กุ้ยหนิงและเฟยหลงได้ยินอย่างนั้นก็ทั้งโกรธและตกใจ ทำไมการที่กุ้ยหนิงหย่ากับหวางเช่อถึงได้กลายเป็นว่ากุ้ยหนิงมีความสัมพันธ์กับชายอื่นไปได้ล่ะ แม้แต่ชาวบ้านที่ยืนอยู่ต่างก็สงสัยในคำพูดของผู้เฒ่าตู้
“เดี๋ยวก่อนนะครับพ่อเฒ่าตู้ คุณบอกว่าแม่ผมหย่ากับบ้านหวางเพราะว่าแม่ผมมีความสัมพันธ์กับคนอื่นอย่างนั้นเหรอครับ” เฟยหลงถามย้ำเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง เพราะตอนนี้ตัวเขานั้นแทบจะเดินไปขย้ำบ้านหวางตัวปัญหาให้ตายคามือ ถ้าหากไม่มีมือนิ่มๆ แอบมาจับเขาไว้
เฟยหลงก้มมองมือของตัวเอง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เจอเข้ากับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มมองเขาอย่างให้กำลังใจ “ใจเย็นๆ นะคะ” หลินหลินกระซิบบอกเสียงหวาน ตัวเธอเองก็โกรธไม่แพ้กัน รอพ่อและพี่ชายกลับก่อนเถอะเธอจะไม่ปล่อยบ้านหวางไปแน่ๆ
“ขอบคุณมากครับ พี่ไม่เป็นไร” เฟยหลงกระซิบกลับเสียงทุ้ม
“ใช่ สมัยนั้นแม่เฒ่าหวางคุยกับภรรยาฉัน และอีกหลายคนว่ากุ้ยหนิงนั้นมีความสัมพันธ์กับคนอื่น พวกเธอรู้มานานแล้ว จึงได้ให้ต๋าเจียฉีมาเป็นภรรยาอีกคน เพราะไม่มั่นใจว่าเด็กในท้องของกุ้ยหนิงนั้นเป็นหลานแท้ๆ ของบ้านหวางหรือเปล่า” พ่อเฒ่าตู้พูดถึงเฉพาะใจความสำคัญ เพราะนี่มันก็ผ่านมาหลายสิบปีแล้วจะให้เขาจำทุกคำพูดก็ไม่ได้ สิ้นสุดคำพูดชาวบ้านทุกคนหันไปมองแม่เฒ่าหวางและบ้านหวางเป็นตาเดียว ไม่คิดว่าแม่เฒ่าหวางจะเป็นคนเลวร้ายแบบนี้
“แม่ ที่พ่อเฒ่าตู้พูดนั้นเป็นเรื่องจริงไหม แม่บอกผมเองไม่ใช่หรือว่ากุ้ยหนิงมีคนอื่นและแม่เป็นคนเห็นด้วยตาตัวเอง แม่พูดกรอกหูผมมาตลอด จนวันหนึ่งแม่พาเจียฉีมาเพื่อดูแลผมเพราะไม่มั่นใจว่าเฟยหลงนั้นเป็นหลานแม่หรือเปล่า” หวางเช่อถามแม้ตัวเองอย่างตกใจ นี่เขาโดนแม่หลอกมาตลอดใช่ไหม ทำให้เขาต้องเสียภรรยาและลูกไป
“ฉัน...ฉันไม่รู้เรื่อง ตาเฒ่าตู้พูดอะไร เรื่องผ่านมาหลายสิบปีแล้วใครมันจะไปจำได้ ตอนฉันพาเจียฉีมาแกก็ไม่เห็นปฏิเสธอะไร แกอย่ามาโทษฉันฝ่ายเดียวนะ” แม่เฒ่าหวางหน้าซีด รีบปฏิเสธว่าเธอจำไม่ได้ แต่อาการที่เธอแสดงนั้นทำให้ทุกคนเชื่อพ่อเฒ่าตู้กันหมด และได้มองหวางเช่ออย่างสังเวชและสมเพชในความไม่หนักแน่นของตัวเองจนสูญเสียภรรยาดีๆ อย่างกุ้ยหนิง
“แต่ว่าจะจริงหรือไม่จริง แม่เฒ่าหวางก็ควรจะคืนสินเดิมของป้ากุ้ยหนิงนะคะ ไม่ใช่ทำตัวเหมือนขโมยยึดเอาสินเดิมของคนอื่นไปแบบนี้ ถึงแม้ว่าฉันจะอายุแค่ยี่สิบห้า แต่ฉันก็รู้นะว่าไม่มีกฎหมายข้อไหนที่ให้แม่สามีสามารถยึดเอาสินเดิมของลูกสะใภ้ไปได้ คุณลุงค่ะ แบบนี้มันผิดกฎหมายไหม ใส่ร้ายป้ายสีไม่พอยังยึดเอาของคนอื่นไปอีก” อาเหมยพูดขึ้นเสียงดัง เหอะ หน้าด้านหน้าทนเหลือเกิน แบบนี้หน้าจับโยนให้จระเข้กิน ถ้ามีนะเธอไม่ปล่อยแน่
“อาเหมยพูดถูก ข้อหาใส่ร้ายยังสามารถฟ้องร้องได้ ต่อให้จะผ่านไปหลายสิบปีแล้วก็ตาม เพราะว่าชาวบ้านยังคงเข้าใจผิดและที่สำคัญพยานก็ยังคงอยู่ พ่อเฒ่าตู้ หากกุ้ยหลิงแม่ของว่าที่ลูกเขยผมต้องการฟ้องร้องบ้านหวาง ข้อหาใส่ร้ายทำให้เสียชื่อเสียง คุณพร้อมจะเป็นพยานให้ไหม” นายพลจ้าวไม่อยากโอ้เอ้ เพราะนี่ก็ใกล้เวลาที่เขาจะต้องเดินทางแล้ว และอีกอย่างหากเฟยหลงทำสำเร็จ เจ้าหนุ่มนี่ก็ต้องเป็นลูกเขยเขา ถ้าจะให้แม่สามีมีเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงแบบนี้ไม่ดีแน่ เขาไม่ได้ใช้อำนาจขู่ใครเพียงแค่บอกให้รู้ว่าเฟยหลงคือว่าที่ลูกเขยของเขาแน่นอน
“ครับท่านนายพล ผมยินดีเป็นพยานครับ” พ่อเฒ่าตู้ยืนยันหนักแน่น จะไม่ให้เขายืนยันได้ยังไงในเมื่อท่านนายนพลประกาศมาเสียงดังขนาดนี้ว่าเฟยหลงเป็นว่าที่ลูกเขยของท่าน แม้แต่ชาวบ้านยังตกใจ ที่ท่านนายพลประกาศเสียงดังฟังชัดแบบนี้ แม้แต่บ้านหวางเองลมแทบจับเมื่อรู้ว่าลูกและหลานที่พวกเขาไม่ต้องการกำลังจะได้เป็นลูกเขยของท่านนายพล
“ไร้ยางอาย เพิ่งจะเจอพี่เฟยหลงแค่วันเดียวกลับยินดีแต่งงานกับเขาแล้ว อีกทั้งบ้านพี่เฟยหลงนั้นจนแสนจน นังคุณหนูคนนี้ก็ยังอยากได้” มีหญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้น เธอไม่คิดว่าใครจะได้ยิน แต่ไม่ใช่กับคนที่เป็นทหารอย่างท่านนายพลและผู้พัน หลินหลินกับอาเหมยยังได้ยินกันทุกคน ท่านนายพลเตรียมจะพูดเขาไม่ชอบใจที่มีใครมาว่าลูกสาวเขาแบบนี้ แต่หลินหลินเดินมาที่พ่อบอกให้ท่านอยู่เฉยๆ
“ที่พูดนี่ต้องการอะไร หรือว่าอิจฉา ฉันว่าเธอเก็บปากไว้แตกหน้าหนาวเถอะนะ อย่ามาแตกตอนนี้เลย หรือว่าที่พูดเพราะต้องการจะเป็นภรรยาของพี่หยางเสียเอง และที่สำคัญถึงแม้พี่หยางจะจน แล้วมันหนักส่วนไหนของเธอไม่ทราบ” หลินหลินไม่คิดที่จะอยู่นิ่งแล้ว ด่าว่าเธอ เธอยังแกล้งเรียบร้อยแล้วเอาคืนทีหลังได้ แต่ว่าคุณหนูคนนี้ไม่เท่ากับด่าถึงครอบครัวอันเป็นที่รักของเธอด้วยเหรอ เธอเองไม่ใช่คนใจดีแบบนั้นเสียด้วยสิ
“อีกทั้งตัวฉันเป็นคุณหนูลูกสาวท่านนายพลจ้าว น้องสาวผู้พันจ้าว เธอเป็นใครมีสิทธิ์อะไรมากล่าวร้ายให้ฉันเสียหาย เธอรับผิดชอบการกระทำไหวไหม” หลินหลินพูดเสียงกร้าวไม่มีวี่แววคุณหนูผู้บอบบางอีก ทำให้คนเป็นพ่อและพี่ชายภาคภูมิใจที่หลินหลินไม่ใช่ลูกพลับนิ่ม เฟยหลงเองก็ยิ้มมุมปาก นี่เวลาเพียงแค่วันเดียวหลินหลินจะทำให้เขาตกหลุมรักเธออีกกี่ครั้ง
“ป้ากุ้ยหนิงค่ะ ในเมื่อมีพยานแบบนี้หนูอยากให้ป้าร้องเรียนและเอาผิดคนที่ทำร้ายชื่อเสียงของป้ามาตลอดหลายสิบปี ป้าต้องแบกรับคำกล่าวร้ายเป็นหญิงคบชู้ โดยที่ตัวป้าเองไม่รู้และไม่ได้ทำผิด พี่หยางต้องถูกตราหน้าว่าเป็นลูกชู้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าถูกกล่าวร้ายก็เถอะ แต่การที่ต้องแบกความรู้สึกดูถูกเหยียดหยามจากคนอื่น มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย และที่สำคัญป้าต้องเอาสินเดิมคืนมาทั้งหมดด้วยนะคะ ว่าแต่ป้าจำได้ไหมว่าสินเดิมป้ามีอะไรบ้าง เพราะไม่อย่างนั้นคนบ้านหวางคืนไม่ครบแน่ๆ ค่ะ” หลินหลินร่ายยาว แต่ทุกคำนั้นเน้นตรงจุด ไม่มีช่องโหว่ให้บ้านหวางปฏิเสธได้
“ป้าจำได้ ป้ามีรายการสินเดิมจดไว้ นี่ค่ะ วันนี้ป้าเอามาด้วย” กุ้ยหนิงรีบเอารายการสินเดิมที่วันนี้เธอเอาติดมาด้วย เพราะตั้งใจจะทวงคืน ในเมื่ออาหยางของเธอต้องรวบรวมเงินเพื่อจะแต่งงาน คนเป็นแม่เช่นเธอต้องทำทุกอย่างเพื่อช่วยลูก ใครจะว่าเธอหน้าด้านทวงของเดิมเธอก็ไม่สน ต่อให้จะเหลือสินเดิมน้อยนิดเธอก็ต้องเอาคืน
“โอ้โห คุณพ่อ พี่ใหญ่ พี่เหมยมาดูสิ รายการสินเดิมของป้ากุ้ยหนิงเยอะมากเลยนะ แค่เงินอย่างเดียวก็เกือบสองพันหยวนแล้ว สามสิบปีก่อนเงินขนาดนี้เป็นเงินเยอะมากเลยนะคะ ยังไม่รวมผ้าอีกหลายสิบพับ อาหารช่างเถอะคงกินหมดแล้ว ยังมีโสมคนอีกหลายต้น นี่แสดงว่าบ้านเดิมป้าเหมยรวยมากเลยนะคะ” หลินหลินเองตกใจไม่น้อยกับรายการสินเดิม แสดงว่าบ้านเดิมของป้าเหมยคงจะรวยน่าดู
“ไม่หรอกหลินหลิน ป้าเป็นลูกสาวคนเดียว พ่อแม่เลยให้ทุกอย่างมา เงินบางส่วนก็เป็นมรดกของพ่อแม่มอบให้ ท่านทั้งสองตายไปหลังจากป้าแต่งงานเพียงปีเดียว ทรัพย์สินของพ่อแม่ป้าเลยเอามารวมกับสินเดิม” กุ้ยหนิงเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อแม่ ทั้งสองคนเลยให้สินเดิมเยอะเพราะไม่อยากให้ลูกสาวคนเดียวลำบากหลังแต่งงาน ชาวบ้านที่ได้ยินรายการสินเดิมว่ามีอะไรบ้างต่างก็หันมองบ้านหวาง เงินขนาดนั้นใช้ทั้งชีวิตยังได้เลยสำหรับชาวบ้านธรรมดา
“ไม่มี ไม่เหลือแล้ว ใช้หมดแล้ว”
แม่เฒ่าหวางพูดอย่างร้อนรน เงินบางส่วนเธอใช้ไปกับการซื้อบ้านให้ลูกชายที่แต่งงานแล้วในเมือง และซื้อบ้านให้หลานชายพี่ของหวางลี่ที่ทำงานในเมืองอีกหนึ่งหลัง ตอนนั้นการซื้อขายบ้านที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องจะต้องจ่ายใต้โต๊ะเยอะ ตอนนี้เงินเหลือไม่พอที่จะคืนแล้ว