ตอนที่ 5 กินยา หวานลิ้น อันหยางบ่งบอกอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นได้เป็นอย่างดี ทันทีพ่อบ้านรายงานว่า ส่งคุณหนูกวนจนถึงจวนแล้ว และนางฝากมาบอกว่า ให้ดูแลตนเองให้ดี นางเป็นห่วง พลันใบหน้าที่กำลังกรุ่นโกรธเพราะมิอาจจะต่อกรกับสตรีตัวเล็ก ที่นอนซมอยู่บนเตียงได้
“ข้าเป็นสามีของนางนะ แทนที่จะพูดจาให้มันรื่นหูหน่อยไม่ได้ พูดมาแต่ละคำมีแต่คำข่มขู่” เสียงบ่นพึมพำกับพ่อบ้านฉาง บ่าวรับใช้เก่าแก่ประจำจวนฉางแห่งนี้ พ่อบ้านยกยิ้มขึ้นและท่าทางนอบน้อมก่อนจะเอ่ยถ้อยคำให้ความปรึกษา
“นายน้อย อย่าลืมว่านางเป็นหลานสาวของท่านขุนพล อีกอย่างพี่ชายของนางก็ยังเป็นขุนพลซ้ายอีกด้วย นางเป็นเสือยังไงก็ยังคงเป็นเสือจะให้เป็นสุนัขน้อย หรือแมวเหมียวที่คอยออดอ้อนไม่ได้” พ่อบ้านฉางผู้ที่ชรามากแล้ว เอ่ยขึ้น และยังคงจดจำถ้อยคำของฮูหยินและนายใหญ่ของตระกูล ให้ดูแลฮูหยินน้อยให้ดี
“ข้ารู้ แต่ข้าเบื่อนักที่โต้เถียงนางมิได้สักครึ่งคำ” ท่าทางหัวเสียเดินเข้าไปในเรือนของตนเอง นั่งลงที่เก้าอี้พร้อมสายตาแค้นเคืองภรรยาข้ามคืน หากเป็นมี่เจิน ของเขานางมิมีทางที่จะทำเช่นนี้เด็ดขาด
“ท่านลุง ช่วยหาคนที่ไว้ใจได้ไปสืบเรื่องของนางหน่อย” มีหลายเรื่องที่เขาสงสัยแต่ เขาก็สอบถามนางก็เอาแต่ข่มขู่เขาแล้วจะหาความจริงได้เช่นไร
“บ่าวมิกล้าจ้างวานหรอกขอรับ นายน้อยมิสู้สืบเองเสียเลย” พ่อบ่นฉางเอ่ยแนะนำ เขายิ้มกรุ้มกริ่มเพราะฮูหยินน้อยนั้น นางมิได้อ่อนหวานอย่างที่ใคร ๆ เข้าใจ นางเป็นลูกหลานของเสือ ไหนเลยจะทำตัวเยี่ยงสุนัข หรือแมวน้อยที่คอยออดอ้อน
“เห้อ!!! ไม่ได้เรื่อง ไหนก็ไปเลย” คนหัวเสียหนักยิ่งกว่าเดิม ล้มตัวลงนอนที่เตียงยกมือขึ้นก่ายหน้าผากเพราะคิดไม่ตก ไม่ใช่ว่ากลัวนางยังคำที่นางกล่าว แต่กลัวว่านางจะเป็นอันใดไป แล้วบิดา มารดา ของเขาจะเสียใจขนาดไหน
“ฮูหยิน บ่าวนำสำรับมาให้เจ้าคะ” อาชิงเข้ามาพร้อมสำรับอาหารของมื้อกลางวัน เมื่อทานเสร็จจะได้กินยาเสีย และถ้วยยานั้นเป็นถ้วยใบใหญ่แถมยังส่งกลิ่นชวนอาเจียนยิ่งนัก นางไม่ชอบกินยาสมุนไพร หากปั้นเป็นลูกกลอนได้จะยิ่งดี
พิษของนางที่ได้รับนั้นรุนแรงไม่น้อยใช้เวลาขับพิษก็นานมากโข และต้องขับพิษอย่างใจเย็น เพราะพิษนั้นมีหลายตัว นางรักษามาเนิ่นนานหลายเดือน แต่อาการของนางก็ยังทรงตัวเห็นแต่จะกระอักเลือดออกมาเพราะวันนี้ ที่มีเรื่องให้นางนั้นครุ่นคิด
“ข้าไม่กินยา มิได้หรือเหม็นขนาดนี้ กินไม่ลง” เสียงเว้าวอน แต่สายตาของนางยังคงเย็นชาเหมือนเช่นเคย แต่สีหน้านั้นบ่งบอกเป็นอย่างดี ว่าไม่อยากดื่มสมุนไพรเข้าไป
“โธ่ฮูหยิน อย่างงอแงสิเจ้าคะ มิใช่เด็กแล้ว” อาชิงเอ่ยแกล้งหยอกเย้าเล็กน้อย
“อาชิง ออกมาข้าจะดูแลนางเอง” อันหยางตัดสินใจเดินมาที่เรือนของมู่หลันเพราะอยากพูดคุยกับนาง หรือทำความเข้าใจกันก็เท่านั้น แต่สายตาของมู่หลันยังคงจะเย็นชาแบบเดิมอยู่มิเปลี่ยนแปลงสักนิด
“พี่จะดูแลเจ้ายามป่วย แล้วพรุ่งนี้ครบสามวันต้องกลับไปเยี่ยม ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่เตรียมของไว้แล้ว” เขาเอ่ยขึ้น ทุกสิ่งที่เขาควรกระทำให้ฐานะบุตรเขยมิได้ขาดตกบกพร่องประการใด
“ข้าคิดว่าท่านพี่ จะลืมไปเสียสิ้นว่ามี พ่อตา แม่ยายรออยู่” มู่หลันเหน็บแนบเล็กน้อย ก่อนจะตักลุกขึ้นนั่งและรับอาหารเงียบ ๆ โดยมีเขาคอยคีบอาหารใส่ถ้วยให้นาง อย่างเอาอกเอาใจ
‘จะมาไม่ไหนกันเนี่ย’ ความคิดนี้เข้ามาทันที มิรู้ว่าเขาต้องการอะไรจากนางแต่ไม่มีวันเสียหรอกที่จะรู้เรื่องอะไรทั้งหมด ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ ยิ่งมีอันตรายมากเท่านั้น
“ดื่มยาเสียหน่อยจะได้หายเร็ว ๆ นะ” แววตาที่อบอุ่นสายตาที่อ่อนโยนนั้น ทำให้มู่หลันครุ่นคิดหนักเข้าไปอีก
“เดี๋ยวข้าจะดื่มเอง” มู่หลันเอ่ยขึ้น นางยังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงเช่นเดิน แต่อาภรณ์ของนางนั้นเป็นสีขาวสะอาดทำให้นางดูซีดเซียวยิ่งนัก ผมยาวสลวยถูกปล่อยยาวลงมา ช่างดูงดงามแปลกตา เขายิ่ง ยิ่งพินิจใบหน้าของนางแล้ว นางดูงดงามราวกับล่มแคว้นเสียกระมัง
“ดื่มเถิดนะ กำลังอุ่น ๆ ไม่เช่นนั้นต้องไปอุ่นใหม่” เขายกถ้วยสมุนไพรที่กลิ่นฉุนแต่เหม็นมากของมู่หลันขึ้นจดจ่อที่ริมฝีปากของนาง เขาเผลอมองกลับปากที่เริ่มจะมีสีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย เขาไม่อาจจะละสายตาของตนเองจากนางไปได้เลย ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจจะพูดคุยกับนางอีกเรื่อง
“ท่านพี่ใส่ยาพิษไปในนี้หรือ ถึงได้คะยั้นคะยอให้ข้ากินนัก” มู่หลันแกล้งเอ่ยว่าเขาขึ้น นางรู้ว่าเขาไม่มีความสามารถทำร้ายนางได้หรอก วรยุทธ์ก็ไม่มี อีกทั้งความรู้เรื่องสมุนไพรยิ่งแล้วใหญ่ จะเก่งก็เพียงทำการค้าเท่านั้น
“เจ้าจะบ้าหรือไร ข้าเป็นสามีของเจ้าจะคิดได้ได้เช่นไร มิเหมือนเจ้าหลอกทั้งข่มขู่พี่สารพัด” เขาหัวเสียทันที คนรึอุตส่าห์หวังดี นางก็พูดจาใส่ร้ายเขา ‘มันน่าบีบคอจริง ๆ’
“เอาน่า ข้าล้อท่านพี่เล่น มาดื่มก็ดื่ม แต่ว่ามันข่มมากขอทำใจก่อน” ตอนนี้สีหน้าของนางไม่ได้เย็นชาประดุจน้ำแข็งหรือมีสายตาที่แข็งกร้าว แต่กลับมีสีหน้าที่ผ่อนคลายและกำลังครุ่นคิดเรื่องถ้วยยาของนาง
มือเรียวของนางยกขึ้นหมายจะจับถ้วยยากินเอง แต่เขาดันกินยาและอมไว้ นางทำได้เพียงมองหน้าเขา เขาสอดมือเข้าใต้ท้ายทอยของนาง
จากนั้นเขาก็ทาบริมฝีปากของตนเองกลับกลีบปาก อันอ่อนนุ่มของนางอย่างจงใจ ใบหน้าของนางแดงซ่าน มิคิดว่าชายผู้นี้กินดีหมีมากใจไหน กล้ามากที่บังอาจมาขโมยจูบของนางหน้าด้าน ๆ แบบนี้
ริมฝีปากหนาบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างเอาแต่ใจพลันสมุนไพรนั้นถ้วยนั้นถูกนางกลืนลงคออย่างง่ายดาย เขานึกเสียดายกลีบปากอันอ่อนนุ่มจริง เขาปล่อยมือจากท้ายทอยของนาง สายตาของเขาพร้อมรอยยิ้มที่ยิ้มเสียจนเห็นไรฟันขาวสะอาด หัวเราะเบา ๆ
“วันนี้ยาไม่ขมสักนิด หวานมากนะ เจ้าว่าไหมภรรยารัก” รอยยิ้มของเขาทำให้หางคิ้วของมู่หลันกระตุกขึ้น เขาไม่คิดว่านางจะมีวิธีอะไรตอบโต้
“เจ้าเป็นบ้าหรือไร อยากตายนักใช่ไหม” นางยอมไม่ได้ที่ถูกขโมยจูบไปทั้ง ๆ ที่ตนเองมิได้ยินยอมเสียหน่อย กระตุกหนวดเสือเข้าแล้วไหม
อันหยางลุกขึ้นด้วยแววตาหยอกล้อและเขายังยิ้มไม่หยุด “ปากเจ้านุ่มนิ่มจริง ๆ ภรรยารัก ทีหลังพี่จะจูบเจ้า เช้า กลางวัน เย็นและก่อนนอนดีไหม”