต่กลับมาขู่แบบนี้ ถ้าเป็นคนใครก็ไม่มีทางปล่อยให้มันออกไปสร้างความเดือนร้อนให้ตัวเองอยู่แล้ว และหนึ่งในนั้นก็คือผม
ต่อให้ผมไม่กลัว แต่ผมก็ขี้เกียจให้เรื่องวุ่นวายมากวนใจผม ฉะนั้น ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมง่ายกว่านะครับ
“แก!...” เหมือนพึ่งรู้ตัวว่าตัวเองเผลอพูดอะไรโง่ๆออกมา
“งั้นเราเริ่มคำนวณความเสียหายที่คุณสร้างให้บ่อนผมเมื่อกี้ดีกว่านะครับ” ผมพูดขึ้นก่อนจะเดินไปที่โต๊ะไม้โต๊ะหนึ่ง และบนโต๊ะนั้นก็มีของเล่นที่คนทั่วไปไม่ค่อยชอบเท่าไหร่อยู่เต็มไปหมด
“จะ...จะทำอะไร” เสียงสั่นที่ต่างจากก่อนหน้านี้เอ่ยขึ้นด้วยความลนลาน ผมก็หลงคิดว่าจะเก่งถึงที่สุด ที่ไหนได้ ดูสภาพตอนนี้สิ ดูได้ที่ไหนกัน
“ถือว่าคุณสร้างรายได้ให้บ่อนผม งั้นผมให้คุณเลือกระหว่างกรงเสือ หรือว่าบ่อจระเข้ดีครับ” ผมถามคนตรงหน้าออกไปอย่างให้เกียรติ พร้อมกับเลือกของมีคมบางอย่างขึ้นมาถือ
“ยะ...อย่านะ” เสียงสั่นพร้อมสายตาลนลานอย่างปิดไม่มิด
“คงไม่ได้หรอกครับ เพราะถ้าผมปล่อยคุณไป คุณก็คงไปบอกคนอื่นๆว่าบ่อนผมโกง” จริง หึ บ่อนไหนไม่โกงบ้างวะ ถามหน่อยเถอะ แต่แล้วยังไง คนโลภก็แม่งไม่คิดกันหรอก มันหวังแค่ว่าเขามาต้องได้กลับไปแค่นั้น
“ฉะ...ฉันไม่พูด ไม่พูดแน่นอน!” คนเราพอใกล้ความตายก็ทำได้ทุกอย่างจริงๆสินะ แล้วก่อนหน้านี้มันคิดว่าผมพามันเข้ามาชมบรรยากาศในห้องนี้เล่นหรือไงถึงพึ่งรู้สึกตัว
“นั่นสิครับ ผมก็คิดว่าคุณคงไม่พูดแน่นอน” เพราะมันคงไม่มีโอกาสได้พูดอีกแล้วยังไงล่ะ
สวก!!!
“อ๊ากกก”