5

1977 Words
เพราะลู่ซินเหว่ยร้องเสียงดัง และนางไม่ยอมลงไปอาบน้ำในบ่อน้ำอุ่น ฝ่ายเสิ่นฉุนจึงพยายามจับตัว ล้มลุกคลุกคลานกันจนเจ็บเนื้อเจ็บตัว อันที่จริงลู่ซินเหว่ยไม่อยากทำเช่นนั้น แต่นางกลัวนี่นา ความกล้าหาญนับแต่ก้าวออกจากวังหลวงมันหดหายไปหมดแล้ว คล้ายกับว่าพญายมซานเกอ กัดกินวิญญาณนาง และความรอบรู้ทุกสิ่งไปหมดสิ้น ยามนี้แม้นางไม่ใช่คนสมองฝ่อ แต่ก็ใกล้เคียงเกือบสามส่วน “แม่นางถิงถิง... เจ้ายิ่งดิ้น ยิ่งจะเจ็บตัว!” และทั้งหมดที่ลู่ซินเหว่ยเป็นเช่นนั้น เพราะนางกำลังเพ้อด้วยพิษไข้ ซึ่งมีเชื้ออ่อนๆ ตั้งแต่ก่อนก้าวลงเรือ ซึ่งในยามนี้เล่นงานหญิงสาวอย่างหนัก เสิ่นฉุนเห็นว่าอีกฝ่ายต่อต้านแรงเกินไปจึงกลัวจะเจ็บตัว นางเลยปล่อยให้เป็นอิสระ ในยามนั้น ลู่ซินเหว่ยมีอาการแปลกๆ นางพุ่งไปหลบที่หลังตู้ไม้ ก่อนร้องไห้สะอึกสะอื้น อาการที่แสดงให้เห็น ทำให้เสิ่นฉุนเหนื่อยใจยิ่ง “เอาล่ะ... เห็นว่าเจ้าเสียขวัญ และยังถูกกลั่นแกล้งเพียงนี้ ข้าคงไม่ฝืนใจ อยากอาบเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน ขอเพียงแค่อย่าเอาศีรษะมุดน้ำจนขาดอากาศหายใจ หากทำเช่นนั้น เจ้าก็ไม่ใช่แค่คนโง่ หากยังขี้ขลาดเสียด้วย” ลู่ซินเหว่ยถลึงตาใส่คนที่สบประมาทนาง “ถิงถิง ไม่ได้โง่ และไม่ได้ขี้ขลาด เพียงแต่เสียใจ และเกลียดคนพวกนั้น” ยามนี้นางอยากสลัดหน้ากากคนเขลาทิ้งไปเสีย แต่ลึกๆ กลับกลัวว่า หูตาของซานเกอ อาจจับจ้องดูอยู่ “ดี และข้าเตือนเอาไว้ สตรีข้างกายนายท่านต้องงดงาม ไม่ใช่คนเจ้าน้ำตา เจ้าเห็นหรือไม่ รั่วเฟิงเฉิดฉายเพียงใด นางจิ้งจอกนั่น จ้องเล่นงานเจ้าอยู่” กล่าวจบ เสิ่นฉุนก็ปล่อยให้ลู่ซินเหว่ยอยู่เพียงลำพัง ในห้วงเวลานั้น ทุกอย่างคล้ายถล่มทับลงมาบนร่างของหญิงสาว นางกอดตัวเองแน่น ก้มหน้าต่ำ ลู่ซินเหว่ย คิดถึงบิดา โหยหาความสุข ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่เคยลำบาก อีกทั้งคิดว่า ตนฉลาด หลักแหลม แต่ทั้งหมดเป็นผู้อื่นที่อยู่ในวังหลวงยอมให้นางเสมอ จวบจนก้าวออกมาสู่โลกภายนอก นางต้องพ่ายแพ้ ยามนี้ชีวิตกำลังจะพังทลาย ราวกับกองทรายที่ถูกคลื่นทะเลซัดเข้าใส่ แม้อยากกลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้ หากสุดท้ายลู่ซินเหว่ยก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอีก ศีรษะนางหนักอึ้ง และขอบตาปวดจนแสบและพร่าไปหมด ในขณะที่พิษไข้เล่นงานจนไม่อาจประคองตนไว้ได้ มือหนึ่งก็สัมผัสร่างกายของลู่ซินเหว่ย ฝ่ายนางตกใจ สะดุ้งเฮือกสุดแรง แต่สัมผัสดังกล่าวอ่อนโยน ทั้งส่งความห่วงใยมาถึงนาง “ท่านพ่อหรอกหรือ...” นางเรียกอี้อ๋องเช่นนั้น ยามอยู่เพียงลำพัง อีกฝ่ายเลิกคิ้วสูง ไม่ได้ตอบ “ข้าหนาว และคนที่นี่รังแกข้า ทะ ท่านต้องให้คนมาจับตัวไปโบย ไม่ก็เนรเทศไปใช้แรงงาน ที่เหมืองได้หรือไม่” คนตัวโตอมยิ้มในสีหน้า และไม่อยากเอ่ยคำใดขัดคนที่กำลังละเมอ ด้วยไข้ขึ้นสูง “หิวด้วย ขอข้าวกินเยอะๆ ต้องมีทั้งอาหารทะเล เนื้อหมู เนื้อไก่ ของหวาน และสุราดอกท้อ” พอได้ยินคำว่าสุรา คนที่กอดลู่ซินเหว่ยไว้รวมๆ เลยพ่นลมหายใจออกมา อย่างไม่สมอารมณ์ “เจ้าอายุเท่าใดกัน ไฉนจะดื่มสุราได้” “ฮึ ห้าขวบข้าก็ขี่ม้าได้ สิบขวบก็ศึกษาแผนที่ ทั่วทั้งแคว้นอี้ มีที่ใดบ้างที่ลูกสาวท่านไม่รู้จัก” “มีสิ... เกาะเผิงหนานอย่างไรเล่า ข้ามั่นใจว่า ถิงเอ๋อร์ ไม่เคยเห็นแผนที่มาก่อนแน่นอน” “ใคร... ใครคือถิงถิง!?” หลุดถามเสียงดังออกไปแล้ว ยามนั้นสติของลู่ซินเหว่ยก็เหมือนจะกลับคืน หัวใจนางพลันหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ไม่กล้าเงยหน้ามองคนที่กอดนางไว้หลวมๆ ซึ่งไม่ต้องคาดการณ์อันใด นางก็รู้ว่า คนผู้นี้คือพญายมซานเกอ !! ให้ตายเถิด หากถูกเขาจับได้ว่าปลอมตัวเป็นผู้อื่น ทั้งยังนำตราเคลื่อนทัพติดตัวมาได้ โจรสลัดผู้นี้ จะทำสิ่งใดกับนางบ้าง เพียงแค่คิด ลู่ซินเหว่ยก็อยากเอาศีรษะโหม่งพื้นให้ตายเสีย เพื่อจะไม่ต้องทรมานยามที่อยู่ในเงื้อมือคนเผด็จการ แสนอำมหิต และอึดใจต่อมา ลู่ซินเหว่ยก็ส่งเสียงสั่นๆ พร้อมท่าทางแง่งอนราวกับเด็กๆ “ขะ ข้า... หนาว... และก็ หิว!” เมื่อร้องจบ ก็หลับตา พร้อมทำคอพับคออ่อน “อ่อ... คงเพราะพิษไข้ คนเขลาของข้า ถึงได้พูดจาเลื่อนเปื้อนสินะ” ลู่ซินเหว่ยไฉนจะกล้าเอ่ยสิ่งใดอีก และอีกฝ่ายพอเห็นนางเงียบมือใหญ่ ก็ค่อยๆ แกะเสื้อผ้าที่คลุมร่างนางออก ทีละชิ้น “ปล่อยให้ตัวเปียกและเหม็นไม่ได้ เช่นนี้สามีข้าจะอาบน้ำให้ภรรยาย่อมเป็นการดีที่สุด” ได้ยินอย่างนั้น ลู่ซินเหว่ยอยากร้องประท้วง ทว่านางกลับวางแผนตื้นเขิน ด้วยการสลบไปเสียนี่ “เอาล่ะ เด็กน้อยของข้า อย่าได้กลัวว่าสามีจะเอาเปรียบ เราทั้งคู่ย่อมนุ่งลมห่มฟ้าด้วยกัน เช่นนี้ ย่อมไม่ต้องมีการเขินอาย!” ลู่ซินเหว่ยเกลียดตัวเองที่ทำสิ่งใดก็ไม่ได้ดั่งใจ อีกทั้งซานเกอยังถือแต้มนำนางตลอด นางเลยเหมือนสตรี สติเฟื่องมากกว่าคนที่สูญเสียความทรงจำ “เอ... เจ้าสลบเช่นนี้ ข้าจะแอบกินเต้าหู และชิมของหวานสักเล็กน้อย ให้หายคิดถึง แล้วคนเขลาจะอนุญาตหรือไม่” ยามนั้น นางอดทนไม่ไหว จึงลืมตาโพลง และใช้มือหนึ่งทุบหัวไหล่คนหื่นไปเต็มแรง “ถิงถิง... มะ ไม่สบาย อย่าระ รังแก กัน” “โถ ข้าจะช่วยอาบน้ำต่างหากเล่า และขอให้เจ้ามีน้ำใจตอบแทนด้วยการ ป้อนน้ำเต้าหู้ และของหวานจากกลีบดอกไม้ สักเล็กน้อยมิได้หรืออย่างไร” ลู่ซินเหว่ยแยกเขี้ยว และเอ่ยอย่างโกรธกรุ่นว่า “ไม่ได้... ข้าหิว ข้าเหนื่อย และกำลังโมโห ทั้งหมดล้วนเป็นซานเกอ ที่ทำให้ข้าอยู่ในสภาพเช่นนี้” ชายหนุ่มพยักหน้าตาม และกล่าวเสียงทุ้มๆ “พึ่งรู้ว่า เสี่ยวถิงถิง ยามเกรี้ยวกราด ไม่ใช่แค่ได้สติกลับคืนมา หากยังแปลงร่างเป็นนางมารน้อยเสียด้วย” ดวงตาคมกริบหรี่มองคนงามตรงหน้าเขา ฝ่ายลู่ซินเหว่ยไม่สนใจสิ่งใด กระนั้นนางก็อ่อนเพลียเหลือเกิน จึงบอกเขา “แค่อาบน้ำ... ห้ามมีสิ่งใดเกินเลย ซานเกอทำให้ถิงถิงได้หรือไม่” “ได้ แต่ข้ากลัวจะเป็นเจ้า มากกว่าที่ร้องขอให้ บุรุษผู้นี้ ใช้มือ ใช้ลิ้น และขาที่สามเย้าหยอกเจ้ายามที่เรา เปลือยเปล่าในอ่างไม้ด้วยกัน” เขากล่าวจบจึงอุ้มร่างนางขึ้น และเมื่อเข้าไปใกล้อ่างไม้ ลู่ซินเหว่ยรู้ว่า ไม่มีหญ้าฝรั่งผสมในน้ำอุ่น และไร้ผงขี้เถาอย่างที่นางนึกหวั่นใจ “ตัวเหม็นเช่นนี้ ใครรังแกเจ้าหรือไม่” ซานเกอถาม และอยากให้นางเป็นคนบอก ทั้งที่เขาทราบเรื่องจากเสิ่นฉุน “มะ ไม่ ขะ ข้าหิว เลยค้นหาของกิน” “ชอบกินของสกปรกเช่นนั้นหรือ” ลู่ซินเหว่ยส่ายหน้า ปากเกือบบอกทุกสิ่งอย่างให้เขาฟัง แต่นางก็ไม่อยากแสดงความอ่อนแอนักหรอก “ถิงถิง เพียงแต่ ยะ ยังไม่รู้ความ” นางตอบเสียงเบา “เยี่ยงนั้น อาบน้ำด้วยกันเรียบร้อย ข้าจะป้อนอาหารให้อิ่มดีหรือไม่” ดวงตากลมโตมองเขา และยามนั้นมือใหญ่ๆ จับส่วนเว้าส่วนโค้งของนาง เขาออกแรงบีบก็จริง แต่มิได้กระทำเพื่อให้เกิดความซ่านสยิว มันเป็นการนวด เพื่อให้ลู่ซินเหว่ยผ่อนคลาย อีกทั้งน้ำหอมดอกหญ้าที่เขาผสมลงในน้ำอุ่นชวนให้สมองโล่ง จนนางอยากนอนอยู่ในอ่างน้ำอุ่นนี้ไปนานๆ “ถิงถิงกินจุ” “อย่าได้ห่วง... ข้าไม่ใช่คนตระหนี่ อีกอย่าง... ได้สั่งคนเตรียมของไว้ให้เจ้าพร้อมแล้ว” ไม่รู้เหตุใด คำพูดปลายประโยคของเขา ทำให้ลู่ซินเหว่ยขนลุกซู่ ชายคนนี้ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย อย่างไรนางไม่สมควรไว้ใจเขา จากนั้น หญิงสาวก็เอ่ยกับซานเกอ ด้วยท่าทางของคนสติเลือนหาย “ถิงถิง... กะ กลัว น้ำแกง มะ ไม่กิน ยาลูกกลอนก็ไม่เอา มันจะทำให้ตาย” และปลายประโยคนั้น งอแงอยู่สักหน่อย เพราะนางหวาดกลัวขึ้นมาจริง ๆ นั่นเอง ซึ่งในวังหลวงมีน้ำแกงสลายคันที่ส่งผลร้ายต่อนางกำนัล บางคนไม่อาจมีบุตรได้ชั่วชีวิต โชคร้ายยิ่งกว่านั้น คืออาจพรากลมหายใจไปจากหญิงสาวได้เลย ชายหนุ่มเข้าใจสิ่งที่นางอยากสื่อความหมายทันที “ฮ่าๆ ๆ เสี่ยวถิงถิง... อย่าบอกนะว่า เจ้าอยากอุ้มท้องลูกให้ข้า เรื่องนี้ ไม่คิดว่าตน ฝันหวานเกินไปสักหน่อยหรือ” ดวงตากลมโตถลึงใส่เขา พร้อมแยกเขี้ยวขู่ “เพราะเห็นว่าเจ้า ไม่เหมือนสตรีนางอื่น ข้าจึงไม่มอบน้ำแกง หรือสิ่งใดที่อาจส่งผลร้ายต่อเจ้า กระนั้น เมื่ออาบน้ำเรียบร้อย เด็กน้อยต้องแปะยันต์ที่สะดือเอาไว้รู้หรือไม่!” “ยันต์! อะ อันใด” ลู่ซินเหว่ยร้องเสียงหลง “ก็เพราะ เมื่อคืนก่อน รอบที่สามที่เราร่วมรักกัน ข้าเผลอหลั่งในตัวเจ้าติดกันตั้งสองหน และข้า ก็ไม่อยากให้ผู้อื่น อุ้มท้องสายเลือดข้า” สิ่งที่เขากล่าว ประหนึ่งสายฟ้าฟาดใส่ร่างลู่ซินเหว่ย แรกเริ่มก็ดีใจว่า เขาห่วงกลัวนางได้รับอันตรายจากน้ำแกง และสารพิษจากยาแปลกปลอม ทั้งปรอท สารหนู หากความจริงคือ เขาเห็นนางเป็นเพียงของกำนัลที่มาจากเจ้าเมืองไป๋จู้ ไม่คู่ควรให้กำเนิดบุตรแก่เขา “โอ้ คนเขลา... มิใช่ว่าที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น และเพ้อหนักเช่นนี้ เป็นเพราะเจ้าฝันเฟื่อง ว่าตนจะได้รับเกียรติให้อุ้มท้องลูกของซานเกอ ผู้นี้หรอกนะ” หัวใจของลู่ซินเหว่ยหดเกร็ง ยามนี้ร่างกายนางอ่อนแรงลงกว่าเดิม และมันแทบจะไร้ความรู้สึก ฝ่ายคนตัวโตก็เหมือนสาแก่ใจที่ได้ทำร้ายความรู้สึกลู่ซินเหว่ย เขาถูหลังให้นาง แล้วตามด้วยการนวดผมยาวสลวยเบาๆ “อยู่กับข้า อย่าได้กังวลสิ่งใด หากเป็นเด็กดี ย่อมได้รับการดูแลตามสมควร” “ถิงถิง... อยากให้ นะ นายท่านรัก” ลู่ซินเหว่ยก้าวตรงกันข้ามความรู้สึกตัวเอง แต่นั่นดูเหมือนจะเป็นทางเดียวในยามนี้ ที่จะทำให้นางอยู่บนเกาะเผิงหนานอย่างปลอดภัย “เอ ถิงเอ๋อร์ บอกว่าเราแค่จะอาบน้ำด้วยกันไม่ใช่หรือ...” ดวงตากลมโตมองเขา และริมฝีปากอวบอิ่มเผยอขึ้น ไม่รู้ว่าสิ่งใดเข้าสิงร่างของหญิงสาว อาจเป็นเพราะพิษไข้อ่อนๆ รวมถึงไฟราคะที่พลุ่งขึ้นท่วมร่าง และการอยากเอาชนะอีกฝ่าย ด้วยการครอบครองใจคนชั่วช้า นางจึงเอ่ยไปว่า “ถิงถิง... อยากอาบน้ำจาก ตรงนี้ด้วย” นางว่า แล้วก็เอื้อมมือไปสัมผัสขาที่สามของชายหนุ่มที่ยามนี้ หัวหยักบานใหญ่มันโผล่ออกมาจากฝักแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD