บ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์นคอนเทมโพรารีหลังสุดท้ายในโครงการบ้านจัดสรรซึ่งตั้งอยู่ในย่านพระรามเก้ายังเป็นสถานที่ที่ทุกครั้งดอกหญ้ามาเยือนแล้วสร้างความสงสัยให้เจ้าหล่อนเสมอ
นายแพทย์น่านฟ้าบอกเธอว่าเขาเป็นหมอธรรมดา ฐานะไม่ได้ร่ำรวยอะไร เรียนจบมาได้เพราะเงินจากการรับสอนพิเศษและงานอื่นๆ ตามแต่จะมีผู้ว่าจ้าง ทว่าบ้านโสภิตกลับตั้งอยู่ในโครงการระดับซูเปอร์ลักซัวรี่ราคาหนึ่งร้อยห้าสิบล้านเห็นจะได้กระมัง
ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนเป็นลูกต้องกระเสือกกระสนหาเงินส่งตัวเองเรียน ทั้งที่แม่มั่งมีเป็นมหาเศรษฐียังว่าได้ นอกจากบ้าน รถยนต์ที่ใช้ราคายังหลักสิบล้าน ไหนจะข้าวของเครื่องใช้อย่างอื่นอีก อย่าว่าแต่จนเลย โสภิตห่างไกลคำว่าฐานะปานกลางจนไม่เห็นฝุ่น
ทุกความสงสัยถูกพับเก็บไว้เหมือนอย่างเดิมเมื่อประตูอัตโนมัติเลื่อนเปิดออกจนสามารถนำรถยนต์เข้าไปได้ ดอกหญ้าขับตรงไปยังโรงจอดรถอย่างทุกครั้งที่มา เธอมาที่นี่ไม่บ่อยนักหรอก ตั้งแต่อยู่กับน่านฟ้า นี่เป็นครั้งที่สามกระมังที่มาบ้านแม่ชายหนุ่ม
นั่นรถใคร?
เบนท์ลีย์สีดำที่จอดอยู่ข้างซูเปอร์คาร์พาให้คิ้วโก่งโค้งขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “แม่พี่น่านซื้อรถใหม่เหรอ”
ไม่น่าใช่
โดยปกติโสภิตมักไม่ขับรถเอง นานๆ ครั้งถึงจะเอาออกไปวนรอบหมู่บ้าน ด้วยว่านางขับรถยนต์ไม่คล่องสักเท่าใด อีกทั้งอายุไม่เอื้ออำนวยให้ใช้รถบนท้องถนนเมืองกรุงที่รถราแน่นขนัด พอร์ชสีเทาคันที่จอดนิ่งสนิทอยู่ข้างเบนท์ลีย์นั่น เธอจำได้ว่าแม่ของชายคนรักบอกว่าซื้อให้เป็นของขวัญที่นายแพทย์หนุ่มเรียนจบเมื่อสิบปีก่อน ทว่าลูกชายไม่ยอมนำไปขับ แต่กลับไปซื้อรถเก๋งญี่ปุ่นมือสองอายุสิบห้าปีในราคาแปดหมื่นบาทมาขับไปทำงานแทน
มีเหตุผลอะไรกันที่ทำให้นายแพทย์น่านฟ้าปฏิเสธของขวัญที่มารดามอบให้ ไหนจะเรื่องส่งตัวเองเรียนอีก ชายหนุ่มทำอย่างนั้นทำไมในเมื่อครอบครัวไม่ได้ขัดสน
มีคำถามในหัวดอกหญ้าเต็มไปหมด
ได้แต่งงในดงชีวิตหมอน่านฟ้า
กระนั้นหญิงสาวไม่เคยสักครั้งที่จะเอ่ยปากถาม ด้วยคิดว่าหากสักวันพี่น่านของเธออยากเล่าและพร้อมจะเล่า เขาคงพูดออกมาเอง อีกทั้งกลัวว่าหากถามออกไป อาจเป็นการไปสะกิดแผลในใจที่เจ้าตัวพยายามเยียวยาตัวเองอยู่
อดีตเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว จำเป็นตรงกันให้รื้อฟื้น โดยเฉพาะอดีตที่ใครบางคนอยากลืม มีเหตุผลอะไรต้องพูดถึงกัน ปัจจุบันต่างหากเล่าที่คนเราควรอยู่ด้วยและทำมันให้ดีที่สุด เพราะปัจจุบันจะกลายเป็นอดีตของอนาคต ถ้าทำทุกอย่างดีแล้ว เธอเชื่อด้วยใจเต็มร้อยว่าอนาคตต้องดีแน่นอน
ดอกหญ้าพรูลมหายใจออกมา เธอหยุดคิดว่าอะไร ทำไม เพราะคิดไปใช่ว่าจะได้คำตอบ หญิงสาวหันไปใช้เวลาอันแสนมีค่ากับการเติมเครื่องสำอางลงบนใบหน้าก่อนพาตัวเองออกจากรถยนต์แล้วเดินตรงเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่หรูตั้งแต่ตีนบันไดกันเลยทีเดียว
“หนูดอกหญ้า มาแล้วเหรอลูก มาๆ แม่รออยู่เลย” น้ำเสียงดีใจของหญิงผู้มากด้วยวัยทว่าใบหน้ายังคงความสวยไม่สร่างดังขึ้นเมื่อเห็นหญิงคนรักของลูกชายเดินเข้าบ้านมาพร้อมสาวรับใช้ที่ช่วยดอกหญ้าถือของพะรุงพะรัง “ซื้ออะไรมาเยอะแยะลูก”
“ของกินของใช้น่ะค่ะคุณแม่” จริงอยู่ที่บ้านโสภิตไม่ขาดเหลือ ทว่าที่ซื้อของติดไม้ติดมือมาตลอดเพราะอยากให้โสภิตรู้สึกว่าลูกใส่ใจ แม้เธอไม่ใช่ลูกในไส้ แต่คงพอเป็นยาใจให้แม่นายแพทย์หนุ่มแทนลูกชายได้บ้างกระมัง อย่างน้อยเธอก็เป็นคนรักเขานี่นา พูดได้ไหมว่าเราสองคนเป็นคนคนเดียวกัน ในเมื่อทางพฤตินัยเราคือสามีภรรยากันแล้ว
“ไม่น่าลำบากเลยลูก”
“ไม่ลำบากเลยค่ะ หนูซื้อของที่คุณแม่ชอบมาทั้งนั้นเลยนะคะ พวกขนมเอาไว้ทานกับกาแฟ แล้วก็เสื้อกันหนาว นี่ปลายฝนต้นหนาวแล้ว คุณแม่ต้องดูแลสุขภาพนะคะ”
เจ้าของบ้านคว้ามือน้อยมากุม โสภิตน้ำตารื้น ตลอดมาความสัมพันธ์ของนางกับลูกชายเปรียบเสมือนแก้วที่เต็มไปด้วยรอยร้าว พร้อมทุกเมื่อที่จะแตกออกเป็นเสี่ยง นายแพทย์น่านฟ้าย้ายออกไปอยู่ข้างนอกตั้งแต่อายุสิบแปด ปฏิเสธทุกการช่วยเหลือจากแม่และพ่อ เงินแม้แต่บาทเดียวลูกไม่เคยรับจากพวกเรา บัตรเครดิต คอนโดมิเนียม รถยนต์ที่ซื้อไว้ให้ขับไปมหาวิทยาลัย ลูกไม่เอาอะไรสักอย่าง ซ้ำร้ายไปกว่านั้นยังทำให้ชีวิตตัวเองลำบาก ทั้งเรียนทั้งหาเงินเพื่อจ่ายค่าเทอมและค่าใช้จ่ายต่างๆ
ทุกอย่างยิ่งแย่ลงเมื่อน่านฟ้าแต่งงานกับแพทย์หญิงรวินท์วิภา วันที่ไปสู่ขออดีตลูกสะใภ้ นางตั้งใจมอบสินสอดเป็นเงินจำนวนหลายสิบล้านให้ครอบครัวฝ่ายหญิง แต่สุดท้ายนางไม่ได้ทำตามความตั้งใจ เพราะระหว่างเดินทางไปบ้านพ่อแม่แพทย์หญิงคนสวยด้วยรถญี่ปุ่นมือสองที่ลูกชายซื้อมาขับ นางพูดเรื่องสินสอดขึ้นมา น่านฟ้าไม่พอใจมาก ลูกบอกว่าสินสอดทุกบาทขอเป็นคนจัดการเอง แม่ไม่ต้องมายุ่ง
สามปีที่น่านฟ้าใช้ชีวิตคู่กับแพทย์หญิงรวินท์วิภา เป็นสามปีที่แม่ไม่ได้พบหน้าลูกชายเลย และไม่เคยสักครั้งที่ลูกจะพาลูกสะใภ้มาเยี่ยมเยียนนางที่บ้าน มีครั้งหนึ่งนางทนความคิดถึงไม่ไหว เลยโทร. หาลูกชาย ถามข่าวคราวและอดไม่ได้ที่จะถามว่า “น่านมีเงินไหมลูก”
ก่อนได้ยินเสียงลูกสะใภ้แทรกเข้ามาว่า “ค่าใช้จ่ายบ้านเราเยอะมากพอแล้ว คงให้คนอื่นไม่ไหว”
เป็นประโยคที่ฟังแล้วถึงกับยิ้มทั้งน้ำตากันเลยทีเดียว แพทย์หญิงรวินท์วิภาคงคิดว่านางจะขอเงินนายแพทย์น่านฟ้า แถมยังบอกว่านางเป็น ‘คนอื่น’ ทั้งที่แม่มีความปรารถนาดีต่อลูกเต็มหัวใจ เรื่องที่ต้องการพูดกับลูกชายว่าอยากเปิดคลินิกให้จึงไม่ได้เอ่ยออกไป หลังจากวางสายในวันนั้นนางไม่ได้ติดต่อกับลูกชายอีกเลยจนกระทั่งสองสามีภรรยาหย่าขาดจากกัน
ในฐานะแม่ไม่ว่าแพทย์หญิงรวินท์วิภาจะปฏิบัติอย่างไรต่อตนก็ไม่สำคัญเท่าความรู้สึกลูกชาย นางเสียใจเหลือเกินที่ครอบครัวที่ลูกตั้งใจสร้างต้องพังลง จึงพยายามไปหานายแพทย์น่านฟ้าที่บ้าน กลัวว่าลูกจะเสียใจจนเผลอทำอะไรที่คาดไม่ถึง ด้วยรู้ว่าน่านฟ้ารักอดีตเมียมากแค่ไหน จนกระทั่งได้เจอกับเจ้าของใบหน้าอ่อนใสนี่แหละ นางจึงได้เบาใจว่าลูกชายก้าวผ่านเรื่องราวต่างๆ ไปได้แล้ว
“ขอบใจมากหนูดอกหญ้า หนูน่ารักมากจริงๆ” อ่อนหวานทว่าไม่อ่อนแอ ใส่ใจคนรอบข้าง กระนั้นไม่เคยลืมว่าควรรักตัวเอง นี่แหละดอกหญ้า นางมั่นใจเหลือเกินว่าหากลูกชายลงหลักปักฐานกับหญิงสาว น่านฟ้าจะไม่มีวันเสียใจเป็นหนที่สอง