เกวลินก้มหน้าซ่อนความน้อยใจไว้ เธอยังไม่พร้อมจะแต่งงาน ยังอยากทำงานหาเงิน อยากเที่ยวเฮฮาไปกับเพื่อน ไม่ใช่ต้องมาผูกชีวิตอยู่กับผู้ชายที่ผู้ใหญ่จัดหาให้
ถึงแม้เตวิชญ์จะดูดี ไม่มีสิ่งใดน่ารังเกียจก็ตาม เธอก็ควรมีสิทธิ์เสนอความคิดสิ แต่หญิงสาวก็ทำได้แค่เพียงคิดเท่านั้น ในเมื่อทุกอย่างขึ้นอยู่กับกาญจนา ไม่ใช่เธอ!
“ดีจ้ะ”
เมื่อเห็นเกวลินหน้าม่อยลง เตวิชญ์จึงเอ่ยขึ้นน้ำเสียงอ่อนโยน “น้องเกลไม่ต้องกังวลหรอกนะ ยังไงเราก็มีเวลาศึกษาเรียนรู้กันไปอีกนาน กว่าจะถึงวันแต่ง”
“เอ่อ...ค่ะ” เกวลินพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้
“ถ้าอย่างงั้น เดี๋ยวฉันจะไปปรึกษาพระอาจารย์ที่วัด หาฤกษ์มงคลให้สองคนนี้เลยนะ” สาครหันไปคุยกับเพื่อนรัก สุพจน์ก็พยักหน้ารับเห็นดีเห็นงามด้วย
“และนี่เจ้าฤทธิ์หายไปไหน ไม่เห็นแต่เช้า” สาครหันไปถามลูกชายคนเล็ก เมื่อคืนก็บอกไปแล้ว ว่าวันนี้จะมีแขก ให้มากินข้าวเย็นร่วมกัน
“ไม่ต้องถามหาหรอกครับรายนั้น ถ้าหายไปทั้งวันแบบนี้ไม่ไปไหนหรอก นอกจากอยู่กับพวกสาวๆ”
“สาวไหนวะ?”
“ก็สาวโคไง” เสียงหัวเราะของเตวิชญ์ ทำให้ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียวกัน ด้วยความสงสัย
“ใครคะ?” กาญจนาถามขึ้นด้วยความอยากรู้
“เจ้าฤทธิ์ ลูกชายคนโตของผมเอง”
“อ๋อ...พวกเรามาที่นี่หลายครั้ง ยังไม่เคยเจอกันเลยนะคะ มาคราวก่อนก็เจอแต่คุณวิชญ์”
“ตอนนั้นลูกชายคนโตผมยังเรียนสัตวแพทย์อยู่ที่ต่างประเทศครับคุณแก้ว ก็เลยยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตากัน”
“ลูกชายคุณสาครมีแต่คนเก่งๆ แบบนี้นี่เอง มิน่าแสงสุขฟาร์มถึงขยายใหญ่ โตวันโตคืน”
“ครับ...นั่นไง พูดถึงก็มาพอดี มาๆ กินข้าวด้วยกัน...อ้าวหนูนารินทร์ก็มาด้วยเหรอ เชิญๆ”
สายตาทุกคู่หันไปมองคู่หนุ่มสาวที่กำลังเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะอาหาร ยกเว้นเกวลินที่มัวแต่คิดเรื่องของตัวเองจนไม่มีกะจิตกะใจจะฟัง หรือสนใจใคร
“สวัสดีค่ะนายสาคร สวัสดีค่ะ” นารินทร์ สาวหมวย ผิวขาว ตัวเล็ก แต่เป็นคนรู้จักแต่งตัว จึงทำให้ดูสวยสมส่วน เซลล์สาวของบริษัทคู่ค้า มาติดต่องานที่แสงสุขฟาร์มเป็นประจำ จึงค่อนข้างสนิทกับครอบครัวนี้
“สวัสดีครับ” เสียงทุ้มกังวาน เรียกให้แขกผู้ใหญ่ต่างหันไปมองอย่างสนใจ
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผิวเข้มต่างจากเตวิชญ์ แต่ใบหน้าคมกลับดูมีเค้าโครงหน้าคล้ายสาคร นอกจากคุณลักษณะที่เป็นถึงนายสัตวแพทย์คนเก่งแล้ว ชายหนุ่มยังหล่อคมเข้ม ดูดี เสียแต่ดวงตาดุดัน น่ากลัวไปหน่อย
“สวัสดีหลานชาย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
เมื่อครั้งเป็นหนุ่มโสด สุพจน์เคยมาเที่ยวแวะหา เพื่อนรักอย่างสาคร ตอนนั้นนริสยังเป็นเด็กชายตัวน้อย แต่ตอนนี้แทบไม่เหลือเค้าคนเดิม เป็นผู้ใหญ่ขึ้นทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ ดูเข้มแข็ง ฉายแววผู้นำออกมาเด่นชัด
“สวัสดีครับคุณอา” ใบหน้าคมเปิดยิ้มเล็กน้อย เมื่อจำชายสูงวัยตรงหน้าได้
“สวัสดีครับคุณนา...เฮียมานี่เลย” เตวิชญ์เอ่ยทัก สาวสวย ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินเข้าไปกอดคอพี่ชาย ดันตัวอีกฝ่ายให้นั่งลง แล้วหันไปเลื่อนเก้าอี้ให้สาวสวยนั่งลงข้างกัน
“ผมมีคนอยากแนะนำให้เฮียรู้จัก”
“ใคร?”
เตวิชญ์ไม่ตอบ แต่กลับเดินอ้อมไปหยุดหลังเก้าอี้ที่เกวลินนั่ง หญิงสาวมัวแต่ห่อเหี่ยวใจ จนไม่มีอารมณ์จะเสวนากับใคร เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตา ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อคู่หมั้นหนุ่มวางมือตรงพนักเก้าอี้
“ว่าที่เจ้าสาวของผม...คุณเกวลิน”
เกวลินเงยหน้าขึ้นมองคู่หมั้นหนุ่ม ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับคนที่นั่งตรงข้าม แล้วดวงตากลมโตก็ต้องเบิกกว้าง รอยยิ้มชะงักค้าง สีหน้าช็อคราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ
“นาย!!”
“น้องเกล รู้จักเฮียด้วยเหรอ” เตวิชญ์ก้มลงมองคู่หมั้นสาวด้วยความแปลกใจ เมื่อได้ยินเสียงร้องอุทานดังเข้าหู
“ปะ...เปล่าค่ะ” ใบหน้าหญิงสาวซีดเผือด รีบปฏิเสธปากคอสั่น และก้มหน้าหลบตา นายยักษ์ ต้องใช่แน่ๆ เธอจำได้แม่น ไม่มีวันลืมเด็ดขาด
“หรือว่า...น้องเกลเคยเจอเฮียมาก่อน”
“มะ...ไม่ค่ะ ไม่เคยเจอ” เกวลินพยามดึงผมด้านข้างมาปิดบังใบหน้าไว้ บอกตามตรงว่าช็อค จนแทบจะหัวใจวายตาย
“งั้นพี่ขอแนะนำให้รู้จักนะครับนี่พี่ฤทธิ์ นายสัตวแพทย์นริส แสงสุข เจ้าของฟาร์มโคนม”
ทีแรกนริสไม่คิดจะสนใจคู่หมั้นของน้องชาย ก็แค่การคลุมถุงชน ที่เขาเกือบจะตกเป็นเหยื่อแล้ว หากเตวิชญ์ไม่ยอมหมั้นหมายแทน คนที่ต้องเรียกว่าคู่หมั้น คงเป็นเขาแบบไม่ต้องสงสัย แต่บอกได้เลยว่าไม่มีทางทำหน้าระรื่นเหมือนไอ้น้องชายเขาแน่
นริสเพ่งมองหญิงสาวที่นั่งตรงข้าม แต่เห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้าง และยังมีผมยาวสลวยมาปิดไว้จนมองแทบไม่ออกว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
มุมปากยกยิ้ม ในใจคิดดูถูก คงขี้เหร่จนหาผัวไม่ได้ล่ะสิ ถึงต้องยืมมือผู้ใหญ่มายัดเยียดให้ผู้ชายถึงที่
แล้วเขาก็ต้องชะงัก นั่งนิ่งแข็งค้างเป็นหุ่น ร่างกายพลันเย็นเฉียบ เมื่อหญิงสาวตรงหน้าช้อนตาขึ้นมามอง แค่เพียงแว๊บเดียวก็จำได้ ดวงตากลมโตคู่นี้ เขาจำได้แม่น สายตากวาดมองหญิงสาวอีกครั้งอย่างรวดเร็ว หุ่นแบบนี้ ใช่แน่ๆ
ที่เขามองไม่ออกตั้งแต่แรก เพราะเธอดูเปลี่ยนไปจนเกือบจำไม่ได้ วันนั้นเกวลินแต่งหน้าสวยเฉี่ยว แต่กลับใส่แว่นสายตาอันใหญ่บดบังไว้ครึ่งหน้า ทั้งแปลกและดูไม่เข้ากัน แต่มันกลับทำให้เขาจดจำหญิงสาวได้เป็นอย่างดี
“เฮีย...เฮีย...พี่ฤทธิ์!” เตวิชญ์เรียกพี่ชายซ้ำหลายครั้ง เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่จ้องหน้าว่าที่เจ้าสาวเขานิ่ง แทบไม่กระพริบตา
“หือ? แกว่าไงนะ”
“เปล่า เห็นจ้องหน้าน้องเกลตั้งนาน...เป็นไงครับเจ้าสาวของผม สวยตะลึงเลยเหรอ”
“แกว่าไงนะ!!” นริสถามเสียงดังด้วยความลืมตัว ทุกคนบนโต๊ะต่างหันมามองเขาเป็นตาเดียวกัน
“คุณฤทธิ์คะ มีอะไรหรือเปล่า” นารินทร์เอ่ยถามขึ้นเมื่อได้ยินน้ำเสียงตื่นตกใจของนริส น้อยครั้งมากที่จะได้เห็นอาการเสียศูนย์ของเขา
นริสไม่ตอบ เอาแต่จ้องหน้าหญิงสาวที่นั่งตรงข้าม ดวงตาดุดัน ไม่ใช่อาการของคนที่เพิ่งรู้จักกัน นารินทร์จึงหันไปมองอย่างสนใจใคร่รู้
“คุณฤทธิ์รู้จักกับคุณเกวลินเหรอคะ” เธอเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย
“เปล่าครับ”