ณ ปริปัจน์การบิน
"เข้าไปสิ!" เป็นคำพูดของบอดี้การ์ดคนเดิม พวกดาราสาวทำเขาเสียเวลามามาก หลอกให้รอเธอแต่งหน้าแต่งตัวเกือบสองชั่วโมง ช่างยุ่งยากเสียจริงกว่าจะยอมมาด้วย
"ถ้าพวกนายเล่นตุกติกนะฉันทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยคอยดู ช่างไม่รู้จักนางเอกเบอร์หนึ่งซะแล้ว" ลูกปัดพูด จับมือสุกี้เตรียมเดินเข้าประตู บรรยากาศภายในตึกค่อนข้างเงียบสงบ และยังมีป้ายระบุตำแหน่งด้านนอกว่า ผู้ดำรงตำแหน่งประธาน
"เดี๋ยว! เข้าไปแค่คนเดียว" ชายชุดดำอีกคนบอก ยื่นมือยกขวางทางด้านผู้จัดการส่วนตัว ทำให้เขารีบผงะถอยร่นไปข้างหลัง
"เรื่องมากจังล่ะ พี่กี้สำคัญกับฉันนะ จะมาทำแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด!" เธอยังยื่นมือไปดึงสุกี้
"หรือจะให้เหลือคนเดียวตอนนี้" ฟินิกซ์พูดขึ้น คำพูดของเขามันสื่อความหมายเป็นอย่างอื่น คล้ายกระตุ้นความกลัวแก่ชายร่างใหญ่จิตใจบอบบาง
"ไปๆ เดี๋ยวพี่นั่งรอเราตรงข้างนอกก็ได้ สู้ๆ นะลูกปัด" ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีทางเลือกแล้ว คิดจะเดินเข้าถ้ำเสือถ้าไม่ไหลตามน้ำคงรอดยาก
"ฝากไว้ก่อนเถอะ พวกนายจะใหญ่ขนาดไหนเชียว!" น้ำเสียงใสพูดไร้ความกลัว ก่อนยกกระแทกรองเท้าส้นสูงเข้าภายในห้อง ซึ่งเงียบสงบและเน้นโทนสีเข้ม ดูลึกลับกว่าด้านนอกเสียอีก
"คุณจะเรียกค่าเสียหายอะไรมิทราบ!" เธอโวยวายทันที ยามเข้ามาพบกับคนต้นเหตุของเรื่องเมื่อคืน แม้รู้ทั้งรู้ว่าเขาอยากเรียกค่าเสียหายจากบรรดาแฟนคลับ ที่ทำลายข้าวของพังด้วย
"มีปัญญาก็จ่ายมาสองล้านสิ" ไลเกอร์ผู้บริหารหนุ่มพ่วงดีกรีนักบินไฟแรง วางปากกาในมือเพ่งมองผู้มาเยือนใหม่ เขาพึ่งทราบว่าเธอเป็นถึงดาราดัง แต่ไหงแค่เศษเงินสองล้านไม่จ่ายให้มันจบ แค่ได้ยินเสียงแว๊ดๆใส่ เขายังรำคาญเลย
"ไม่มีปัญญาและไม่จ่าย! คุณเอาสัญญามาก่อน ถ้าฉันจ่ายแล้วมันจะจบ ไม่ตามรังควานหรือยุ่งเกี่ยวเรื่องอื่นอีก!" ร่างบางถือวิสาสะลากเก้าอี้ตัวฝั่งตรงข้ามนั่งลง แสร้งทำตัวหยิ่งยโส ยกขาไขว่ห้างเชิดใบหน้า ไม่คิดเหมือนกันว่าคนตรงหน้าจะมีตำแหน่งใหญ่โตถึงเพียงนี้
"เอาไปสิ!" แต่เขาดันโยนสัญญาให้ตามที่บอก ยิ่งตราหน้าว่าเธอไม่มีสิทธิ์หลบเลี่ยง
"ของปลอม! ปลอมชัดๆ ไม่รู้แหละถ้ามีเอกสารพร้อม ฉันจะมาจ่าย!" ร่างบางรีบลุกพรวด ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้ความคิดเธอไปซะหมด ใบหน้าหวานเกือบเปลี่ยนสี ต้องแสร้งแสดงต่อให้จบเรื่อง
"ถ้าออกไป คิดว่าคนข้างนอกจะรอดเหรอ มีดไหมหรือชอบอะไรเสี่ยงๆดี?" ไลเกอร์ยังบอกเสียงเข้ม ล้วงเอามีดพกสั้นควงเล่นให้ปลายแหลม ตวัดเฉื่อนลูกแอปเปิ้ลบนโต๊ะทำงาน แบ่งเป็นสองส่วนรวดเร็ว ยังไม่ทันได้กระพริบตาสักนิดเดียว
"อย่าทำอะไรพี่กี้นะ...ตอนนี้ฉันยังไม่มีเงินสด อีกสองอาทิตย์น่าจะเอามาให้ทัน" เธอรีบหันไปบอกส่งๆ ทั้งที่จริงก็ไม่รู้จะเอาหาจากไหน นอกจากคนในครอบครัว
"หึ..." น้ำเสียงเข้มหัวเราะเยาะเย้ยในลำคอหนา เลิกสายตาคมเฉียดมองใบหน้าหวาน จนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกถูกชะตากับเธอสักนิดเดียว ช่างน่าหมั่นไส้และโมโหขนาดไหน ที่หญิงสาววางท่าทางดุจมีเงินมากมาย แท้ที่จริงถ้าไม่เล่นตัวจ่ายมาก็จบ
"ก็อยู่ๆ มาบอกแล้วจะเอาเลย ฉันก็ไม่มีหรอก ไม่รู้แหละสองอาทิตย์จะรีบมาจ่าย" ร่างบางยืนร้อนรนอยู่ตรงหน้าประตู ไม่รู้ว่าคนด้านนอกจะเป็นเช่นไร ช่างเลือกเจ้าเวรนายกรรมไม่ถูกคนซะด้วย
"คิดดีๆล่ะ" อีกฝ่ายบอกประโยคสุดท้าย ที่ไม่ได้ทำให้ผู้ฟังรู้สึกดีสักนิดเดียว เขาหันสนใจกับกองเอกสารบนโต๊ะ จนไม่เหลียวมองร่างบางเดินออกไปตอนไหนแล้ว
"พี่กี้!!โอ๋ๆ นะ พวกนายทำอะไรพี่กี้หรือเปล่า" พอลูกปัดออกจากห้องนั้นมา เธอรีบสวมกอดกับผู้จัดการ ราวเสมือนพี่น้องร่วมสายเลือด ไม่ลืมตวัดหางตาชำเลืองมองกลุ่มชายบอดี้การ์ด
"ไม่มีเลย ลูกปัดไปคุยอะไรกับเขาบ้าง" สุกี้รีบถาม
"ก็บอกไปว่าขอเวลาอีกสองอาทิตย์จะมาจ่าย ....คงต้องขอคุณลุงคุณป้าแล้วแหละ" เธอจะไปมีเงินเก็บได้ยังไง ในเมื่อใช้สุรุ่ยสุร่ายขนาดนั้น ขอแค่ได้อวดมีภาพสิ่งของราคาแพง ทำให้ผู้คนเยินยอแล้วหลงระเริงเสียเอง
"เอางี้เรากลับกันเถอะ ค่อยไปคิดใหม่ ว่าแต่ติณณ์ชวนเราไปกินข้าว ไปด้วยกันไหมล่ะ ยิ่งข่าวคู่จิ้นกำลังดังเลย" เขาตอนที่พาเธอลงมาข้างล่างแล้ว พลางสำรวจบรรยากาศสถานที่ทำงาน ค่อนข้างใหญ่หรูหรา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมธุรกิจแห่งนี้ดังไกลทั่วโลก ไม่รวมสาขามากมายแต่ละประเทศ
"คิดถึงติณณ์อยู่พอดี ว่าแต่ชุดนี้สวยหรือยังพี่กี้" ตอนมาเธอนั่งรถกลุ่มชายพวกนั้น ทำให้ขากลับต้องเรียกรถสาธารณะแทน แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะยอมแพ้ หากเพื่อนชายคนสนิทยากพบหน้าตอนนี้ เพราะติณณ์คือพระเอกคู่จิ้น พวกบรรดาแฟนคลับคอยเชียร์อยู่
"ทาปากอีกนิดก็เริ่ดแล้วจ้า"
"ปิ๊งๆ สวยจบ" ดวงตากลมคู่สวยกระพริบปริบถี่ระรัว พวกเธอคงไม่ทันได้สังเกตุว่ามีชายหนุ่มอีกคนมองจากหน้าต่าง สายตากึ่งดูถูกและสมเพช
"นายจะเอาเงินแค่นั้นจริงๆ หรอครับ"
.............................................
อะนะ 555 เรื่องนี้เน้นกัดกัน ไม่เน้นหวานแฮปปี้แลนด์ 555