ตอนที่ 3 พบหน้า

1391 Words
ตอนที่ 3 พบหน้า กลิ่นหอมของอาหารหลากหลายอย่างฟุ้งไปทั่วบ้านเช่าหลังเล็กๆ ที่อยู่ท้ายซอยแออัดแห่งหนึ่งในเมืองหลวง บ้านที่มีขนาดเล็กสภาพก็เท่ากับรูหนูอีกทั้งยังค่อนข้างทรุดโทรมไปกับการเวลา คนรวยไม่เรียกว่าบ้านเสียด้วยซ้ำ ชุมชนแห่งนี้ก็มีสภาพวิสัยทัศน์ที่ค่อยข้างติดลบขยะมากมายที่มาพร้อมกับน้ำที่เน่าเสียส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วแต่สำหรับคนจนๆ คงจะไม่มีทางเลือกที่มากนักนอกจากการยอมรับชะตากรรมของตัวเอง ภาพผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งกำลังตั้งใจทำอาหารอย่างสุดท้ายแล้วเพื่อรอให้พี่ชายคนเดียวของเธอ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอาหารพื้นก็เถอะ “เสร็จแล้ว” น้ำเสียงหวานละมุนและอ่อนโยนพูดขึ้นหลังจากที่เธอวางจานอาหารลงบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว รอยยิ้มแห่งความดีใจก็เผยให้เห็นพร้อมกับการใช้มือเล็กๆ ปาดเหงื่อบนใบหน้าแสนหวานของตัวเอง สายตาก็มองไปยังอาหารบนโต๊ะที่มีน้ำพริกปลาทู ไข่เจียวหมูสับและก็ต้มข่าไก่ “พี่ยิวคงดีใจแน่ๆ เพราะมีแต่ของชอบทั้งนั้น” ใบหน้าหวานเอ่ยขึ้นด้วยความหวังสองวันแล้วสินะที่ต้องทำอาหารเก้อรอแบบนี้ ใช่แล้วล่ะฉันทำอาหารรอพี่ชายของตัวเองทุกๆ วัน แต่มันก็จบลงด้วยการทานคนเดียว ไม่รู้ว่าพี่ชายตัวเองไปไหนถึงไม่ค่อยกลับบ้านกลับช่องอาทิตย์หนึ่งจะเห็นหน้าแค่เพียงไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำแต่แล้วอาทิตย์นี้มันแปลกเหลือเกิน พี่ยิวไม่กลับบ้านเลยสักครั้งถือว่าผิดปกติมาก ฉันใจคอไม่ดีเลยเพียงเพราะคำว่า “ห่วง” เท่านั้น พี่ยิวมักจะออกไปกู้หนี้ยืมสินของคนที่ปล่อยเงินกู้เป็นประจำทำให้ฉันต้องตามไปชดใช้หนี้ให้ด้วยเงินจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองที่มีค่อนข้างน้อยแต่ทำยังไงได้ในเมื่อฉันรักพี่ชายของตัวเองเท่าชีวิต แกร็ก! เสียงเปิดของประตูบ้านดังขึ้นมาทำให้ฉันต้องรีบผละออกจากความคิดของตัวเองทันทีต้องเป็นพี่ยิวแน่ๆ เลย ในที่สุดวันนี้ฉันก็ได้ทานข้าวกับพี่ชายสุดที่รักของตัวเองเสียที “พี่ยิวมาทานข้าวค่ะ” เสียงของยาหยีดังขึ้นมาก่อนที่จะตามศีรษะที่โผล่ออกจากประตูที่เชื่อมต่อหลังบ้านที่เป็นห้องครัว ใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่แสดงออกมาอย่างจริงใจไม่เสแสร้งเหมือนกับผู้คนสมัยนี้ดวงตาที่สดใสเป็นประกายมันสื่อถึงความไร้เดียงสาในตัวเอง ยาหยีเป็นผู้หญิงค่อนข้างที่จะไม่ค่อยสนใจโลกสมัยนี้ แต่งตัวก็เชยๆ ไม่เคยที่จะใส่กางเกงสั้นเกินเข่าส่วนเสื้อก็จะเป็นเสื้อยืดเป็นส่วนใหญ่แบบนี้แหละที่ผมหวังว่าไอ้ซันมันคงจะชอบ “พี่ยิวเป็นอะไรหรือป่าวมองหยีทำไมแบบนั้น?” พอผมรู้สึกตัวอีกทีหนึ่งเสียงเล็กแหลมของยาหยีก็เข้ามาในโสตประสาทพร้อมกับใบหน้าหวานที่ตอนนี้อยู่ตรงหน้าของตัวเองแล้วแต่ก็ช่างเถอะในนาทีนี้ผมต้องคิดถึงตัวเองสิ “หยี ต้องไปกับพี่” “…” เสียงของพี่ยิวเปล่งออกมาในขณะที่ฉันยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับสบตาสีดำของพี่ยิว ใบหน้าที่บ่งบอกว่าตอนนี้เครียดสุดๆ หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพี่ยิวอีกนะ “หยีต้องไปอยู่กับเจ้านายของพี่” ประโยคนี้ทำเอาร่างกายของฉันชาวาบไปทั้งตัว สมองมันขาวโพนไปหมดเสมือนกับการที่ตัวเองหลงไปในป่าลึกจนหาทางกลับออกมาไม่ได้ “ทำไมหยีต้องไปคะหรือว่า...” ปัง! เสียงถีบประตูดังขึ้นมาผมที่พูดกับยาหยีอยู่รีบหันหน้าไปทันทีโดยที่ไม่สนใจประโยคของยาหยี สายตาก็สบกับสายตาสีรัตติกาลที่คุยเคยเป็นอย่างดีถึงแม้ว่าเขาคนนั้นจะใส่แว่นตาก็ตาม “ไอ้ซัน” “กูมาเอาของที่มึงบอกว่าจะให้ใช้หนี้แทน” ใบหน้าที่ยากจะคาดเดาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาดและเด็ดเดี่ยวมากแค่ไหน ซึ่งคนอย่างผมก็น่าจะรู้จักผู้ชายที่เดินเข้ามาในบ้านเป็นอย่างดี นึกไม่ถึงด้วยซ้ำว่าคนอย่างซัน VILLAIN จะมาด้วยตัวเอง ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้ตกลงหรือพูดอะไรกับยาหยีด้วยซ้ำที่หายไปสองวันก็เพื่อรักษาตัว “เออ กูเองไอ้ยิว” ฉันยังพูดไม่ทันจะจบประโยคก็มีเสียงเปิดประตูบ้าน ไม่ใช่สิแรงแบบนี้เขาเรียกว่าถีบดีกว่ามั้งเข้ามาขัดจังหวะ เมื่อได้ยินแบบนั้นจึงหันหลังกลับไปดูทันที ร่างสูงใหญ่ของผู้ชายที่พี่ยิวเรียกว่าซันเดินเข้ามานั่งริมกับขอบหน้าต่างพร้อมกับพ่นควันบุหรี่สีขาวออกมาอย่างไม่เกรงใจรูปร่างเหมือนกับนายแบบที่หลุดออกมาจากในนิตยสารก็ไม่ปาน ผมส้มออกทองๆ รับกับใบหน้าเรียวที่ขาวจัด จมูกโด่งแต่เสียดายที่ริมฝีปากคล้ำไปหน่อยเนื่องจากสูบบุหรี่หนัก ไปอยู่เมืองที่หิมะตกมาหรือยังไงนะผิวถึงได้ขาวราวกับไม่เคยถูกแสงแดดบวกกับการแต่งตัวที่ค่อนข้างธรรมดา กางเกงยีนดำขาดๆ กับเสื้อยืดสีขาวสวมทับแจ็คเก็ตหนังสีดำยิ่งทำให้ดูดีเข้าไปใหญ่แต่เสียดายที่มีแว่นตาสีดำมาบดบังสายตา “หนี้พี่อย่าบอกนะว่าฉันคือของ?” ฉันพูดขึ้นเมื่อได้ยินประโยคแรกที่ชายที่ชื่อว่าซันเอ่ยขึ้นมาอย่างเรียบๆ โดยไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลยด้วยซ้ำ “…” “ถ้าใช่แล้วจะทำไมพี่ชายเธอติดหนี้ชั้นสิบล้าน!” ผมตอบกลับประโยคของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องของไอ้ยิวทันทีเมื่อเห็นว่าพี่ชายตัวดีของเธอเงียบกริบ “สะ สิบล้าน!” เธอรีบหันตัวไปทางไอ้ยิวทันทีเมื่อได้ยินประโยคที่ผมเน้นพูดออกไปทีละคำสายตาเบิกกว้างของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผมมันยิ่งทำให้ตัวเองรู้สึกสะใจมากเป็นพิเศษ ความเปิ่นความโก๊ะและก็ไร้เดียงสาคงมีอยู่ไม่น้อย ท่าทางที่เธอแสดงนั้นมันอยู่ในสายตาของผมหมด ใบหน้าหวานทั้งรอยยิ้มและท่าทางแต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่สเปกของผมเชยขนาดนี้ สิ่งที่สนใจมีเพียงเรื่องเดียวนั่นก็คือ ซิง “ไม่จริงใช่ไหมพี่ยิวทะ ทำไมพี่ถึงได้ไปติดหนี้เขาเยอะขนาดนั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้แน่ๆ” มันต้องเป็นเรื่องที่ไม่จริงแน่ๆ เงินตั้งสิบล้านพี่ยิวเอาไปทำอะไรนักหนาเพราะวันๆ ฉันก็ไม่เห็นว่าพี่ยิวจะกลับบ้าน การงานก็ไม่มีทำอะไรเลยมันต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่ๆ อย่าว่าแต่สิบล้านเลยแค่หลักพันตอนนี้ฉันยังไม่มีจะให้เลยด้วยซ้ำอีกทั้งเงินเก็บก็ไม่มี “หยุดเซ้าซี้ได้แล้วหยีทุกๆ อย่างมันเป็นความจริงทั้งหมด ชั้นติดหนี้เขาจริงๆ ถ้าอยากให้ชั้นรอดก็ต้องช่วยไม่ต้องมาถามถึงสาเหตุใดๆ ทั้งนั้นเพราะมันไม่มีคำตอบ!” “พี่ยิว..” “…” สรรพนามที่พี่ยิวใช้เรียกตัวเองเปลี่ยนไปในพริบตาจากคำว่า “พี่” เปลี่ยนเป็น “ชั้น” ยิ่งฟังยิ่งทำให้หัวใจห่อเหี่ยว พี่ชายที่เกิดจากสายเลือดร่วมกัน “อย่าบอกนะว่าพี่ยิวกับไปเล่นมันอีกแล้วพี่ไปเล่นมันอีกแล้วใช่ไหมการพนัน!” “...” คำตอบคือเงียบแบบนี้ มันยิ่งทำให้ฉันรู้ดีว่ามันใช่ ครั้งก่อนทุกๆ คนรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงต้องมาอยู่ที่บ้านเช่าหลังเล็กๆ นี้ นั่นก็เพราะว่าพี่ยิวขายบ้านที่พ่อแม่เป็นคนสร้างขึ้นเพื่อใช้หนี้พนัน “อย่าทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของชีวิตชั้นยาหยี ชั้นจะเล่นหรือไม่มันไปหนักหัวแกหรือไงไปๆ ซะก็จบหรือแกอยากให้ชั้นตาย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD