อาหารระดับภัตตาคารห้าดาวในโรงแรมถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะด้วยการจัดจานที่น่ารับประทาน
“อาหารที่ปั้นชอบทั้งนั้นเลย เคทสั่งไว้ให้” คัทลียาบอกเขาอย่างกระตือรือร้น แล้วตักอาหารใส่จานให้แก่เขา
ไม่รู้บังเอิญหรือเปล่า แต่อาหารกลางวันที่กินกับภรรยาก่อนจะมาที่นี่ก็เป็นเมนูเดียวกันกับที่คัทลียาสั่งมา หรือว่าสิริญญาตั้งใจให้แม่ครัวทำอาหารที่เขาชอบอย่างนั้นหรือ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ลูกครึ่งสาวสวยถามด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจ เมื่อเขาเอาแต่จ้องมองอาหารตรงหน้า
“เปล่าครับ แค่รู้สึกว่าน่ากินดี”
ปัญวิชญ์ลงมือตักอาหารขึ้นมาชิม ไม่รู้เป็นเพราะกินข้าวมาก่อนหน้านี้หรือว่าเป็นเพราะอาหารเมนูซ้ำกัน เขาไม่รู้สึกเลยว่าอาหารระดับภัตตาคารในโรงแรมจะอร่อยสู้ฝีมือแม่ครัวที่บ้านได้
“ไม่อร่อยเหรอคะ”
“อร่อยครับ แต่ผมกินมาก่อนนี้แล้วน่ะ เลยยังไม่หิวเท่าไร แต่ก็พอกินได้” เขาพูดตามตรง จากนั้นก็ตักอาหารเข้าปากอีกไม่กี่คำ พร้อมกับเปรียบเทียบรสชาติไปด้วย
“หรือเป็นเพราะเคทพูดถึงเด็กคนนั้นเหรอคะ” คัทลียาถามเขาเสียงเบาด้วยความรู้สึกผิด
“ไม่หรอกเคท คุณไม่ต้องรู้สึกผิดเลยนะ เดี๋ยวอีกไม่นานเรื่องนี้ก็จะจบลงแล้วล่ะ เรากินข้าวกันเถอะ” เขาตักอาหารให้เธอบ้าง ทำให้หญิงสาวยิ้มออก
สถานะในตอนนี้แม้จะเป็นแค่เพื่อนที่หวังดีกัน แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะเปิดโอกาสให้ใครเข้ามาในหัวใจ ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าเธอก็จะรอให้เขาหย่าแล้วจึงจะสารภาพรักกับเขา มั่นใจว่าหากเป็นเธอ เขาจะไม่มีวันปฏิเสธรักแน่
คัทลียาไม่พูดถึงภรรยาของเขาอีก แค่เธอแอบรักเขาและใช้สถานะความเป็นเพื่อนในการเรียกเขาให้มาหาในวันหยุด ก็เหมือนกับเธอก้าวขาเข้าไปเป็นชู้หนึ่งก้าวแล้ว แม้รู้ว่าไม่ควรทำแต่ก็อดความคิดถึงไว้ไม่ไหว
ไม่อยากคิดเลยว่าหากปัญวิชญ์อยู่กับภรรยาของเขาแล้ว วันหนึ่งความผูกพันทำให้ทั้งคู่รักกันขึ้นมา คนที่จะเจ็บปวดจะไม่ใช่คนรออย่างเธอหรือ แต่ก็ได้แต่ภาวนาไม่ให้เป็นเช่นนั้น
ปัญวิชญ์กินอาหารตรงหน้าไป นึกย้อนไปถึงทุกอย่างในช่วงที่เขากลับมาจากต่างประเทศ สิริญญาทำดีกับเขาตลอด มีแต่เขาเองที่ตั้งแง่รังเกียจเธอจนไม่มองความดีที่เธอพยายาม
ทุกอย่างเขาไม่อยากโทษว่าเป็นความผิดของหญิงสาว รู้ว่าตนเป็นหนี้บุญคุณบิดาของเธอ และคุณปู่ของเขาเองก็ต้องทำตามคำสัญญา แต่การบังคับจิตใจให้ต้องแต่งงานและมีทายาทเพื่อที่จะให้ได้รับมรดกเต็มจำนวน มันทำให้เขารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
************************
หลังจากครบกำหนดที่ธีรดลจะต้องเดินทางกลับไปทำงานที่ภาคใต้ เขาโทรนัดสิริญญาตามที่เธอบอกเอาไว้เพื่อรับประทานอาหารด้วยกัน แต่ชินวุฒิไม่ว่าง และอรชุมาก็ยังอยู่ที่ภูเก็ต ทำให้ทั้งคู่ต้องมานั่งรับประทานอาหารกันตามลำพัง
เมื่อสิริญญามาถึง ธีรดลก็เผยรอยยิ้มออกมาแล้วยื่นเมนูอาหารให้เธอเป็นคนเลือก
“พี่ดลมาถึงนานหรือยังคะ” หญิงสาวนั่งลงแล้วรับเมนูมาอ่านไปด้วย
“พี่มาถึงได้ไม่นานนี้ก็เลยรอให้เอื้องเป็นคนมาสั่งอาหารเองน่ะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและอบอุ่นเหมือนดังเดิม
“พี่ดลก็รู้นี่คะว่าเอื้องชอบอะไรหรือว่าลืมไปแล้ว” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่เง้างอนแบบทีเล่นทีจริง แต่ก่อนเวลาไปร้านอาหารเขาจะเป็นคนสั่งอาหารด้วยตนเอง ไม่ใช่แค่อาหารที่เธอชอบ แต่อาหารที่คนอื่นชอบเขาก็รู้
ธีรดลเป็นคนที่ใส่ใจคนรอบข้างอยู่เสมอ เป็นพี่ชายที่แสนอบอุ่นของเธอไม่เคยเปลี่ยนแปลง
“ก็มันนานมาแล้ว พี่เลยไม่รู้ว่าเอื้องยังจะชอบอะไรเดิม ๆ อยู่ไหม”
“ก็จริงนะคะ เมื่อก่อนเอื้องชอบต้มยำน้ำข้น มาก แต่ตอนนี้รู้สึกเลยว่าตัวเองไม่ชอบแล้ว ชอบต้มยำน้ำใสมากกว่า” หญิงสาวพูดคล้อยตาม แล้วก็เลือกดูเมนูอาหาร ก่อนที่จะเลือกเมนูที่ตนชอบมาสองอย่างจากนั้นก็ยื่นให้เขาเลือกบ้าง
ธีรดลเลือกเพิ่มอีกสองอย่างเป็นเมนูที่เธอชอบสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัย ทำให้สิริญญาเผยรอยยิ้มออกมา
“นั่นไงสั่งเมนูที่เอื้องชอบอีกแล้ว”
“เอื้องชอบได้คนเดียวเหรอครับ พี่ก็ชอบเหมือนกัน” เขาพูดแล้วก็ยิ้มมองใบหน้าที่สดใสของเธอ เห็นเธอยิ้มได้และมีความสุขเท่านี้เขาก็รู้สึกอิ่มเอมหัวใจแล้ว
ในขณะที่อาหารทยอยนำเข้ามาวางเรียงอยู่บนโต๊ะ โทรศัพท์ของสิริญญาก็ดังขึ้น เป็นสายจากคนที่บ้านโทรมาหาเธอ
“สวัสดีค่ะ”
“นี่พี่แต๋วเองนะคะ”
“ค่ะ พี่แต๋ว มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกกังวลใจเล็กน้อย ปกติไม่เคยมีใครโทรตามเธอ หากไม่มีเรื่องอะไรสำคัญ
“คุณปั้นลืมเอกสารสำคัญเอาไว้ในห้องน่ะค่ะ เธอต้องการให้คุณเอื้องนำไปส่งที่บริษัทตอนนี้เลย”
“งั้นพี่แต๋วให้คนเอาเอกสารมาให้เอื้องที่ร้านอาหารนะคะ เดี๋ยวเอื้องจะส่งพิกัดให้” หญิงสาวแก้ปัญหาสถานการณ์ ในระหว่างที่คนนำเอาเอกสารมาส่งเธอก็จะได้รับประทานอาหารรอไปด้วย ดีกว่าที่เธอผิดนัดกับธีรดลเพื่อกลับไปเอาเอกสารให้ยุ่งยาก
“ได้ค่ะคุณเอื้อง” พี่แต๋วรับทราบตามคำสั่งจากนั้นจึงวางสายไป
“ถ้ามีธุระเอื้องกลับไปก่อนก็ได้นะ” ธีรดลที่ฟังสถานการณ์อยู่พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงจะมีธุระอะไรบางอย่าง
“สามีของเอื้อง เขาลืมเอกสารไว้ที่บ้านน่ะค่ะอยากให้เอื้องเอาไปส่งให้ แต่ไม่เป็นไรค่ะเอื้องให้คนเอามาให้ที่นี่แล้ว”
“คงอยากเจอหน้าภรรยาล่ะสิถึงได้ให้เอื้องเอาไปส่งด้วยตัวเอง” เขาพูดหยอกเย้าไปอย่างนั้น แต่ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดไม้น้อย
สิริญญาก้มหน้าลง แววตาและสีหน้านั้นบ่งบอกถึงความรู้สึกที่มีต่อสามีของตน แต่ไฟในอย่านำออกไฟนอกอย่านำเข้า เธอจึงไม่ได้เล่าถึงเรื่องความลำบากใจนี้ออกมา แต่มีหรือว่าสีหน้าของเธอจะรอดพ้นสายตาช่างสังเกตของเขา แต่ในเมื่อเธอไม่เล่าเขาก็ไม่ควรถามเรื่องส่วนตัวของเธอ
“เรามากินอาหารกันดีกว่าเดี๋ยวมันจะเย็นเสียหมด” เขาพูดแล้วตักอาหารใส่จานให้เธอพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น
สิริญญาเผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง เขาตามใจเธอเสมอดูแลเธอดีแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว หากปัญวิชญ์ได้ครึ่งหนึ่งของเขา ทำดีกับเธอบ้าง หญิงสาวก็อดคิดไม่ได้ว่า เธออาจจะตกหลุมรักสามีเย็นชาของตนเองเข้าสักวัน ก่อนที่จะคิดอะไรเลยเถิดก็รีบสลัดความคิดบ้า ๆ นี้ออกไป
“เอื้อง หากมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ เอื้องบอกพี่ได้เสมอนะ พี่ยินดีรับฟังทุกเรื่อง ทุกเรื่องจริง ๆ”
“ขอบคุณพี่ดลมากนะคะ” หญิงสาวได้แต่ตอบรับ เธอรู้ว่าอย่างไรพี่ชายที่แสนดีคนนี้ก็ยังคงคอยห่วงใยเธออยู่เสมอ
ธีรดลได้แต่แสดงความห่วงใยในฐานะพี่ชายที่แสนดี เขาไม่อยากให้เธอรับรู้ความรู้สึกและลำบากใจหากรู้ว่าจริง ๆ แล้วเขาคิดกับเธอไปเกินกว่ารุ่นน้องคนหนึ่ง
************************