บทที่8
“หม่อมฉันก่อนตัวก่อน”
เมื่อการแสดงจบลงจื่อหยางก็ลุกขึ้นทำทำความเคารพเจ้าของงานเลี้ยงเตรียมตัวกลับตำหนักพระชายาในเมื่อไม่มีเหตุให้นางต้องอยู่ที่นี่ก็ควรกลับได้แล้ว นางหายเบื่อแล้วควรปล่อยให้เขาอยู่กับสตรีที่เขาโปรดปรานจะดีกว่า นางไม่ขัดขวางความสุขของใครอยู่แล้ว ความสุขใครความสุขมันย่ะ และนางก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยปากขอบางสิ่ง
“องค์ชาย ถ้าหากไม่เป็นการรบกวนหม่อมฉันอยากจะขอให้พระองค์ส่งสุราที่ดื่มในเรือนชมจันทร์วันนี้ไปยังพระชายาได้หรือไม่เพคะ”
“กินไปหมดไหขนาดนั้นยังจะขอเพิ่มอีกงั้นหรือ”
“แหม แหม องค์ชายสี่ พระองค์ไถ่ตัวนางคณิกาถึงสิบสองนาง แต่ละคนล้วนเป็นอันดับหนึ่งของแต่ละหอ ค่าตัวไม่ใช่น้อยๆส่วนหม่อมฉันเป็นถึงภรรยาของพระองค์ แค่แบ่งสุราดีๆ ให้หม่อมฉันบ้าง ขนหน้าแข้งพระองค์ไม่ร่วงหรอก หรือว่าอยากให้เรื่องราวที่นอกจากพระองค์จะไม่โปรดปรานพระชายาของตนเองแล้วยังเลี้ยงดูอย่างอัตคัดขัดสนแค่สุราดีๆ สักกาก็ไม่คิดที่จะประทานให้” จื่อหยางจีบปากจีบคอพูด ทำเสียงเล็กเสียงน้อยเหมือนตอนอ้อนขอดริ้งจากบรรดาเสี่ยๆ
“พอ พอ ไม่ต้องพูดแล้ว” โจวตงอวี่ตัดบทเขาถอนหายใจติดๆ กันอยู่อีกหลายครั้ง เขาเอ่ยเพียงประโยคนางตอบกลับมายาวยืดจนฟังแทบไม่ทัน บางคำก็ไม่เข้าใจ บางคำก็เปล่งๆ หูพิกล
“อยากกินก็กิน ข้าจะสั่งให้คนเอาไปส่งให้”
“ไม่ต้องส่งไปทุกวันหรอกนะเพคะ เพราะว่าอย่างไรทุกครั้งที่มีการร่ายรำที่เรือนชมจันทร์หม่อมฉันก็จะมาชมด้วย ครั้งหน้าหากมีเหล้าอู่เหลียงเย่ ก็จะดีมิใช่น้อย”
“นี่เจ้ายังคิดจะมาที่นี่อีกเหรอ” โจวตงอวี่ตาโต
จื่อหยางพยักหน้ารับ คิดถึงคำพนาที่เอ่ยถึงสุราอูเหลี่ยงเย่ เอ่ยถึงว่าเป็นเหล้าขาวที่โดดเด่นเรื่องกลิ่นเพราะหอมแรงมั๊ก ๆ นอกจากกลิ่นที่พุ่งติดจมูกแล้ว ดีกรีเหล้าก็แรงไม่แพ้กัน ถ้าคอหอยไม่แข็งอาจเดี้ยงได้อู่เหลียงเย่ มีเอกลักษณ์สี่ประการ คือ
ต้องกลิ่นหอมแรง ใสไร้สี มีรสหวานปนเปรี้ยว และมีกลิ่นหอมติดปากนาน
ขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง จะกลายเป็นเหล้าอู่สไตส์เซิ่นเจิ้นทันที
เหล้าอู่เหลี่ยงเย่ ไม่ใช่ที่นางเอ่ยออกมาเช่นนี้หมายถึงเขาต้องไปหาเหล้าอู่เหลี่ยงมาให้นางงั้นหรือ
”พระองค์หามาให้หม่อมฉันได้ใช่ไหมเพคะกะอีกแค่สุราดี หม่อมฉันไม่ได้ขอให้พระองค์สาวดาวสอยเดือนมาให้เสียหน่อย” จื่อหยางยู่ปากจิ้มลิ้มอย่างน่าเอ็นดู ล่อหลอกผู้ชายให้ได้สิ่งที่ต้องการ นางไม่แพ้สตรีสมัยโบราณหรอกน่า นี่ใคร ลูกพีชเด็กเอนเก่าเชี่ยวนะ
“ใครบอกข้าหามาไม่ให้เจ้าไม่ได้ ก็อิแค่เหล้าอู่เหลี่ยงเย่” อู่เหลี่ยงเย่ก็อู่เหลี่ยงเย่เถอะครั้งหน้าที่นางมาที่เรือนชมจันทร์ข้าต้องมีให้นางเติมไม่อั้น แม้จะลั่นวาจาไปเช่นนั้นโจวตงอวี่ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปหาสุราชั้นดีราคาแพง จากแคว้นเสฉวนมาให้นางได้อย่างไรคง ไม่พ้นต้องอาศัยสหายเจ้าของหอสุราเฟยหลง
ก็แค่นั้น จือหยางยักไหล่ การแต่งงานไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยความรักก็ได้ต่างคนต่างอยู่ โจวตงอวี่จะอยู่กับนางในดวงใจหรือสตรีที่โปรดปราน หรือพระสนม หรือใดใดตามสบาย จื่อหยางไม่คิดจะก้าวก่าย ส่วนนางจะใช้เงินของเขา และที่เขาไม่สนใจนางเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว
เรื่องราวของสุราเก่าแก่ควรค่าแก่การลิ้มลอง ที่นางเคยอ่านในหนังสือและได้ฟังพวกผู้ชายในเลาน์จคุยกันว่าดีอย่างนั้นดีอย่างโน้นดีอย่างนี้ นางจะให้โจวตงอวี่ควานหามาให้นางดื่มมาให้นางลิ้มลองให้จงได้ ดูจากที่เขาเอ่ยมาเมื่อกี้คงเป็นประเภทเสียเงินไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ศักดิ์ศรีมันค้ำคอ
เข้าทางนางล่ะ
จื่อหยางสะบัดชายกระโปรงเดินลั้นลาอย่างอารมณ์ดีออกไปจากเรือนชมจันทร์ แม้จะดื่มสุราหมดไปหลายกา แต่นางไม่มีทีท่าเมามายแม้แต่น้อย
ก็แน่ละจะเมาได้ยังไงอ่ะเด็กเอ็นท์เก่าเชียวนะแค่นี้จะเมาเหรอไม่มีทาง
“องค์ชายเพคะพระองค์ว่าพระชายาดูแปลกตาไปหรือไม่เพคะ” เหมยเหมยเอ่ยถามจากด้านหลังเมื่อเห็นองค์ชายสี่ยืนมองพระชายาจี่อหยางเดินออกเรือนไปจนลับตา
“นางแปลกไปจริงๆ สายตาที่นางมองข้าไม่มีความอาวรณ์เลยสักนิด มีแต่เย็นชา ตั้งแต่นางย่างกลายเข้ามายังเรือนชมจันทร์นางแทบไม่มองหน้าข้าตรง ๆ ไม่ใช่ลบหลีกเอียงอายอย่างทุกครั้ง แต่นางทำราวกลับว่าไม่สนใจข้า เหมือนข้าไร้ตัวตนในสายตานาง”
“นั่นคือสิ่งที่พระองค์ต้องการไม่ใช่หรือเพคะ เพราะพระองค์ก็ไม่เคยเห็นพระชายามีตัวตนเช่นเดียวกัน”
“ใช่ข้าไม่ได้รักนางและข้าก็ไม่ต้องการให้นางมารักข้า ข้ามีเพียงเจ้าก็พอแล้ว” โจวตงอวี่เอ่ยเสียงห้วน
“พระองค์เข้าไปพักผ่อนด้านในเถิดเพคะ หม่อมฉันจะให้น้องน้องเล่นดนตรีต่อ"
"เจ้าก็เข้าไปด้านในดีกว่า ถูกไอจากฝนเช่นนี้จะล้มป่วยได้"
โจวตงอวี่พยักหน้ารับเขาไม่อยากให้เหมยเหมยยืนอยู่ด้านนอกนานนักเกรงว่านางจะถูกไอเย็น เขาสลัดพฤติกรรมและกิริยาคำพูดแปลกของจื่อหยางออกจากหัว ไม่จำเป็นต้องนำเรื่องนางมาใส่ใจ