เธอแทบชะงักกับคำพูดของเขาที่มันให้ความรู้สึกแปลกๆนะ แต่บางทีเสี่ยชาอาจจะเมาอยู่ก็ได้เลยพูดไปเรื่อยตามใจตัวเองแบบนั้น เข้ามาในห้องเธอก็เอากับข้าวเทใส่จานแล้วจัดวางรอ ส่วนขนมก็เอาเก็บไว้ในตู้เย็นไว้กินช่วงหิว เสี่ยชาเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าให้สดชื่นขึ้น ก่อนจะเดินถอดเสื้อออกมา
นี่เขากำลังอ่อยเธออยู่ปะเนี่ย
อยากโดนทำร้ายด้วยอาวุธไซซ์ห้าสิบหกแล้วสิ
“เช็ดน้ำลายหน่อยไหม?”
“เสี่ยอะ!”
“เดี๋ยวคืนนี้ก็ได้ เสี่ยให้หนูกินข้าวเอาแรงก่อนไง”
“หนูจะเอาให้เสี่ยร้องขอชีวิตเลย”
“อย่าดันเอวเสี่ยออกก็พอ” เขาเดินไปนั่งกินข้าวกับเธอด้วยความสบายใจมาก พิ้งค์น่าจะกินข้าวไปแล้วแต่ก็ยังอุตส่าห์มานั่งกินกับเขาต่อได้อีก คืนนี้ไม่รู้ว่าเธอจะทำการบ้านรึเปล่าเพราะเห็นชีทงานอยู่บนเตียง โน๊ตบุ๊คก็ยังเปิดเพลงเอาไว้ ส่วนไอแพดก็เปิดเข้าที่หน้าโน๊ตไว้แล้วเช่นกัน
อีกแค่ปีเดียวพิ้งจะเรียนจบแล้ว
เขาคงอยู่ไม่ถึงวันรับปริญญาของเธอ
“วันนี้เสี่ยงานยุ่งมากเลยไม่ได้ส่งข้อความหาหนู แต่หนูก็ไม่น่าจะรอข้อความจากเสี่ยแล้วแหละ”
“อย่าพูดเหมือนน้อยใจสิคะเสี่ยชา”
“เสี่ยไม่ได้น้อยใจ เสี่ยแค่ไม่ชอบที่หนูเห็นคนอื่นดีกว่า”
“คิดมากน่า! ถ้าหนูตอบข้อความช้าก็แปลว่าเรียนอยู่ค่ะ”
“ค่าห้องเดือนนี้เสี่ยจ่ายให้แล้วนะ”
“ห่ะ!? เอ่อ…หนูจ่ายเองได้นะคะ”
“หนูยังเรียนอยู่ยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเองเลย เก็บเงินค่าห้องที่ใช้จ่ายเอาไว้กินขนมดีกว่านะ เรื่องค่าห้องเสี่ยจัดการให้เอง เรื่องแค่นี้เสี่ยไม่คิดมากหรอก” ค่าห้องแค่หมื่นกว่าบาทไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งร่วงแม้แต่เส้นเดียว เขาแค่อยากให้เธออยู่อย่างสบายๆไม่ต้องคิดอะไรมากมายให้ปวดหัว เงินที่ครอบครัวส่งมาให้ใช้จ่ายก็เก็บเอาไว้ซื้อของในช่วงที่เขาไม่ได้อยู่ด้วย หรือเก็บไว้ใช้ตอนที่เธอทิ้งเขาไปแล้วก็ได้
อีกเดี๋ยวเธอก็ต้องเตรียมตัวทำโปรเจคจบและมันใช้เงินค่อนข้างเยอะสำหรับคนฐานะปานกลาง ดังนั้นอะไรที่เขาสามารถซัพพอร์ตได้เพื่ออนาคตที่ดีของพิ้งก็จะทำ แม้ว่าตอนเธอเรียนจบอาจจะมีผัวใหม่อยู่เคียงข้างแต่อย่างน้อยเขาก็ทำเพื่อเธอเต็มที่แล้วแหละ เขาน่าจะส่งเธอได้ถึงแค่นั้นจริงๆ
ตอนนี้เขายังไม่พร้อมจะปล่อยเธอไป
แต่ถ้าเธอเจอคนที่ถูกใจก็จะไม่รั้งเอาไว้หรอก
“สมมุติว่าเราจบกันแล้วเสี่ยชาก็จะทำแบบนี้กับคนอื่นใช่ไหมคะ?”
“ทำอะไร?”
“ก็ดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีไงคะ”
“เสี่ยก็ไม่รู้เหมือนกัน เสี่ยอาจจะเปลี่ยนไปซื้อกินแทนก็ได้จะได้ไม่ต้องดูแลเอาใจใส่มากเกินไป หรือไม่เสี่ยก็อาจจะหาเลี้ยงสักคนเอาไว้แก้เหงา แต่ที่แน่ๆคงไม่พาไปค้างคอนโดเหมือนที่พาหนูไปหรอก เสี่ยชอบความเป็นส่วนตัวน่ะ”
“ถ้าเราจบกันจริงๆ แล้วบังเอิญเจอกันเสี่ยชาจะเหมือนเดิมกับหนูไหม?”
“หนูมีผัวใหม่แล้วจะให้เสี่ยทำเหมือนเดิมได้ไง เสี่ยไม่ได้อยากเป็นชู้กับเมียใครทั้งที่ความจริงเสี่ยเป็นผัวมาก่อน เพราะถ้าเราเจอกันอีกครั้งก็แกล้งทำเป็นไม่รู้จัก ไม่ต้องทักทายอะไรทั้งนั้น”
“แล้วเสี่ยชาจะไม่โกรธเหรอ?”
“จะโกรธได้ไงในเมื่อเสี่ยเป็นคนปล่อยหนูไปเอง”
“หนูเกือบลืมไปเลยว่าเสี่ยชาไม่เคยรักกันก็เลยไม่ได้คิดอะไรมากกับเรื่องแบบนี้” พูดไปแบบนี้ก็เจ็บเหมือนกันนะที่รักเขาข้างเดียวมาตลอดครึ่งปี แล้วเสี่ยชาก็ใจดีกับเธอมากขึ้นทุกวัน
เขามีแค่เธอคนเดียวตามที่เราตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกเริ่มความสัมพันธ์ เขาเป็นคนเสมอและเธอก็พร้อมสนองเพราะความรักบังตา เขาดูแลเอาใจใส่ทำเหมือนว่าเราคบกันทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่เลยสักนิด เธอไม่น่าเอาตัวเองมาอยู่ในความสัมพันธ์ที่ทำเหมือนว่ารักกันทั้งที่ความจริงไม่ควรจะคิดอะไรเกินเลยทั้งนั้นเพราะสุดท้ายเราจะตายเพราะความรู้สึกของตัวเราเอง
ตอนนี้เธอเจ็บมากแล้วเหมือนกัน
“เสี่ยไม่รักก็เลยไม่คิดมาก หนูเองก็ไม่ได้รักเสี่ยเลยไม่คิดอะไรเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
“หนูนี่นะไม่รักเสี่ยชา!!”
“หนูรักเสี่ยเหรอพิ้งค์?”
เธอหลบตาไม่ตอบอะไรออกไปเพราะรู้ว่าเรื่องของเรามันจะจบลงทันทีแน่นอน แต่เขาน่าจะดูออกอยู่แล้วถึงตอกย้ำเรื่องนี้บ่อยจังว่าพร้อมปล่อยเธอไปได้ทุกเมื่อ เสี่ยชาตักกับข้าวให้พร้อมกับยิ้มกว้างให้เหมือนพอใจในคำตอบของเธอที่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรออกมาให้เปลืองน้ำลาย
เสี่ยชาใจร้ายมากเกินไปแล้ว
แต่เขาไม่ผิดที่ไม่รัก คนผิดคือเธอเอง
คืนนี้เซ็กซ์ของเราเต็มไปด้วยความรุนแรงจนแทบขาดใจ แต่นั่นก็ดีเพราะทำให้เธอลืมเรื่องความใจร้ายของเขาและหลอกตัวเองต่อไปอีกสักนิด เธอจะหาทางออกจากความสัมพันธ์แบบนี้ให้ได้ก่อนจะถลำลึกจนไม่มีปัญญาจะเอาตัวเองออกมาและคิดอยู่ในวังวนแสนเจ็บปวด
ในเวลาตีหนึ่งนิดๆเสี่ยชานั่งสูบบุหรี่บนเตียงนอนหลังจากมีเซ็กซ์ เขาไม่ได้ใส่เสื้อผ้ามีแค่ผ้าห่มที่ปกปิดส่วนนั้นเอาไว้อยู่ เธอก็นอนตักเขาพร้อมกับเล่นโทรศัพท์ไปอย่างไม่คิดมาก มืออีกข้างของเสี่ยชาลูบหัวแผ่วเบาด้วยความเอ็นดูทำให้รู้สึกมีความหวังว่าเราจะรักกันทั้งที่ควรจะตัดใจได้แล้ว
“คุยกับใครดึกๆดื่นๆแบบนี้ห่ะ?”
“รุ่นพี่ค่ะ”
“หนูชอบคนอายุใกล้เคียงกันเหรอ?”
“ก็คุยกันง่ายนี่คะ”
“คนอายุมากกว่าอย่างเสี่ยคุยยากเหรอ?”
“ก็บางอย่างเสี่ยชาก็ไม่เข้าใจไง”
“งั้นเหรอ?”
“เหมือนว่ารุ่นพี่เขาจะชอบหนูด้วยนะคะ หนูว่าเขาน่าจะเป็นคนรักที่ดีได้แน่นอน”
“ดีกว่าเสี่ยอีกเหรอ!?”
“แต่เสี่ยชาไม่ใช่คนรักนะคะ”
“เสี่ยเป็นผัว!!”
“เป็นผัวก็ไม่ได้แปลว่าเรารักกันนี่คะเสี่ยชา”
“ว่าไงนะ!?”
“ก็…เรามีกันและกัน แต่เราไม่ได้รักกันเสี่ยชาจะงงอะไรคะ เสี่ยเป็นคนบอกหนูแบบนี้มาตั้งแต่ก่อนเราจะได้กันอีกนะ” มือที่ลูบหัวชะงักไปเล็กน้อยจนน่าสงสัยว่าเขาเป็นอะไรไปอีก เรื่องนี้เขาเป็นคนบอกเธอเองแถมตอกย้ำตลอดด้วย ใบหน้าหล่อที่มักจะยิ้มกว้างด้วยความอารมณ์ดีมากกลับกลายเป็นบึ้งตึง เขาปรายตามองแล้วดับบุหรี่ที่ยังสูบได้ไม่ถึงครึ่งมวนด้วยซ้ำ
เขาก้มลงมาจูบหน้าผากเธอ
แล้วก็ลุกออกไปเลย
เช้าวันต่อมาที่ตื่นมาสดใสมากเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของคนตัวใหญ่ เขากลับเข้ามาในห้องตอนไหนก็ไม่มั่นใจเหมือนกันเพราะเธอเพลียแล้วหลับก่อน ผ่านไปไม่กี่นาทีเสี่ยชายิ้มกว้างทั้งที่ยังไม่ลืมตาด้วยซ้ำแล้วกระชับอ้อมกอดแน่นมากขึ้นกว่าเดิม
“เสี่ยชาคะตื่นได้แล้ว”
“ที่รัก…”
“เรียกหนูเหรอคะ?”
“อีกสิบนาทีนะที่รัก…อยู่กับเสี่ยก่อนนะ”
“หนูอาบน้ำแต่งหน้ารอไม่ดีกว่าเหรอคะ?”
ชาลืมตาขึ้นก่อนจะจับตัวพิ้งค์ขึ้นมานอนบนตัวแล้วกอดเธอแน่นขึ้น ตอนนี้พึ่งจะแปดโมงเองไม่รู้ว่าเธอจะรีบร้อนอะไรนักหนา แล้วเรื่องที่บอกว่าอยู่กับเขาก่อนมันไม่ใช่เรื่องนอนเลย เขาหมายถึงเรื่องอื่นที่ไม่มั่นใจในตัวเองว่ารู้สึกอะไรกันแน่ เราใช้ชีวิตอยู่แบบคนรักแม้ว่าจะไม่ได้รักกันก็ตาม ครึ่งปีมานี้เขามีแค่เธอเพียงคนเดียวในชีวิต พูดคุยกันทุกวัน บางคืนมาค้างที่นี่และพึ่งจะพาเธอไปคอนโดของตัวเอง
พิ้งค์เป็นผู้หญิงคนเดียวที่พาไปค้างด้วย
“หนักไหมคะ?”
“เบานิดเดียวเอง คืนนี้ไปค้างกับเสี่ยนะ”
“แต่ว่า…”
“ก่อนที่หนูจะไปเป็นของใคร อยู่กับเสี่ยก่อนนะ”
เธอนอนซบหน้าอกอุ่นด้วยหัวใจที่สั่นไหวมาก เขากำลังระเบิดความรักใส่เธออีกแล้ว เขารู้ว่าถ้าขออะไรเธอก็จะให้ทันทีแบบไม่มีขัดใจเพราะแทบทุกครั้งมันก็เป็นแบบนั้นเสมอ เธอตามใจเสี่ยชาตลอดแม้ว่าบางเรื่องจะไม่ชอบเท่าไรตาม ส่วนเขาก็ทำตามทุกคำพูดของตัวเองได้ดีมากเกินไป
เขาปล่อยเธอมานานแล้วแหละ
เธอแค่ไม่ไปเอง