บทที่ 2 สตรีโง่

1467 Words
มู่โจวมองดูศพของหญิงสาวด้วยความสังเวชใจ ในข้อมือข้างที่จับแขนเขามีประคำข้อมือติดอยู่ ชายหนุ่มสะดุดตากับลวดลายที่ปรากฎบนลูกประคำนั้น เขาก้มลงมองใกล้ๆ ‘ดูไปแล้วคุ้นตานัก แต่น่าเสียดายที่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ใด?’ เขารู้สึกใจเต้นตึกตักเมื่อมองดูลูกประคำนั้นใกล้ๆ จึงตัดสินใจรูดมันออกจากข้อมือของกู้เยว่ฉีเก็บเอาไว้ในอกเสื้อ คิดจะนำมันไปตรวจสอบที่มาให้ชัดเจน จากนั้นก็สั่งให้คนไปหาโลงศพราคาถูกมาใส่ร่างของนางและขุดหลุมเตรียมไว้ “สตรีโง่ที่คิดว่าตนเองอยู่เหนือคนทั้งปวงอย่างเจ้า สุดท้ายก็สิ้นชีพเพราะความหลงตนเอง หากเจ้าไม่ชิงตายไปก่อน ข้าก็คงจะล้วงความลับในจวน อ๋องหลิงได้แล้ว แต่ก็ช่างมันเถอะ จุดจบของเจ้าก็ต้องเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว กู้เยว่ฉีข้าหวังว่าชาติหน้าของเจ้าจะดีกว่าชาตินี้” ชายหนุ่มถอยหลังไปสองสามก้าว ยืนมองดูทหารตอกฝาโลงแล้วฝังกลบสตรีที่ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็น “บุปผางามแห่งเมืองหรงเฉิน” ด้วยสายตาว่างเปล่า เขากับนางมิได้เกี่ยวข้องกัน สำหรับเขาสตรีที่คุ้นหน้า ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เขาลอบจับตามองนางอยู่เงียบๆ มู่โจวนั่งยองๆ ลงป้ายหลุมศพไร้นาม ปักธูปเสร็จ ก็เริ่มเผากระดาษเงินกระดาษทอง “กู้เยว่ฉี เรื่องของเจ้า ข้ารู้แจ้งแก่ใจหากดูเผินๆ เจ้าดูเป็นผู้ถูกกระทำ แต่แท้จริงแล้ว เรื่องทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะเจ้าและบิดา ป้ายศพนี้ขออภัยที่ข้าไม่ได้เขียนชื่อแซ่ของเจ้า เจ้าคงรู้ดี ศัตรูของเจ้ามีมากมาย หากว่ามีผู้มาเห็นเข้าก็คงจะขุดหลุมเอาศพเจ้าออกมาสับเป็นหมื่นๆ ชิ้น” ทหารที่ยืนอยู่รายรอบถือคบเพลิงทำให้รอบข้างสว่างไสว พอมู่โจวเผา กระดาษเงินกระดาษทองจนหมดก็ลุกขึ้นยืน พลันลมรอบข้างก็พัดแรงขึ้น ท้องฟ้าเริ่มมืดมิด “สงสัยฝนจะตกขอรับหัวหน้ามู่” “ถ้าอย่างนั้น พวกเรารีบไปกันเถอะ” มู่โจวร้องสั่ง ทว่ายังไม่ทันพูดประโยคต่อไป เสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นสามคราติดๆ กัน ทหารทั้งหมดปวดหูจนต้องปล่อยคบเพลิงให้กลิ้งลงพื้น ยกมือขึ้นอุดหู เปรี้ยง! ฟ้าผ่าลงมาอีกครั้ง และแล้วสิ่งรอบข้างทั้งหมดก็พลันดับมืด กู้เยว่ฉีสะดุ้ง นางลุกขึ้นนั่ง เหงื่อกาฬแตกออกมาทั่วร่าง ดวงตาเบิกโพลง น้ำตาไหลเป็นทาง นางรู้สึกถึงแผ่นหลังอันเปียกชื้น กวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความตื่นกลัว ‘เรื่องน่ากลัวพวกนั้น เป็นแค่ฝันอย่างนั้นหรือ? ดียิ่งนัก ดีที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ หากต้องประสบภัยพิบัติเช่นเดียวกับ’ นางมองไปรอบๆ บนเตียงไม้กลางเก่ากลางใหม่ที่นางนอนอยู่มีฟูกบางปู หมอนที่ผ่านการใช้งานมายาวนาน และผ้าห่มที่ไม่หนานัก “เจ้าตื่นแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง?” นักบวชหญิงที่ถือถ้วยน้ำชาเข้ามา นางยื่นให้กับกู้เยว่ฉี “ดื่มน้ำเสียก่อนเถิด คงกระหายแย่” กู้เยว่ฉีรู้สึกเหมือนคอแห้งราวเดินฝ่าทะเลทราย นางรับไปดื่มจนหมดถ้วย “ข้า ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” สตรีวัยกลางคนเลิกคิ้ว “เจ้าจำไม่ได้หรือ? ข้าเห็นเจ้าวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในตรอก เป็นลมอยู่ตรงหน้า ข้าก็เลยต้องแบกร่างเจ้ามานอนในเรือนพัก” หญิงสาวทบทวนความจำอยู่ครู่หนึ่ง “ข้านึกออกแล้ว ก่อนหน้านี้มีรถม้าเตลิดเข้ามาในตลาด ชนผู้คนล้มระเนระนาด ข้ากับสาวใช้วิ่งหนีกระเจิงไปคนละทาง ข้าวิ่งหนีเข้าตรอก จู่ๆ ก็เกิดหน้ามืด” “ข้าเป็นคนช่วยเจ้าเอาไว้” กู้เยว่ฉีรีบลงไปยืนข้างเตียง “ขอบคุณท่านนักบวช” “มิเป็นไร” นักบวชหญิงยิ้มน้อยๆ “ข้าไม่รู้ว่าจะไปส่งเจ้าที่ใด คุณหนูสกุลกู้มองไปข้างนอก “ฟ้าใกล้มืดแล้ว ข้าคงต้องขอตัวกลับก่อน” หญิงสาวรู้สึกว่าที่ข้อมือนางมีบางอย่างถ่วงอยู่ พอยกขึ้นดูก็พบสร้อยข้อมือลูกประคำที่มีลวดลายแปลกตา “สิ่งนี้เป็นของท่านใช่หรือไม่?” “ใช่ ข้าเห็นเจ้าสิ้นสติไปนาน ไม่ฟื้นเสียทีก็เลยสวมให้ นี่คือประคำปลอบวิญญาณ” “ข้าสิ้นสติไปนาน ท่านหมายความว่าอย่างไร?” “เจ้านอนไปสองวันหนึ่งคืน ข้าไม่กล้าทิ้งเจ้าจึงต้องนั่งเฝ้าอยู่ที่นี่ ได้แต่ว่าจ้างให้พวกขอทานข้างนอกไปหาซื้ออาหารมาให้” “ไอหยา! ข้านอนไปสองวันหนึ่งคืนแล้วหรือ? ป่านนี้คนที่จวนคงจะตามหาข้ากันแย่แล้ว” “บ้านหลังนี้ อยู่ลึกเข้ามาหลังจวนของคหบดีลู่ คงไม่มีผู้เข้ามาค้น ข้าเห็นว่าเจ้านอนหลับไปนาน เมื่อตอนบ่ายก็เลยให้ขอทานอีกผู้หนึ่งไปแจ้งกับทางการแล้ว อีกไม่นานคงมีมือปราบเข้ามาที่นี่” “ขอบคุณท่านมากที่คิดแทนข้า” หญิงสาวทำท่าจะรูดเอาสร้อยข้อมือเส้นนั้นคืนกลับให้นักบวชหญิง “ไม่ต้องคืนข้าหรอก เจ้าจำเป็นต้องใช้มัน” จิตใจของกู้เยว่ฉีกังวลถึงบิดา ฝันยาวนานสองวันหนึ่งคืนนั้นจริงจนนางรู้สึกเหมือนน้ำตากำลังจะไหลออกมาอีกครั้ง แต่พอขยับตัว ช่วงท้องและแผ่นหลังของนางก็เจ็บแปลบคล้ายกับเพิ่งถูกแทง อาการอย่างเดียวกับในฝันอันแสนทรมาน “โอ๊ย!” กู้เยว่ฉีร้องออกมา “เจ้าเป็นอันใดไป?” “ข้า ข้าเจ็บที่ท้องและที่หลังเหมือนเพิ่งถูกแทงมาเลย” นางพยายามหย่อนขาลงจากเตียง พลันก็รู้สึกว่าหน้าขาของตนเจ็บมากราวกับถูกธนูปักเข้าจนทะลุ นางสุดจะทานทนไหว ร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวดราวกับสัตว์ป่าถูกอาวุธ หญิงสาวงอตัวและหดขาขึ้นไปบนเตียง “ข้า เจ็บ มาก เจ็บเหมือนในฝัน” นางร้องออกมาทั้งน้ำตา ใบหน้าของนักบวชหญิงคล้ายตกใจอย่างมาก รีบคว้าเอาผ้าห่มผืนบางมาห่อตัวหญิงสาวเอาไว้ “ฝันนั้นคงจะน่ากลัวมากเลยทีเดียว” กู้เยว่ฉีพยักหน้ารับ “ใช่ เลวร้ายมากเลยทีเดียว ในฝันนั้น ชีวิตของข้าราวตกอยู่ในขุมนรก กระทั่งตอนสุดท้ายที่ต้องตายเพราะลูกธนูและคมกระบี่ของศัตรู” เสียงร้องตะโกนดังอยู่หน้าประตูบ้าน นักบวชหญิงรีบเดินออกไปดู นางแง้มประตูเล็กน้อย พอเห็นว่าผู้มาเยือนคือขอทานน้อยและมือปราบ นางจึงได้เปิดประตูออกต้อนรับ “นางอยู่ข้างใน พวกท่านรีบไปดูเถิด ข้าเพิ่งจะฟื้น ข้ายังไม่ได้สอบถามชื่อแซ่ของนางเลย” พอมือปราบทั้งสองตามนักบวชหญิงเข้าไปในห้อง มองเห็นแม่นางที่นอนอยู่บนเตียงก็พากันยิ้มกว้างดีใจ “คุณหนูกู้ ท่านอยู่ที่นี่เอง พวกเราตามหาท่านตั้งสองวันแล้วนะขอรับ” “ท่านนี้เอง คุณหนูกู้ที่หายตัวไป ไม่คิดเลยว่าเป็นสตรีที่ท่านนักบวชช่วยมา” ขอทานน้อยเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น “แบบนี้ข้าจะได้ข้าติดตามหรือไม่ขอรับ?” มือปราบพยักหน้า “ได้สิ ถือว่าเจ้ากับนักบวชหญิงเป็นผู้พบคุณหนูกู้” นักบวชหญิงยิ้มกว้าง “ยกรางวัลให้กับขอทานน้อยผู้นี้ไปเถิด ข้าไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน” ขอทานน้อยอายุราวสิบสองปีโห่ร้องขึ้น มือปราบผู้หนึ่งรีบออกไปแจ้งให้กับคนสกุลกู้ได้ทราบ ไม่นานนักรถม้าคันใหญ่ก็วิ่งเข้ามาตรอกเพื่อรับตัวกู้เยว่ฉี สาวใช้สองคนหน้าตาตื่นเข้ามารับคุณหนูของตน สีหน้าของพวกนางดูหวาดกลัว “คุณหนูเจ้าคะ ไม่บาดเจ็บใช่หรือไม่?” กู้เยว่ฉีมัวแต่พะวงกับอาการปวดของตน สีหน้าของนางดูบึ้งตึงจนสาวใช้ทั้งสองหวาดผวา พวกนางไม่กล้าถามซ้ำได้แต่เข้าไปประคองเจ้านายของตนไปขึ้นรถม้า กู้เยว่ฉีหันมาหานักบวชหญิง “ท่านลู่ ข้าจะจดจำพระคุณเอาไว้ ชาตินี้ต้องตอบแทนคุณท่านให้จงได้” นักบวชหญิงยิ้มบางๆ “คุณหนูกู้ ขอเพียงเจ้าใช้ชีวิตให้ดีกว่าที่เจ้าฝันเห็นก็พอแล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะมีชีวิตที่สุขสงบอย่างที่เจ้าปรารถนา” *********************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD