" จริงนะไม่เชื่อเหรอ งั้นดูนี่ "
แพรไหมเดินไปเอาโน้ตมาให้ทุกคนดู ในโน้ตเขียนไว้ชัดเจนว่าห้ามใส่กุหลาบเพราะลูกค้าแพ้ขอเป็นลิลลี่สีชมพูแทน ภูมินทร์รู้ว่าพริบพันดาวพูดจริง แต่เมื่อแพรไหมมีกระดาษโน้ตมายืนยันแบบนี้ เขาก็ไม่รู้จะแก้ต่างให้พริบพันดาวยังไง พริบพันดาวเอาปากกามาเขียนให้ทุกคนอ่าน ว่าโน้ตที่แพรไหมให้เธอไม่ใช่อันนี้ ในนั้นเขียนบอกว่าให้ใส่กุหลาบเยอะจริงๆ
" เอาหล่ะช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านมาแล้วก็ให้มันจบไป "
แก้วกัญญาหันหลังเดินออก เธอรีบคว้าแขนแก้วกัญญาเอาไว้ หยิบเอาซองใส่เงินยัดใส่มือของแก้วกัญญาพร้อมใบลาออกแล้วเดินออกจากร้านไป ภูมินทร์ตามออกไปแต่ไม่ทันแล้วเธอโบกรถขึ้นแท็กซี่ไปแล้ว เขากลับเข้ามาในร้าน เห็นแก้วกัญญาหยิบเอาเงินในซองที่พริบพันดาวให้ออกมานับ
" พริบเอาเงินมาให้พี่สองแสนบอกว่าคืนให้พี่ ที่พี่จ่ายชดใช้ค่าเสียหายให้ลูกค้า แล้วก็ขอลาออก เงินเดือนเดือนนี้เธอก็ไม่รับ "
แก้วกัญญารู้สึกผิดเธอไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ ไม่ต้องการให้พริบพันดาวลาออก เธอเป็นคนพิการไปสมัครงานที่ไหนใครจะรับ ไหนจะเงินสองแสนนี่อีก พริบพันดาวคงจะเก็บหอมรอมริบด้วยความยากลำบากแล้วเอามาให้เธอแบบนี้ไม่หมดตัวเลยเหรอ จึงคิดจะออกไปตามพริบพันดาว แต่ภูมินทร์บอกว่าเธอไปแล้ว
ภูมินทร์ตวัดสายตามองแพรไหมด้วยความไม่พอใจ แพรไหมหลบสายตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พริบพันดาวไม่อยู่ที่นี่ก็ดี ต่อไปภูมินทร์จะได้มองเธอบ้าง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมภูมินทร์ต้องชอบคนใบ้ด้วย มันมีดีอะไร ทั้งที่เธอก็สวยไม่แพ้พริบพันดาว ทำไมถึงไม่ชอบเธอ
พริบพันดาวไปหาคุณย่าที่วัด เล่าเรื่องทุกข์ใจให้คุณย่าฟัง เธอพิงเจดีย์เก็บอัฐคุณย่าด้วยความเหนื่อยล้า แล้วก็เผลอหลับไป ในฝันเธอเห็นคุณย่าโอบกอดเธอส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แล้วยังพูดกับเธออีกว่า
" ไม่ไหวก็ไม่ต้องทนนะลูก ทำตามที่หนูต้องการเถอะ "
พริบพันดาวสะดุ้งตื่นขึ้นมาพบว่าบริเวณโดยรอบเริ่มมืด นี่เธอเผลอหลับไปนานขนาดไหนกันเนี่ย เธอลุกขึ้นยืนก็เห็นหมาด่างกระดิกหางให้ แล้วยังตามมาส่งเธอถึงหน้าประตูวัดอีก
กลับมาถึงบ้านก็เจอกระเป๋าเสื้อผ้าข้าวของของเธอ กระจัดกระจายเต็มสนามหญ้าหน้าบ้าน เธอนั่งลงเก็บของใส่กระเป๋า
" คุณผู้หญิงให้แกไสหัวออกไปจากบ้านหลังนี้ "
อัปสรโยนตุ๊กตากระต่ายตัวเก่าของเธอที่ขาดๆใส่หัวของเธอ เธออุ้มเอาตุ๊กตามากอดไว้ ทำไม้ทำมือถาม ว่าทำแบบนี้ทำไม
" ก็เพราะว่าคุณบุษเมียตัวจริงของคุณทักจะมาอยู่ที่นี่ คุณผู้หญิงกลัวว่าแกจะไปทำอะไรคุณบุษอีก เลยให้แกรีบออกไปให้พ้น" วารีตอบกลับ
เสียงรถแล่นเข้ามาจอด ประตูรถเปิดออก เธอมองเขากอดประคองบุษบงเข้าไปในบ้าน ไม่แม้แต่จะชายตามองเธอสักนิด วารีกับอัปสรรีบไปช่วยกันขนข้าวของบุษบงเข้าไปในบ้าน
" คุณพริบ ป้าขอโทษจริงๆที่ปกป้องคุณพริบไม่ได้ "
ป้าเจียงน้ำตาคลอช่วยเธอเก็บข้าวของที่กระจัดกระจาย
" นังใบ้ คุณผู้หญิงให้ฉันมาเรียก เร็วๆอย่าชักช้า "
" แกมันจะมากเกินไปแล้วนังรี กล้าดียังไงมาเรียกคุณพริบแบบนี้ ขอโทษเธอซะ "
" ไม่ ทำไมฉันจะเรียกไม่ได้ก็มันเป็นใบ้จริงๆอ่ะ "
" ถึงยังไงเธอเป็นเมียคุณทักเจ้านายของเอ็ง"
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า กล้าพูดนะป้า เมียเมอที่ไหนกันตั้งแต่แต่งงานมา คุณทักไม่เคยนอนห้องเดียวกับมัน เคยเอามันซะที่ไหน ก็อย่างว่าใครมันจะเอาไปเอาคนใบ้ลง มีแต่คุณบุษนู้นที่คุณทักเอาทุกวัน จนตอนนี้คุณบุษท้องได้สองเดือนแล้ว "
" นี่ นี่แกว่ายังไงนะ คุณบุษท้องอย่างงั้นเหรอ "
" ก็ใช่หน่ะสิป้า ทีนี้รู้หรือยังว่าใครเป็นเจ้านายตัวจริง ใครเป็นกาฝาก "
" คุณพริบ "
พริบพันดาวส่ายหน้า บอกว่าเธอไม่เป็นไร จริงอย่างที่วารีพูด ทักขินัยไม่เคยนอนร่วมห้องกับเธอไม่เคยมีอะไรกับเธอ แต่กับบุษบงเขาไปค้างกับเธอบ่อยๆคงมีอะไรกันทุกวัน บุษบงจะท้องก็ไม่แปลก เธอแค่แปลกใจว่าหลายปีที่ผ่านมาทำไมไม่ปล่อยให้ท้อง มาท้องอะไรเอาตอนนี้ แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงเธอก็ตั้งใจจะหย่ากับเขาอยู่แล้ว
" เซ็นชื่อซะ "
ทักขินัยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เธอจ้องมองหน้าเขา
" ไม่ต้องห่วง ฉันแบ่งสมบัติให้เธอมากพอให้เธออยู่ได้สบายไปทั้งชาติ เงินสด50ล้านคอนโดรถที่ดิน อยากได้อะไรก็เขียนเพิ่มเอา "
" แม่ว่ามากไป ที่ผ่านมามันมาเกาะพวกเรากินหมดไปตั้งเยอะ ให้มันจากไปตัวเปล่านั่นแหละไม่ต้องให้อะไรมันหรอก "
" ผมพูดคำไหนคำนั้นบอกว่าจะให้ก็ให้ เธอเป็นคนพิการทำมาหากินลำบาก "
" ก็ได้ก็ได้ แต่แม่ว่ายังไงมันก็เยอะอยู่ดี แกอย่าลืมว่าตอนนี้หนูบุษอุ้มท้องลูกของแกอยู่แกจะให้สมบัตินังใบ้มันเยอะแยะไม่ได้ เอางี้ให้เงินมันไปแค่ล้านเดียวก็พอ คอนโดหรูไม่เหมาะกับมันหรอกไม่ต้องให้ เงินก็ให้ไปแล้วให้มันไปหาเช่าบ้านอยู่เอา ยิ่งรถยิ่งไม่ต้องให้ มันขับรถเป็นซะที่ไหน ให้ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก "
ศจีพูดไปก็มองพริบพันดาวด้วยสายตาที่รังเกียจ เธออยากกำจัดพริบพันดาวออกจากบ้านมานานแล้ว วันนี้สมหวังซะทีโชคดีที่บุษบงท้อง ถึงจะไม่ค่อยชอบบุษบงเท่าไหร่ แต่ก็ยังดีกว่านังใบ้เป็นร้อยเท่า
พริบพันดาวหยิบปากกามาเซ็นชื่อ ทำไม้ทำมือบอกว่าเธอไม่เอาอะไรทั้งนั้น พร้อมคืนแบล็คการ์ดให้ทักขินัย บอกว่าเธอไม่เคยใช้เงินเขาเลยแม้แต่บาทเดียว เธอมีรายได้จากการเขียนนิยาย เดือนนึงก็ได้พอกินพอใช้และมีเงินเก็บ
ทักขินัยมองดูร่างบอบบางของพริบพันดาวที่เดินจากไป ในใจรู้สึกหน่วงแปลกๆ เขามองดูแบล็คการ์ดในมือ แบล็คการ์ดใบนี้เขาให้เธอตอนแต่งงานใหม่ๆ ไม่คิดว่าเธอจะไม่เคยใช้มันเลย ตอนที่พาบุษบงไปโรงพยาบาลพอหมอตรวจเสร็จก็บอกว่าเธอไม่เป็นอะไรมาก ที่เธอมีอาการแบบนี้ไม่ใช่เพราะแพ้กุหลาบแต่เธอแพ้ท้อง เธอท้องได้สองเดือนแล้วเขาต้องรับผิดชอบ ตอนนั้นแม่เขาโทรมาพอดี ถามว่าเขาอยู่ที่ไหน เขาเลยบอกว่าอยู่ที่โรงพยาบาล และบุษบงกำลังท้อง จึงได้พาเธอเข้ามาอยู่ในบ้านและจะหย่ากับพริบพันดาว แต่คิดไม่ถึงว่าแม่ของเขาจะจัดการเตรียมทนาย พร้อมเอกสารการหย่าไว้รอแบบนี้
พริบพันดาวถือกะเป๋าเสื้อผ้ามือหนึ่ง อีกมือหนึ่งอุ้มตุ๊กตากระต่ายที่แม่ของเธอให้ในวันเกิดปีสุดท้ายก่อนท่านจากไป เธอหันหน้าไปมองบ้านหลังนี้เป็นครั้งสุดท้าย อย่างน้อยเธอก็อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาหลายปี มีความทรงจำมากมายทั้งดีและไม่ดี ป้าเจียงกับลุงอำนวยมายืนส่ง ป้าเจียงยืนเช็ดน้ำตามองเธอ ลุงอำนวยอาสาจะไปส่งแต่เธอปฏิเสธ ลุงเป็นคนขับรถของบ้าน ตอนนี้เธอหย่ากับทักขินัยแล้วไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับที่นี่อีก เธอเดินออกไปจากบ้านหลังใหญ่เดินไปเรื่อยๆตามทาง มีแสงไฟสาดส่องสะท้อนใบหน้าหวานเปื้อนคราบน้ำตาแลดูน่าสงสาร
ภูมินทร์มากดกริ่งหน้าบ้าน อัปสรออกไปดู
" มาหาใคร "
" ผมมาหาพริบ เธอ"
พูดยังไม่ทันจบอัปสรก็พูดแทรกขึ้นมา
" นังใบ้ไม่อยู่ที่นี่แล้ว มันถูกเฉดหัวออกไปจากบ้านตั้งแต่ตอนหัวค่ำแล้ว "
ภูมินทร์ไม่ทันได้ถามต่อก็ถูกประตูปิดใส่กระแทกหน้า เขาจึงรีบขับมอไซค์ออกตามหาพริบพันดาว ถูกไล่ออกจากบ้านแล้วเธอจะไปไหน งานก็ลาออก เงินเก็บที่มีก็เอาไปคืนแก้วกัญญา เธอไม่มีงานไม่มีเงินแถมยังพูดไม่ได้ เธอจะไปที่ไหนนะ ภูมินทร์ร้อนใจตามหาพริบพันดาวไปทั่วแต่ก็ไม่พบ