“เฮ้อ…เหลืออีกกี่เซ็ทที่ต้องถ่ายคะ” นะโมเอ่ยปากถามรุ่นพี่ในสโมสรนักศึกษาขึ้นทันที
ในตอนนี้เธอถูกเรียกตัวมาถ่ายแบบให้กับทางสโมสรของมหาวิทยาลัยเนื่องจากนะโมพึ่งได้รับตำแหน่งดาวมหาวิทยาลัยเมื่อไม่นานมานี้
“อีกเซ็ทเดียวค่ะน้องนะโม” รุ่นพี่ในสโมสรตอบกลับมา ส่วนตัวแล้วพวกเขารู้สึกเกรงใจดาวมหาวิทยาลัยคนนี้ไม่น้อยเพราะพวกเขาดันโทรตามนะโมมาแบบไม่ได้นัดล่วงหน้า
“หนูง่วงมากๆเลยค่ะ ยังไม่ได้นอนเลย” นะโมบ่นขึ้นและที่เป็นแบบนี้นั่นเพราะเมื่อคืนเธอไปเที่ยวมา กว่าจะกลับก็เกือบเช้าและเมื่อท้องฟ้าสว่างรุ่นพี่ในสโมสรนักศึกษาก็โทรตาม
“ทนหน่อยนะคะ เหลือแค่เซ็ทนี้แล้วจริงๆ” รุ่นพี่บอกขึ้นอีกครั้งก่อนที่ทางทีมงานจะจัดการเซ็ทกล้องเซ็ทแสงอะไรต่างๆเพื่อเตรียมพร้อมกับเซ็ทสุดท้าย
“น้องนะโมเชิญครับ” เสียงตากล้องพูดขึ้นนั่นทำให้นะโมได้สติเพราะเธอเกือบจะหลับอยู่รอมร่อ
ใช้เวลาไม่นานนักเซ็ทสุดท้ายของวันนี้ก็จบลง แน่นอนว่านะโมไม่รอให้ใครพูดอะไร เธอคว้ากระเป๋าของตัวเองและเดินออกมาทันที
ตอนนี้เธอง่วงเกินกว่าจะทำอะไรอีกแล้ว หากพี่ๆในสโมสรไม่โทรมา เธอคงมีเวลานอนก่อนจะเข้าเรียนภาคบ่ายแต่ตอนนี้ไม่เป็นแบบนั้นเพราะมันใกล้จะถึงเวลาเรียนของนะโมแล้ว นะโมได้แต่เดินตรงมายังห้องน้ำล้างหน้าล้างตาให้ตื่นเพื่อเตรียมตัวไปเรียน
“ทำไมสีหน้ามึงดูไม่ดีเลยวะนะโม” เพื่อนสาวคนสนิทของนะโมที่ชื่อว่ากิ่งถามขึ้นทันที
“กูยังไม่ได้นอนเลยมึง” นะโมตอบกลับไปตามตรง
“ว่าบาปมาก มึงทำอะไรถึงไม่นอน” เดมี่ผู้ชายใจหญิงถามขึ้นทันที แน่นอนว่าเดมี่เองก็เป็นเพื่อนอีกคนในกลุ่ม
“พี่ในสโมสรโทรให้กูมาถ่ายแบบของมหาวิทยาลัย”
เพราะของแบบนี้ต่อให้นะโมอยากปฏิเสธก็ปฏิเสธไม่ได้เนื่องจากเธอได้รับตำแหน่ง ไม่ว่างานอะไรที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยเธอต้องมีส่วนร่วมอยู่บ่อยๆ
“ฮ่าๆ ถึงว่ามึงหน้าตาไม่สดชื่นเลย” กิ่งพูดขึ้นเพราะดูก็รู้แล้วว่านะโมคงจะอดหลับอดนอนมาแน่ๆ
“คนนอนแล้วแบบพวกมึงก็พูดได้สิ เที่ยวก็เที่ยวด้วยกันแท้ๆแต่กลับเป็นกูที่ไม่ได้นอนคนเดียว” น้ำเสียงงอแงของนะโมดังขึ้นก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะเพราะตอนนี้เธอไม่ไหวแล้วจริงๆ
“นอนๆค่ะชะนี เดี๋ยวอาจารย์มากูจะปลุก” เดมี่พูดขึ้นเพราะรู้ดีว่านะโมคงง่วงมาก หากได้งีบสักพักตื่นมาคงสดชื่นไม่น้อย
“ถะ…ถามจริง กูนอนจนจบคลาสเลยหรอ” นะโมถามขึ้นด้วยความตกใจเพราะตอนนี้มันคือเวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้วนั่นแปลว่าเธอหลับยาวจนไม่ตื่นขึ้นมาเรียน
“เอาหน่า กูเห็นมึงนอนสบายเลยไม่ปลุก” กิ่งพูดขึ้นเพราะยิ่งเห็นนะโมนอนน้ำลายย้อยก็ไม่กล้าปลุกเพราะดูเหมือนว่าเพื่อนสนิทจะดูแฮปปี้กับการนอน
“อาจารย์ไม่ว่าหรอ นางคนนี้เขาโหดนะ” นะโมถามขึ้นอีกครั้งเพราะหากวิชานี้ไม่ใช่อาจารย์ที่เจ้าระเบียบและขี้จุกจิก นะโมคงไม่แบกสังขารตัวเองมาเรียนทั้งๆที่ง่วงอยู่หรอก
“กูนั่งบังมึงไว้ค่ะ” เดมี่พูดขึ้นทันทีเพราะด้วยความเป็นผู้ชายทำให้เดมี่มีรูปร่างใหญ่สามารถบดบังนะโมที่กำลังนอนอยู่ได้
“เพราะร่างใหญ่ แข็งแรง บึกบึนสินะ” นะโมพูดขึ้นในเชิงหยอกล้อเพราะถึงเดมี่จะเป็นผู้ชายแต่หัวใจของเธอกลับเป็นสาวน้อย แน่นอนว่าหุ่นไม่ได้น้อยตามหัวใจเพราะรูปร่างของเดมี่ทั้งสูงใหญ่ตามฉบับชายไทย
“กรี๊ด ! เดี๋ยวกูตบปากเลยนะอีนะโม” เดมี่สวนกลับทันควันเพราะการพูดแบบนี้มันหยามหน้ากันชัดๆ อุตส่าห์นั่งบังอาจารย์ไว้ให้ รู้แบบนี้ให้อาจารย์ด่าเปิงเสียยังดีกว่า
“หยอกๆจ้าแม่” นะโมที่เห็นว่าเดมี่ตาเขียวปั๊ดก็ได้แต่พูดขึ้นและลูบแขนแกร่งเบาๆ
“มึงก็ไปหยอกมัน” กิ่งพูดขึ้นทันทีเพราะถึงแบบนี้แล้วเดมี่ยังมีนิสัยขี้นอยด์และขี้งอนอีกด้วย
“รักหลอกจึงหยอกเล่น อย่าโกรธกูเลยนะเดมี่” ไม่พูดเปล่านะโมยังยื่นนิ้วชี้ไปตรงหน้าเดมี่เพื่อหวังให้อีกคนดีด้วย
“ถ้าพูดอีก จะตบให้ปากแตกเลย” เดมี่พูดขึ้นแต่ถึงแบบนั้นก็ไม่ได้โกรธหรืออะไรเยอะเพราะรู้ดีว่าเพื่อนๆมักหยอกกันแบบนี้
“พวกมึงกูปรึกษาอะไรหน่อยสิ” หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างกลับเข้าสู่โหมดปกติ นะโมก็พูดขึ้น
“ถ้าปรึกษาเรื่องเงินปัดตกนะ” กิ่งพูดขึ้นเพราะทุกวันนี้ก็แทบไม่พอยาไส้
“กูเห็นด้วยกับอีกิ่ง” เดมี่พูดขึ้นเพราะหากเป็นเรื่องเงินแล้วปัดตกไปเลยเพราะมันยากมากหากจะให้คำปรึกษา
“กูอยากสัก” นะโมพูดขึ้นทันทีทำเอาเพื่อนทั้งสองคนต่างหันมามองหน้าราวกับไม่เชื่อ
“อย่างมึงน่ะหรอจะสัก แค่บริจาคเลือดมึงยังหนีเลยอีนะโม” เดมี่พูดขึ้นอีกครั้งเพราะกิจกรรมบริจาคเลือดที่มหาวิทยาลัยจัด นะโมคนนี้ดันหนีโดยให้เหตุผลว่ากลัวเข็ม
“ก็มันไม่เหมือนกัน” นะโมสวนกลับทันควันเพราะยังไงแล้วการสักกับการบริจาคเลือดย่อมต่างกันอยู่แล้ว
“ไม่เหมือนตรงไหนในเมื่อมันใช้เข็มเหมือนกัน” กิ่งพูดขึ้นเพราะเธอเองก็มีประสบการณ์ทั้งการสักและการบริจาคเลือด
“คนกลัวเข็มอย่างมึงสักไม่ได้หรอกนะโม” กิ่งพูดขึ้นอีกครั้ง
“แต่กูอยากสัก กูดูลายไว้แล้วด้วยอยากสักลายนี้ตรงสีข้างอะ” นะโมเปิดโทรศัพท์ยื่นลายรอยสักที่ต้องการให้เพื่อนทั้งสองคนดู
“สีข้างหรอ” กิ่งที่ได้ก็ถามขึ้น
“มันเท่ดีนะถ้ากูจะสักตรงนั้น” นะโมพูดขึ้นทันทีเพราะจากที่ตามดูรีวิวมันสวยมากจริงๆ
แน่นอนว่ารอยสักที่นะโมต้องการมันไม่ใช่รอยใหญ่อะไรเลยแต่มันเป็นเพียงประโยคคำภาษาอังกฤษ
“สีข้างโคตรเจ็บ” เดมี่พูดขึ้น ถึงตัวเธอจะไม่เคยสักแต่ประสบการณ์ที่คนอื่นเคยสักมาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน
“กูอยากสักอะ” เพราะนะโมสนใจเรื่องการสักลายมาสักพักแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำนั่นเพราะความกลัวที่มีอยู่ในใจ
“เลิกกลัวเข็มก่อนค่อยสัก” กิ่งพูดขึ้นอีกครั้งเพราะเข็มสักกับเข็มการบริจาคเลือดไม่ได้ต่างกัน ถึงการบริจาคเลือดจะใช้เข็มใหญ่กว่าแต่การสักเป็นการย้ำที่เดิมให้ได้ลวดลาย
“ก็เลิกกลัวแล้ว ถึงได้มาขอคำปรึกษานี่ไง” เพราะตอนนี้นะโมทำใจได้แล้วและมีแรงฮึดสู้ที่จะสัก
“เออๆแล้วจะปรึกษาอะไร” กิ่งกับเดมี่ถามขึ้นพร้อมกับเพราะดูเหมือนว่านะโมจะจริงจังในเรื่องนี้มาก
“พวกมึงแนะนำร้านสักให้กูหน่อยได้ไหม” ในเมื่อตอนนี้ใจพร้อมแล้ว ร่างกายพร้อมแล้ว อีกทั้งลายสักที่อยากได้ก็พร้อมแล้วเหลือแค่ร้านสักนั่นแหละที่นะโมยังไม่มี
“ร้าน NNT Tattoo” กิ่งพูดขึ้นทันทีเพราะกิ่งเองก็สักกับร้านนี้และที่สำคัญยังอยู่ในละแวกมหาวิทยาลัยอีกด้วย
“ช่างทุกคนในร้านแซ่บจนมึงต้องอยากได้แน่อีนะโม” เดมี่พูดขึ้นทันที ถึงแม้ไม่เคยสักแต่ร้านสักร้านนี้ดังมากๆและที่สำคัญช่างสักทุกคนก็งานดีจนสาวๆแวะเวียนไปสักกันบ่อยๆ
“งานดีจริงกูไม่เถียง ยิ่งเจ้าของร้านบอกเลยว่าโคตรของอภิมหาผัว” กิ่งพูดขึ้นเพราะถึงเธอจะไม่เคยสักกับเจ้าของร้านแต่ก็เคยเห็นหน้าคร่าตามาบ้าง
“ขนาดนั้นเลยหรือยังไงถึงได้พูดว่าอภิมหาผัว” นะโมถามขึ้นอย่างไม่เชื่อเพราะคำพูดของกิ่งที่พูดออกมามันอวยกันเกินหน้าเกินตามาก
“ถ้ามึงไม่เชื่อ มึงลองไปไหมล่ะเพราะกูมั่นใจว่าเจ้าของร้านตรงสเปคมึงแน่ๆอีนะโม”
“มันจะสักแค่ไหนกันเชียวก็แค่เจ้าของร้านสัก”
❤️
แค่ไหนเดี๋ยวมาดูกันยัยหนูนะโม