เหนือนที | 1

1527 Words
“เฮ้อ…เหลืออีกกี่เซ็ทที่ต้องถ่ายคะ” นะโมเอ่ยปากถามรุ่นพี่ในสโมสรนักศึกษาขึ้นทันที ในตอนนี้เธอถูกเรียกตัวมาถ่ายแบบให้กับทางสโมสรของมหาวิทยาลัยเนื่องจากนะโมพึ่งได้รับตำแหน่งดาวมหาวิทยาลัยเมื่อไม่นานมานี้ “อีกเซ็ทเดียวค่ะน้องนะโม” รุ่นพี่ในสโมสรตอบกลับมา ส่วนตัวแล้วพวกเขารู้สึกเกรงใจดาวมหาวิทยาลัยคนนี้ไม่น้อยเพราะพวกเขาดันโทรตามนะโมมาแบบไม่ได้นัดล่วงหน้า “หนูง่วงมากๆเลยค่ะ ยังไม่ได้นอนเลย” นะโมบ่นขึ้นและที่เป็นแบบนี้นั่นเพราะเมื่อคืนเธอไปเที่ยวมา กว่าจะกลับก็เกือบเช้าและเมื่อท้องฟ้าสว่างรุ่นพี่ในสโมสรนักศึกษาก็โทรตาม “ทนหน่อยนะคะ เหลือแค่เซ็ทนี้แล้วจริงๆ” รุ่นพี่บอกขึ้นอีกครั้งก่อนที่ทางทีมงานจะจัดการเซ็ทกล้องเซ็ทแสงอะไรต่างๆเพื่อเตรียมพร้อมกับเซ็ทสุดท้าย “น้องนะโมเชิญครับ” เสียงตากล้องพูดขึ้นนั่นทำให้นะโมได้สติเพราะเธอเกือบจะหลับอยู่รอมร่อ ใช้เวลาไม่นานนักเซ็ทสุดท้ายของวันนี้ก็จบลง แน่นอนว่านะโมไม่รอให้ใครพูดอะไร เธอคว้ากระเป๋าของตัวเองและเดินออกมาทันที ตอนนี้เธอง่วงเกินกว่าจะทำอะไรอีกแล้ว หากพี่ๆในสโมสรไม่โทรมา เธอคงมีเวลานอนก่อนจะเข้าเรียนภาคบ่ายแต่ตอนนี้ไม่เป็นแบบนั้นเพราะมันใกล้จะถึงเวลาเรียนของนะโมแล้ว นะโมได้แต่เดินตรงมายังห้องน้ำล้างหน้าล้างตาให้ตื่นเพื่อเตรียมตัวไปเรียน “ทำไมสีหน้ามึงดูไม่ดีเลยวะนะโม” เพื่อนสาวคนสนิทของนะโมที่ชื่อว่ากิ่งถามขึ้นทันที “กูยังไม่ได้นอนเลยมึง” นะโมตอบกลับไปตามตรง “ว่าบาปมาก มึงทำอะไรถึงไม่นอน” เดมี่ผู้ชายใจหญิงถามขึ้นทันที แน่นอนว่าเดมี่เองก็เป็นเพื่อนอีกคนในกลุ่ม “พี่ในสโมสรโทรให้กูมาถ่ายแบบของมหาวิทยาลัย” เพราะของแบบนี้ต่อให้นะโมอยากปฏิเสธก็ปฏิเสธไม่ได้เนื่องจากเธอได้รับตำแหน่ง ไม่ว่างานอะไรที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยเธอต้องมีส่วนร่วมอยู่บ่อยๆ “ฮ่าๆ ถึงว่ามึงหน้าตาไม่สดชื่นเลย” กิ่งพูดขึ้นเพราะดูก็รู้แล้วว่านะโมคงจะอดหลับอดนอนมาแน่ๆ “คนนอนแล้วแบบพวกมึงก็พูดได้สิ เที่ยวก็เที่ยวด้วยกันแท้ๆแต่กลับเป็นกูที่ไม่ได้นอนคนเดียว” น้ำเสียงงอแงของนะโมดังขึ้นก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะเพราะตอนนี้เธอไม่ไหวแล้วจริงๆ “นอนๆค่ะชะนี เดี๋ยวอาจารย์มากูจะปลุก” เดมี่พูดขึ้นเพราะรู้ดีว่านะโมคงง่วงมาก หากได้งีบสักพักตื่นมาคงสดชื่นไม่น้อย “ถะ…ถามจริง กูนอนจนจบคลาสเลยหรอ” นะโมถามขึ้นด้วยความตกใจเพราะตอนนี้มันคือเวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้วนั่นแปลว่าเธอหลับยาวจนไม่ตื่นขึ้นมาเรียน “เอาหน่า กูเห็นมึงนอนสบายเลยไม่ปลุก” กิ่งพูดขึ้นเพราะยิ่งเห็นนะโมนอนน้ำลายย้อยก็ไม่กล้าปลุกเพราะดูเหมือนว่าเพื่อนสนิทจะดูแฮปปี้กับการนอน “อาจารย์ไม่ว่าหรอ นางคนนี้เขาโหดนะ” นะโมถามขึ้นอีกครั้งเพราะหากวิชานี้ไม่ใช่อาจารย์ที่เจ้าระเบียบและขี้จุกจิก นะโมคงไม่แบกสังขารตัวเองมาเรียนทั้งๆที่ง่วงอยู่หรอก “กูนั่งบังมึงไว้ค่ะ” เดมี่พูดขึ้นทันทีเพราะด้วยความเป็นผู้ชายทำให้เดมี่มีรูปร่างใหญ่สามารถบดบังนะโมที่กำลังนอนอยู่ได้ “เพราะร่างใหญ่ แข็งแรง บึกบึนสินะ” นะโมพูดขึ้นในเชิงหยอกล้อเพราะถึงเดมี่จะเป็นผู้ชายแต่หัวใจของเธอกลับเป็นสาวน้อย แน่นอนว่าหุ่นไม่ได้น้อยตามหัวใจเพราะรูปร่างของเดมี่ทั้งสูงใหญ่ตามฉบับชายไทย “กรี๊ด ! เดี๋ยวกูตบปากเลยนะอีนะโม” เดมี่สวนกลับทันควันเพราะการพูดแบบนี้มันหยามหน้ากันชัดๆ อุตส่าห์นั่งบังอาจารย์ไว้ให้ รู้แบบนี้ให้อาจารย์ด่าเปิงเสียยังดีกว่า “หยอกๆจ้าแม่” นะโมที่เห็นว่าเดมี่ตาเขียวปั๊ดก็ได้แต่พูดขึ้นและลูบแขนแกร่งเบาๆ “มึงก็ไปหยอกมัน” กิ่งพูดขึ้นทันทีเพราะถึงแบบนี้แล้วเดมี่ยังมีนิสัยขี้นอยด์และขี้งอนอีกด้วย “รักหลอกจึงหยอกเล่น อย่าโกรธกูเลยนะเดมี่” ไม่พูดเปล่านะโมยังยื่นนิ้วชี้ไปตรงหน้าเดมี่เพื่อหวังให้อีกคนดีด้วย “ถ้าพูดอีก จะตบให้ปากแตกเลย” เดมี่พูดขึ้นแต่ถึงแบบนั้นก็ไม่ได้โกรธหรืออะไรเยอะเพราะรู้ดีว่าเพื่อนๆมักหยอกกันแบบนี้ “พวกมึงกูปรึกษาอะไรหน่อยสิ” หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างกลับเข้าสู่โหมดปกติ นะโมก็พูดขึ้น “ถ้าปรึกษาเรื่องเงินปัดตกนะ” กิ่งพูดขึ้นเพราะทุกวันนี้ก็แทบไม่พอยาไส้ “กูเห็นด้วยกับอีกิ่ง” เดมี่พูดขึ้นเพราะหากเป็นเรื่องเงินแล้วปัดตกไปเลยเพราะมันยากมากหากจะให้คำปรึกษา “กูอยากสัก” นะโมพูดขึ้นทันทีทำเอาเพื่อนทั้งสองคนต่างหันมามองหน้าราวกับไม่เชื่อ “อย่างมึงน่ะหรอจะสัก แค่บริจาคเลือดมึงยังหนีเลยอีนะโม” เดมี่พูดขึ้นอีกครั้งเพราะกิจกรรมบริจาคเลือดที่มหาวิทยาลัยจัด นะโมคนนี้ดันหนีโดยให้เหตุผลว่ากลัวเข็ม “ก็มันไม่เหมือนกัน” นะโมสวนกลับทันควันเพราะยังไงแล้วการสักกับการบริจาคเลือดย่อมต่างกันอยู่แล้ว “ไม่เหมือนตรงไหนในเมื่อมันใช้เข็มเหมือนกัน” กิ่งพูดขึ้นเพราะเธอเองก็มีประสบการณ์ทั้งการสักและการบริจาคเลือด “คนกลัวเข็มอย่างมึงสักไม่ได้หรอกนะโม” กิ่งพูดขึ้นอีกครั้ง “แต่กูอยากสัก กูดูลายไว้แล้วด้วยอยากสักลายนี้ตรงสีข้างอะ” นะโมเปิดโทรศัพท์ยื่นลายรอยสักที่ต้องการให้เพื่อนทั้งสองคนดู “สีข้างหรอ” กิ่งที่ได้ก็ถามขึ้น “มันเท่ดีนะถ้ากูจะสักตรงนั้น” นะโมพูดขึ้นทันทีเพราะจากที่ตามดูรีวิวมันสวยมากจริงๆ แน่นอนว่ารอยสักที่นะโมต้องการมันไม่ใช่รอยใหญ่อะไรเลยแต่มันเป็นเพียงประโยคคำภาษาอังกฤษ “สีข้างโคตรเจ็บ” เดมี่พูดขึ้น ถึงตัวเธอจะไม่เคยสักแต่ประสบการณ์ที่คนอื่นเคยสักมาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน “กูอยากสักอะ” เพราะนะโมสนใจเรื่องการสักลายมาสักพักแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำนั่นเพราะความกลัวที่มีอยู่ในใจ “เลิกกลัวเข็มก่อนค่อยสัก” กิ่งพูดขึ้นอีกครั้งเพราะเข็มสักกับเข็มการบริจาคเลือดไม่ได้ต่างกัน ถึงการบริจาคเลือดจะใช้เข็มใหญ่กว่าแต่การสักเป็นการย้ำที่เดิมให้ได้ลวดลาย “ก็เลิกกลัวแล้ว ถึงได้มาขอคำปรึกษานี่ไง” เพราะตอนนี้นะโมทำใจได้แล้วและมีแรงฮึดสู้ที่จะสัก “เออๆแล้วจะปรึกษาอะไร” กิ่งกับเดมี่ถามขึ้นพร้อมกับเพราะดูเหมือนว่านะโมจะจริงจังในเรื่องนี้มาก “พวกมึงแนะนำร้านสักให้กูหน่อยได้ไหม” ในเมื่อตอนนี้ใจพร้อมแล้ว ร่างกายพร้อมแล้ว อีกทั้งลายสักที่อยากได้ก็พร้อมแล้วเหลือแค่ร้านสักนั่นแหละที่นะโมยังไม่มี “ร้าน NNT Tattoo” กิ่งพูดขึ้นทันทีเพราะกิ่งเองก็สักกับร้านนี้และที่สำคัญยังอยู่ในละแวกมหาวิทยาลัยอีกด้วย “ช่างทุกคนในร้านแซ่บจนมึงต้องอยากได้แน่อีนะโม” เดมี่พูดขึ้นทันที ถึงแม้ไม่เคยสักแต่ร้านสักร้านนี้ดังมากๆและที่สำคัญช่างสักทุกคนก็งานดีจนสาวๆแวะเวียนไปสักกันบ่อยๆ “งานดีจริงกูไม่เถียง ยิ่งเจ้าของร้านบอกเลยว่าโคตรของอภิมหาผัว” กิ่งพูดขึ้นเพราะถึงเธอจะไม่เคยสักกับเจ้าของร้านแต่ก็เคยเห็นหน้าคร่าตามาบ้าง “ขนาดนั้นเลยหรือยังไงถึงได้พูดว่าอภิมหาผัว” นะโมถามขึ้นอย่างไม่เชื่อเพราะคำพูดของกิ่งที่พูดออกมามันอวยกันเกินหน้าเกินตามาก “ถ้ามึงไม่เชื่อ มึงลองไปไหมล่ะเพราะกูมั่นใจว่าเจ้าของร้านตรงสเปคมึงแน่ๆอีนะโม” “มันจะสักแค่ไหนกันเชียวก็แค่เจ้าของร้านสัก” ❤️ แค่ไหนเดี๋ยวมาดูกันยัยหนูนะโม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD