ใยบัว
“อื้อ” ฉันที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาบิดตัวไล่ความเมื่อยล้าของร่างกาย เมื่อคืนฉันหลับสนิทมากหลับจนไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด
“หึ” แต่เดี๋ยวนะ ทำไมเหมือนฉันได้ยินเสียงใครสบทขำอยู่ใกล้ๆเลยล่ะ
ฉันลืมตาขึ้นมาก่อนสายตาฉันจะหันไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งนอนตะแคงชันแขนอยู่บนเตียงข้างๆฉัน ผู้ชายผิวขาว คิ้วหนา ตาคมเหมือนเหยี่ยว จมูกโด่งเป็นสัน ปากสีคล้ำนิดๆเหมือนมาจากการดูดบุหรี่แต่ทรงหน้าจูบ แต่หน้าตาเขาคล้ายกับใครสักคนที่เหมือนฉันเคยเจอ แต่ฉันตื่นแล้วไม่ใช่หรอ แล้วทำไมฉันฝันอยู่ล่ะ หรือว่าฉันฝันซ้อนฝันกันนะ
“มองขนาดนี้จะจูบฉันก็ได้นะ” เสียงที่ดังขึ้นอีกรอบมันชัดเจนจนทำให้ฉันได้สติและปรับสายตาตัวเองมองชัดๆอีกครั้ง
“นาย! นายเข้ามาอยู่ในห้องฉันได้ยังไง!” ฉันตกใจสะดุ้งเด้งตัวลุกขึ้นและถามผู้ชายคนนั้นทันที ผู้ชายที่เขามาบ้านฉันเมื่อวาน แล้วยื่นข้อเสนอทุเรสๆพวกนั้นให้ฉัน แต่ทำไมตอนนี้เขามาอยู่ในห้องฉันได้ หรือว่า...
“หึ” เขาไม่ตอบแต่กลับสบทขำออกมา นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกไม่ชอบหน้าเขามากกว่าเดิม และรู้สึกโมโหมากกว่าเก่า
“ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!” ฉันไล่เขาขึ้นแล้วขยับลงจากเตียงให้ห่างจากผู้ชายคนนี้
“ดูให้ดีก่อนไหมว่าห้องที่เธอพูดอยู่เป็นห้องใคร” แต่คำพูดของผู้ชายคนนั้นก็ดังขึ้นทำให้เท้าฉันชะงัก
ฉันดึงสติตัวเองก่อนจะหันไปมองรอบๆห้องอย่างที่เขาพูดอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นทุกอย่างเต็มสองตาตัวเอง ที่นี่มันไม่ใช่ห้องของฉัน แล้วที่นี่ที่ไหน ห้องของเขาอย่างนั้นหรอ แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง อย่าบอกนะ
“นายลักพาตัวฉันมา!” ฉันถามออกไปอย่างต้องการคำตอบ นี่เขาเลวถึงขนาดลักพาตัวฉันมาแบบนี้เลยหรอ ทั้งที่ฉันปฏิเสธเขาชัดแล้วว่าฉันไม่เอาตัวเข้าแลกกับเงินนั้นของเขา แต่เขาก็ยังทำ เลวที่สุด
“ลักพาตัวมันต้องใช้กับกรณีที่ไม่มีใครรู้เห็น แต่นี่ ทั้งพ่อเลี้ยงเธอ แล้วก็แม่ของเธอ...” เขาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเหมือนกับเรื่องที่กำลังพูดเป็นเรื่องที่ทำให้เขามีความสุขและรู้สึกขำ
แต่เขาจะรู้ไหมว่าคำพูดของเขามันเหมือนกับฟ้าผ่าลงกลางใจของฉันแค่ไหน เขาบอกว่าแม่ของฉันรู้เห็นกับการที่เขาพาฉันมาแบบนี้งั้นหรอ ไม่จริง ถึงแม่ฉันจะไม่ได้เป็นแม่ที่น่ารักเหมือนเดิม ถึงแม่ฉันจะหลงผู้ชายคนนั้นมาก แต่ฉันก็เชื่อว่ายังไงแม่ก็ไม่มีทางทำแบบนี้กับฉันเด็ดขาด ไม่มีทาง
“ช็อกไปเลยหรอที่รู้แบบนี้ แต่ฉันจะบอกให้เธอรู้อีกอย่างนะ ว่านอกจากพ่อแม่เธอจะรู้ว่าฉันเป็นคนพาเธอออกมา พวกเขานั่นแหละที่เป็นคนเปิดประตูรอฉัน แล้วเป็นคนเดินมาบอกฉันด้วยตัวเองเลย ว่าให้เข้าไปเอาเธอออกมา” ผู้ชายคนนี้ยังคงพูดขึ้นไม่หยุด เขาพูดออกมาเหมือนกับมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ พูดออกมาเหมือนกับเป็นเรื่องสนุกของเขา
แต่ฉันไม่ได้สนุกกับเขาเลย แม่ที่เป็นครอบครัวของฉัน แม่ที่เป็นคนเดียวที่ฉันเหลืออยู่ แม่ที่ยังทำให้ฉันรู้ว่าฉันยังต้องสู้เพื่อตัวเองและใคร แต่วันนี้แม่กลับทำความรู้สึกพวกนี้ของฉันพังไปหมด ถึงแม่ไม่รักฉันเหมือนเดิม แต่ฉันก็ไม่คิดว่าแม่จะขายฉันแลกกับเงินพวกนั้นได้ลงคอ ไม่คิดว่าแม่จะยืนมองผู้ชายคนนี้พาฉันออกมาจากบ้านได้
แมะ อยู่ๆน้ำตาฉันก็ไหลออกมาอย่างไร้เสียงสะอื้น แต่จะให้ฉันทนได้จริงๆหรอ นั่นแม่ฉันนะ แม่ที่ฉันยังรักและยอมรับภาระมากมายที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ที่แม่ไม่ได้ก่อ เพื่อให้แม่ไม่ต้องเครียด
แต่นี่ใช่ไหมภาระอีกอย่างที่ฉันต้องรับมัน ต้องรับมันอย่างไม่เต็มใจอย่างที่ผ่านๆมา ต้องยอมทนมาเป็นผู้หญิงของเจ้าหนี้จนกว่าเขาจะพอใจเพื่อแลกกับดอกเบี้ยสามแสนของผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่แม่คงรักมากกว่าลูกอย่างฉัน
“ชู่วว ไม่ต้องร้องนะสาวน้อย ถือว่าตอบแทนบุญคุณพ่อแม่เธอไง” ผู้ชายคนข้างๆพูดแล้วยกมือขึ้นมลูบหัวฉันเหมือนกับเอ็นดูและสงสาร แต่ถ้าได้ยินน้ำเสียงติดขำของเขาแล้วจะรู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ได้สงสาร แต่เขากำลังสมเพช
“ถ้าฉันไม่ทำอย่างที่นายต้องการล่ะ” ฉันยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองออกอย่างลวกๆก่อนจะถามเขาขึ้นโดยไม่ได้หันไปมองหน้าเขา
“เธอคิดว่าเธออยู่ตรงนี้แล้วเธอจะรอดงั้นหรอ” เขาพูดขึ้นเหมือนกับตลกกับคำถามของฉัน แต่ก็ตลกจริงๆนั่นแหละ ตอนนี้ฉันอยู่กับเขา อยู่ในที่ของเขา ฉันคงไม่มีทางหนีเขาได้
“แล้วถ้าฉันทำแล้ว คุณจะลดหนี้ให้แม่ฉันเท่าไหร่” ฉันถามขึ้นอีกครั้ง
“หึ ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของฉัน” เขาขำขึ้นอย่างพอใจก่อนจะตอบออกมา
“แล้วนานแค่ไหน”
“เหมือนเดิม จนกว่าฉันจะพอใจและรู้สึกเบื่อกับร่างกายของเธอ” เขาพูดขึ้นเหมือนกับฉันไม่ใช่คน เหมือนกับฉันไม่มีค่า
แต่ไม่แปลก คนมีเงินอย่างเขา กับลูกหนี้อย่างฉัน มันก็แน่อยู่แล้วที่คนอย่างเขาจะมองฉันเป็นของเล่นมีชีวิตที่อยากจะเล่นยังไงก็ได้ อยากจะทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้แค่เขาเบื่อ
“แต่ไม่ต้องกลัวฉันมันพวกขี้เบื่อ เล่นอะไรได้ไม่นาน อีกอย่างลูกหนี้ฉันเยอะ แล้วพวกนั้นก็พร้อมจะมาขัดดอกฉันด้วยวิธีนี้เหมือนกัน เธอคงใช้เวลาขัดดอกไม่นานกว่าคนอื่นๆ” เขาพูดขึ้นอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้ฉันหันไปมองหน้าเขาอีกครั้งก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดตัวเองแล้วพูดออก
“ฉันตกลง” ฉันจะถือว่าทำอย่างที่เขาพูด ถือว่าตอบแทนบุญคุณแม่ แล้วมันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะตอบแทนแม่ด้วยเรื่องพวกนี้อีกต่อไป
“หึ ถ้าทำตัวดีๆแบบนี้ไม่ต้องกลัว ฉันจะใจดีกับเธอ”
ตุบ!