เบลินดาเดินตามอลันออกมาจากลิฟต์ หญิงสาวเลี่ยงการสบตาจากผู้คนที่เดินสวนไปมา พยายามทำตัวเป็นปกติเพื่อไม่ให้คนรอบข้างสงสัยว่าไปทำอะไรมา
“เอ่อคือว่า…” เธอพูดพร้อมเอื้อมมือไปจับแขนของเขาที่เดินอยู่ข้างหน้า ทำให้เขาหยุดเดินแล้วหันกลับมามอง “เดี๋ยวเบย์กลับเองก็ได้ค่ะ”
“ตามใจ”
มาเฟียหนุ่มตอบกลับเสียงเรียบ ก่อนจะตวัดสองเท้าเดินออกไป ทิ้งให้เบลินดายืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว หญิงสาวมองแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มที่หลงรักมาหลายปีจนกระทั่งเขาหายลับสายตาไป
เธอเดินออกมาทางประตูหน้าของโรงแรมด้วยความรู้สึกหลายอย่างที่ประเดประดังเข้ามา แม้เรื่องราวเมื่อคืนจบลง หากแต่ความรู้สึกจากการโดนเขาสัมผัสยังไม่หายไป ยังจดจำได้ทุกอย่างไม่ลืมเลือน
ครืด ครืด~
เสียงโทรศัพท์ช่วยฉุดดึงเธอออกจากภวังค์ความคิดจากเรื่องราวเมื่อคืน เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาดูว่าใครโทรมา พอรู้ว่าเป็นน้องชาย จึงปัดหน้าจอแล้วยกขึ้นแนบใบหู
“ว่าไงไบรท์”
(เมื่อคืนพี่หายไปไหนทั้งคืน ผมไลน์หาก็ไม่ตอบ โทรไปก็ไม่รับอีก) น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากปลายสายทำให้เธอรับรู้ได้เลยว่าน้องชายเป็นห่วงมากแค่ไหน เพราะเมื่อคืนไม่ได้บอกว่าไม่ได้กลับบ้าน
“ได้โทรไปหาพี่มิลไหม?”
(โทร พี่มิลบอกว่าพี่เบย์นอนค้างด้วย แต่ผมไม่เชื่อเพราะพี่ติดต่ออะไรไม่ได้เลย)
“เมื่อคืนพี่ทำงานดึก แถมยังเหนื่อยมากๆ เลยขอพักกับพี่มิล ส่วนเรื่องไม่ได้ตอบไลน์และไม่ได้รับสาย พี่ขอโทษนะ”
(ผมเป็นห่วงพี่แทบแย่ กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น)
“พี่กำลังกลับบ้าน แล้วนี่อยู่ไหน?”
(โรงเรียน ผมทำกับข้าวไว้เผื่อด้วย อย่าลืมกินล่ะ)
“อืม แค่นี้แหละ ไปเรียนได้แล้ว”
พอไบรท์กดวางสาย เธอก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าสะพายดังเดิม ตวัดสองเท้าเดินออกไปจากตรงนี้เพื่อเรียกแท็กซี่กลับบ้าน
แกร๊ก
เธอเปิดประตูห้องนอนออกหลังจากมาถึงบ้าน จากนั้นเดินกะเผลกตรงไปยังเตียงนอน วางกระเป๋าสะพายลงแล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่หลามองเพดานสีขาวตรงหน้า ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนยังคงลอยวนเวียนในหัวตั้งแต่ตอนอยู่โรงแรมไม่หายไปไหน
ทุกอย่างจบ แต่ทว่าทุกอย่างที่อลันกระทำเอาไว้ มันถูกเก็บไว้ในความทรงจำของเธอ…
ไม่เคยคิดว่่าวันหนึ่งจะต้องมาทำเรื่องบนเตียงกับชายหนุ่มที่แอบรักมานานหลายปี อีกทั้งเขายังดูเหมือนช่ำชองมากประสบการณ์อีกต่างหาก ยอมรับว่าไม่กล้าไปเจอหน้าเขาอีก ถ้าหากเขารู้ว่าเธอรักเขา…เขาจะมองเธอเป็นผู้หญิงแบบไหนนะ
ติ้ง…
เสียงข้อความจากไลน์ทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์ความคิด เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ามาเปิดอ่านว่าใครแชตมา
หมั่นโถว : พรุ่งนี้สี่โมงเย็นว่างไหม ไปดูผู้ชายแข่งรถเป็นเพื่อนหน่อยสิ
เบลินดา : ที่ไหน
หมั่นโถว : เดี๋ยวพาไป สรุปพรุ่งนี้แกตกลงไปเป็นเพื่อนฉันใช่ไหม?
เบลินดา : ก็ได้
เธอตอบตกลง ที่ผ่านมาหมั่นโถวช่วยเหลือเธอมามากมาย แต่ไปนั่งดูรถแข่งเป็นเพื่อนเฉยๆ ไม่ได้ลำบากอะไรเธอหรอก หมั่นโถวตอบสติกเกอร์กลับมา พร้อมเสริมอีกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้มารับ
ความจริงตอนนี้สภาพร่างกายเธอไม่ค่อยสู้ดีเท่าไร แถมยังรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวคล้ายกับจะเป็นไข้อีกด้วย
‘เมื่อใดก็ตามที่เงินออกจากบัญชีฉันไปแล้ว…ฉันไม่รับคืนทุกกรณี’
‘แต่นี่มันมาก…’
‘ถ้าเธออยากชดใช้คืน ก็ใช้อย่างอื่นจ่ายแทนเงินสิ’
‘ใช้อะไรจ่ายแทนเหรอคะ?’
‘ร่างกายของเธอไง…’
คำพูดเหล่านั้นของอลันที่ดัังก้องในหัวพานทำให้ใบหน้าเธอร้อนเห่อขึ้นมาอัตโนมัติ ถ้าหากเธอต้องการค*****นที่เขาโอนเกินมาให้ เธอจะต้องจ่ายเป็นอย่างอื่นเท่านั้น
“เขาเป็นคนแบบไหนกันแน่นะ…” เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมกับพึมพำกับตัวเอง ยิ่งได้รู้จักผู้ชายคนนี้ ยิ่งรู้สึกว่าเขาลึกลับและเดาอะไรได้ยากมาก
เบลินดาสะบัดไล่ความคิดในหัวออก ก่อนจะพาร่่างกายบอบช้ำไปยังห้องน้ำเพื่อดูร่องรอยจากการกระทำของอลันเมื่อคืน
“….” เธอมองรอยแดงช้ำบนร่างกาย พลางใช้มือสัมผัส รอยเหล่านี้เป็นฝีมือของอลัน ไม่ว่าจะสัมผัสไปจุดไหนก็รู้สึกเจ็บระบมไปหมด
@ไนต์คลับ
“มานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียวหืมเบย์” เสียงของมิลทำให้เบลินดาที่นั่งกุมขมับอยู่มุมหนึ่งของไนต์คลับเงยหน้าขึ้นมอง
“ปวดหัวนิดหน่อยค่ะพี่มิล”
“กินยารึยัง”
“กินแล้วค่ะ”
“ไปพักก่อนไหม ท่าทางของเบย์ดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรเลยนะ”
“นั่งพักสักแป๊บคงหายแล้วค่ะ” เธอพูดแล้วยิ้มให้คนตรงหน้า เพิ่งทานยาไปก่อนหน้านี้ คิดว่านั่งพักอีกสักแป๊บอาการปวดหัวคงดีขึ้น
“แน่ใจนะ เกิดวูบขึ้นมาตอนทำงานจะทำยังไง”
“เบย์ไหวค่ะ”
“ถ้าไม่ไหวรีบบอกพี่นะเข้าใจไหม”
“ขอบคุณพี่มิลมากๆ นะคะที่เป็นห่วง”
“อืม พี่มีประชุมต่อ ถ้ามีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดเลยนะ”
เธอพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม มองตามพี่มิลที่เดินออกไปจนลับสายตา ก่อนจะหยัดกายขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปทำงานต่อ ทว่าสายตากลับมองเห็นเสี้ยวหน้าคุ้นเคยที่เดินสวนไปอีกทางพร้อมชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งที่หิ้วปีกใครบางคนไปด้วย
“เหมือนพี่อลันเลย…” เธอพึมพำกับตัวเอง ตัดสินใจเดินตามไปดูเพื่อให้หายข้องใจว่าผู้ชายคนนั้นใช่อลันหรือเปล่า
ตุ้บ!
แกร๊ก!
“!!!!” ดวงตาคู่สวยเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ภาพชายคนหนึ่งถูกเหวี่ยงลงแล้วมีปลายกระบอกปืนจ่อใส่หน้า และเจ้าของปืนก็ไม่ใช่ใครที่ไหน…อลัน
“ยะ…อย่าทำอะไรผมเลยนะครับคุณอลัน ผะ…ผมไม่ได้ตั้งใจจะบิดหนี้เลยนะครับ”
“….” นัยน์ตาดำขลับเต็มไปด้วยความเย็นชามองลูกหนี้นิ่งๆ ไม่ได้ขยับเรียวปากตอบโต้อะไรกลับไป ความเงียบของมาเฟียหนุ่มพลอยทำให้ชายที่เป็นลูกหนี้หวาดกลัวหนักขึ้น
“พี่อลัน…” เธอเรียกชื่อเขาเบาๆ แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่าจะได้เห็นอีกมุมของเขา…ทำไมเขาถึงดูน่ากลัวขนาดนี้
หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบทันทีที่อลันพลันมาสบตา เบลินดาเริ่มทำตัวไม่ถูก ตัดสินใจหนีไปจากตรงนี้ทันที แต่ทว่าก้าวเดินได้เพียงไม่กี่ก้าวเสียงปืนก็ได้ดังขึ้น นั่นทำให้หญิงสาวหยุดการเคลื่อนไหวไปโดยอัตโนมัติ สองมือยกขึ้นมาอุดหูตามสัญชาตญาณ
ปัง!
เฮือก! เธอสะดุ้งเฮือก เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าค่อยๆ หันกลับไปมองจุดกำเนิดเสียงปืน ภาพชายคนนั้นนอนแน่นิ่งทำให้ขาทั้งสองของเธออ่อนแรงลงอัตโนมัติ
พี่อลันฆ่าชายคนนั้นด้วยมือของเขาเอง…
สายตามองอลันซึ่งกำลังเดินเข้ามาหาพร้อมกระบอกปืนในมือที่เพิ่งปลิดชีพคนไป ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความเย็นชา เมื่อได้สติกลับคืนมา เธอรีบก้าวเท้าเดินออกไปจากตรงนี้ทันทีโดยไม่รอให้เขาเข้าใกล้
หมับ!
“กรี๊ดดด…!!!” เธอร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ ในตอนกำลังวิ่งหนี แขนเล็กถูกมือใหญ่ของอลันตะปบจับไว้แน่น ก่อนจะถูกเขาจับกระแทกร่างกายใส่ผนังห้องหนาจนรู้สึกเจ็บไปทั่วแผ่นหลัง เสียงร้องดังเล็ดลอดไม่นานก็มีมือหนาของเขาปิดปากเอาไว้
“ถ้าไม่อยากตาย ก็หุบปาก” เธอเหลือบมองปลายกระบอกปืนที่เขาเลื่อนมาจ่อหน้าท้องด้วยความหวาดกลัว
เขาน่ากลัวกว่าที่คิดเอาไว้…
อลันค่อยๆ คลายมือที่ปิดปากเบลินดาออก มองดวงตากลมโตคู่สวยซึ่งเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เหตุการณ์เมื่อกี้คงทำให้เธอขวัญเสียไม่น้อย
“มาทำอะไรตรงนี้”
“แค่ผ่านมาค่ะ…” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“แน่ใจ?”
“นะ…แน่ใจค่ะ” สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เธอต้องเลือกโกหกเขา หากพูดความจริงไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรเธอหรือเปล่า
ยอมรับว่าตอนนี้กลัวเขามาก ทำไมเขาเมื่อก่อนและตอนนี้ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ราวกับนี่ไม่ใช่อลันคนเดิมที่เคยรู้จัก
“ถ้าเธอโกหก จุดจบเธอจะเป็นแบบมัน” เขาพูดแล้วใช้ปลายกระบอกปืนชี้ไปยังร่างไร้วิญญาณของลูกหนี้
“เบย์บังเอิญผ่านมาเห็นจริงๆ นะคะ”
“หึ…ฉันจับพิรุธคนโกหกออก”
“….” เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันพร้อมหลบสายตาไปจากอลัน หลายคนที่บอกว่าเธอไม่เก่งเรื่องโกหกท่าจะจริงเพราะตอนนี้เธอถูกอลันจับได้แล้วว่ากำลังโกหก
“ถ้ารู้ว่าโกหกไม่เนียน คราวหลังก็อย่าโกหก”
“เบย์กลัว…” เธอตัดสินใจพูดความในใจออกมากับเขาตรงๆ “กลัวว่าถ้าพูดความจริง พี่อลันจะทำกับเบย์เหมือนผู้ชายคนนั้น”
“เธออยากมีจุดจบแบบนั้น?”
“มะ…ไม่ค่ะ ไม่อยากมีจุดจบแบบนั้น” เธอรีบปฏิเสธทันควันโดยไม่มองหน้าเขา
ภาพรุ่นพี่หนุ่มในช่วงมัธยมปลายที่เธอเคยหลงรัก บัดนี้กลับกลายเป็นใครก็ไม่รู้ มีเพียงใบหน้าที่ละหม้ายคล้ายกัน หากแต่นิสัยใจคอกลับแตกต่างราวกับคนละคน
นี่ใช่เขาหรืือเปล่านะ…
ทำไมถึงดูไม่เหมือนอลันคนเดิมเลย…
“ทำไมต้องฆ่าเขาด้วยคะ”
“เรื่องของฉัน” มาเฟียหนุ่มตอบกลับด้วยใบหน้านิ่งเรียบ
ท่าทางของอลันทำให้เบลินดาเริ่มคิดแล้วว่า นี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำเรื่องแบบนี้ เพราะสีหน้าและแววตาดูไม่มีความรู้สึกอะไร
“หวังว่าสิ่งที่เธอเห็นวันนี้จะไม่หลุดไปถึงหูใคร ถ้าฉันรู้…เธอตาย” แววตาคมเข้มยามขยับเรียวปากพูดประโยคหลังเต็มไปด้วยความน่ากลัว จนพลอยทำให้เบลินดารู้สึกเสียวสันหลังวาบตาม
เธอไม่สบสายตากับอลัน ยิ่งรู้จักเขามากขึ้นเท่าไรยิ่งรู้สึกว่าเขา…คือบุคคลอันตรายที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว