ณ ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง…
“ได้เจอตัวจริงหนูคาร์เทียร์สักที ป้าเห็นในรูปว่าสวยและน่ารักแล้ว เจอตัวเองเข้าไปป้าโดนหนูคาร์เทียร์ตกเข้าเต็มๆเลย” เขมิกา แม่ของคิระเอ่ยชมคาร์เทียร์ด้วยรอยยิ้ม แววตาที่มองว่าที่ลูกสะใภ้ยังเต็มไปด้วยความเอ็นดูอีกด้วย
“ขอบคุณนะคะ ชมขนาดนี้ทำเอาเทียร์เขินจนไปต่อไม่เป็นเลย” ยิ้มรับคำชมพลางยกมือขึ้นจับปอยผมทัดหูแก้เขิน
เธอนั่งเกร็งทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเอามือทั้งสองข้างไปวางไว้ตรงไหนดี พยายามวางตัวให้ดีเพราะไม่อยากทำให้ครอบครัวคิระไม่ประทับใจ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นโอกาสทำให้ไม่ต้องแต่งงานกับเขา แต่เธอก็รู้จักกาลเทศะและให้เกียรติทั้งคิระและครอบครัว
อีกอย่างรับปากพ่อแม่ไว้แล้วว่าจะทำตัวดีๆ ไม่ดื้อ
“ไม่ต้องเกร็งนะหนูคาร์เทียร์ ทำตัวตามสบายเลย” ปวริศ พ่อของคิระบอก หลังจากสัมผัสได้ถึงอาการเกร็งของว่าที่ลูกสะใภ้
ก็ยังเกร็งอยู่ดี… นี่เป็นครั้งแรกที่เธอนั่งทานข้าวร่วมโต๊ะกับคนอื่นโดยปราศจากพ่อแม่ หรือพี่ชาย
ความจริงวันนี้พ่อแม่ต้องมาด้วย แต่ดันต้องบินไปต่างประเทศด่วนตั้งแต่เช้าตรู่ ทำให้เธอต้องมาเจอครอบครัวของคิระคนเดียว
ฉายเดี่ยวไปเลยสิงานนี้…
“ที่ผ่านมาเคยเห็นแต่พี่ชาย ไม่คิดว่าลูกสาวคนเล็กจะสวยขนาดนี้ บ้านนี้หน้าตาดีทั้งบ้านจริงๆ”
“มะ…ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ไม่ต้องถ่อมตัวหรอกจ้ะ ได้ลูกสะใภ้แบบหนูคาร์เทียร์ป้าดีใจมาก” เขมิกาแสดงออกชัดเจนว่าปลื้มว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้มาก รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกเจอ
“ได้ยินคิระบอกว่าเจอหนูคาร์เทียร์บ่อยๆ ทั้งสองคนคงจะสนิทกันแล้วใช่ไหม”
เธอหันไปมองคิระอย่างเลิ่กลั่ก ก่อนจะตามน้ำกับแม่เขาไปเพราะไม่รู้จะปฏิเสธยังไง สนิทไปก่อนชั่วคราวแล้วกัน…
“ใช่ค่ะ พวกเราสนิทกันแล้ว”
เขมิกาหันไปยิ้มกับสามี
“ดีจัง แบบนี้พวกเราก็หายห่วง สนิทกันไว้เยอะๆ หลังแต่งงานไปแล้วจะได้อยู่ด้วยกันโดยไม่เกร็งกัน”
“ได้คิดไว้รึยังว่าจะไปฮันนีมูนกันที่ไหน” ปวริศถาม
“ตะ…ต้องไปฮันนีมูนด้วยเหรอคะ”
“คู่รักพอแต่งงานกันแล้วก็ต้องไปฮันนีมูนไม่ใช่เหรอ”
แต่เธอกับคิระไม่ใช่คู่รัก…
ฮันนีมูนคงไม่จำเป็นสำหรับเธอและเขา อีกอย่างคิระคงไม่ยอมสละเวลาอันมีค่าเพื่อไปฮันนีมูนกับเธอ
“ไว้ผมกับคาร์เทียร์จะคิดหลังแต่งงาน” คิระตบปากรับคำกับคนเป็นพ่อไปก่อน ไม่อย่างนั้นคงไม่จบเรื่องการไปฮันนีมูน
“ลองทานนี่ดูนะคาร์เทียร์”
“ขอบคุณค่ะคุณป้า”
เขมิกายิ้ม
“ถึงพวกเราสองครอบครัวจะปองดองกันเพราะสัญญา แต่หนูคาร์เทียร์เรียกเราสองคนว่าพ่อแม่ได้เลยนะ ถึงยังไงก็ต้องแต่งงานกับลูกชายแม่อยู่แล้ว” เขมิกาเป็นคนเริ่มเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้แทนตัวเอง
“เอาอย่างนั้นก็ได้ คุณแม่…” เธอตามน้ำไปด้วย แอบเขินเหมือนกันเพราะปกติเรียกแค่แม่ตัวเอง นี่ต้องเรียกแม่คิระ
พ่อแม่คิระดูเอ็นดูเธอมาก ชวนคุยตลอดเพื่อให้เธอไม่เกร็ง เธอเริ่มปรับตัวกับครอบครัวคิระได้แล้วแต่ยังไม่เต็มร้อย
“เทียร์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงได้ไหมคะ”
“ได้สิจ้ะ”
“ตามสบายเลยหนูเทียร์”
เธอยิ้ม ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปห้องน้ำคนเดียว หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จออกมาล้างมือ จังหวะกำลังเดินออกไปเสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นพี่ชายตอบกลับข้อความที่เธอส่งไปก่อนหน้านี้ และมีแจ้งเตือนหนึ่งจากอินสตาแกรมเด้งขึ้น
เธอเปิดแจ้งเตือนอินสตาแกรมเวลาเจ้าของแอคเคาท์เคลื่อนไหวเอาไว้ และคนๆนั้นก็คือ… รุ่นพี่ที่เธอแอบชอบตั้งแต่เรียนมหา’ลัย
มือเรียวกดเข้าไปดูสตอรี่หลังจากมีแจ้งเตือนว่าเขาเคลื่อนไหวในนั้น พอกดเข้าไปดูมือไม้แทบอ่อนแรง เนื้อตัวชาวาบ ซ้ำยังรู้สึกจุกตรงกลางอก หัวใจที่กำลังเต้นเป็นจังหวะมันพลันปวดหนึบขึ้นมาดื้อๆ
เขามีแฟนแล้ว
ใช่… รุ่นพี่ที่เธอแอบชอบตอนเรียนมหา’ลัยเพิ่งเปิดตัวว่ามีแฟนแล้ว เธอเห็นเองกับตาในสตอรี่เขาเมื่อกี้
ยืนจัดการอารมณ์ที่กำลังดาวน์ของตัวเองสักพัก ก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วต้องชะงัก เมื่อสายตาปะทะเข้ากับคิระที่ยืนกอดอกพิงผนังกำแพง สายตาเขามองมาที่เธอ
“พ่อแม่ฉันให้มาตาม เห็นเธอมาห้องน้ำนาน”
“ค่ะ พี่คิระจะเข้าห้องน้ำไหม เดี๋ยวเทียร์รอ”
“ไม่ละ”
“งั้นกลับโต๊ะกันเลยไหมคะ”
“อืม”
เธอเดินนำคิระไปก่อน
“ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ พวกเราเห็นหนูเทียร์ไปนานเลยให้คิระไปตามเพราะเป็นห่วง”
พ่อแม่คิระน่ารักและใจดีกับเธอมาก เขาคงเติบโตมากับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีของครอบครัว ถึงแม้จะดูหยิ่งและเย็นชาไปบ้างก็ตาม…
เธอและครอบครัวคิระกลับมาทานอาหารกันต่อ ระหว่างนั้นเธอพยายามไม่นึกถึงเรื่องรุ่นพี่ที่แอบชอบมีแฟน แต่บางทีก็เผลอแสดงความเจ็บปวดผ่านแววตาขณะยิ้มและพูดคุยกับพ่อแม่คิระ
•••
หลังจากทานอาหารค่ำเสร็จ พ่อแม่คิระกลับไปแล้ว ส่วนเธอยังอยู่นั่งดื่มคนเดียวที่บาร์ของร้านอาหารต่อ ที่นี่เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์
ห้องอาหารจะอยู่ข้างใน ส่วนบาร์จะอยู่ข้างนอกเป็นแบบเอ้าท์ดอร์ เธอยกเครื่องดื่มมึนเมาขึ้นดื่มท่ามกลางสายลมเย็นๆที่พัดผ่าน
หวังให้แอลกอฮอล์นี้ช่วยบรรเทาความเจ็บปวด และสายลมช่วยพัดพาความเศร้าโศกนี้ไปจากหัวใจ อึกแล้วอึกเล่าที่กลืนลงคอไม่ได้ช่วยทำให้ความเจ็บปวดเบาบางลง
ยิ่งดื่มยิ่งเจ็บปวด…
“ขอค็อกเทล”
ใบหน้าแดงก่ำหันไปมองเจ้าของเสียงทุ้มต่ำคุ้นเคย
คิระ… คิดว่าเขากลับไปแล้วเสียอีก
“ทำไมยังไม่กลับคะ”
“ตั้งใจจะดื่มต่ออยู่แล้ว”
“เครื่องดื่มครับคุณผู้ชาย”
เขาคว้าแก้วเครื่องดื่มที่บาร์เทนเดอร์วางลงให้มาดื่ม ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำคาร์เทียร์มาท่าทางผิดปกติไปจากเดิม เธอพยายามเก็บความรู้สึกพวกนั้นเอาไว้ แต่ไม่รอดพ้นจากสายตาพ่อแม่เขา
‘คิระกลับไปดูหนูเทียร์หน่อยนะ เหมือนน้องเขามีเรื่องไม่สบายใจ แม่เป็นห่วง’
‘ฝากดูน้องเขาด้วยนะคิระ’
เขาอยู่ตรงนี้เพราะพ่อแม่ขอร้อง
“ดื่มไปกี่แก้วแล้ว”
“สาม” ในมือคือแก้วที่สี่ ตอนนี้เธอเริ่มเมาแล้วละ ยกแก้วที่สี่ขึ้นดื่มทั้งน้ำตา พอวางแก้วเปล่าลงก็ยกมือเช็ดน้ำตาออก
เธอไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าคิระ ไม่อยากให้เขาเห็นว่าเธอกำลังอ่อนแอ แต่คงเลี่ยงไม่ได้เพราะเขากำลังมองเธออยู่
น่าอายจริงๆ
“อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะคะ”
“…”
“อย่าบอกใครว่าเทียร์ร้องไห้ คิก… น่าอายชะมัด โตแล้วยังร้องไห้” เธอพูดแล้วขำ เงยหน้าขึ้นพร้อมกับกะพริบตาถี่ๆเพื่อไม่ให้น้ำตาที่คลออยู่ไหลลงมา
“รู้สึกยังไงบ้างคะ ที่ว่าที่เจ้าสาวของพี่คิระร้องไห้เพราะอกหักจากผู้ชายคนอื่น”
“เฉยๆ”
ไม่ได้คาดหวังคำตอบดีๆจากเขาเท่าไร เดาไว้แล้วว่าเขาต้องตอบแบบนั้น
“พี่คิระเคยมีแฟน หรือมีความรักมาก่อนไหม”
เขานิ่ง ไม่ตอบคำถามนั้นของคาร์เทียร์ ยกแก้วค็อกเทลตรงหน้าขึ้นดื่ม
“เงียบแสดงว่าเคย” การที่เงียบคือการยอมรับ
“หมดแก้วนี้ก็พอ”
“ยุ่งอะไรด้วย เงินเทียร์จ่าย”
ดูจากสภาพแล้วเขาคงได้แบกคาร์เทียร์กลับ
“พี่คิระ”
เขาหันไปมองคาร์เทียร์นิ่งๆ
“เราจูบกัน… อีกครั้งได้ไหมคะ” เธอรู้ตัวเองพูดอะไรออกไป ไม่รู้สิ แค่รู้สึกว่าเวลาจูบกับเขามันไม่ต้องคิดอะไร ตอนนี้ในหัวเธอเต็มไปด้วยเรื่องคนในใจ คิดเยอะจนหนักอึ้งที่หัวและปวดหนึบตรงหัวใจ
อยากจูบเพื่อให้ลืมเขาคนนั้น…
“จูบกันนะคะ”
คิระโน้มใบหน้าเข้าไปจูบคาร์เทียร์ตามที่เธอเอ่ยขอ ริมฝีปากหยักได้รูปบดคลึงมอบจูบแสนดูดดื่มให้คนตัวเล็ก รสชาติแอลกอฮอล์ที่ทั้งคู่ดื่มเข้าไปล้วนเป็นคนละอย่าง แต่พอคลุกเคล้าเข้ากับจูบกลับเข้ากันได้อย่างเหลือเชื่อ
คาร์เทียร์หลับตาพริ้มรับจูบจากคิระอย่างเต็มใจ ไม่ปฏิเสธหรือขัดขืน ปล่อยทุกอย่างไปตามอารมณ์
แอลกอฮอล์ในร่างกายทำให้เธอกล้ามากขึ้น ถึงจูบนี้ทำให้ไม่ต้องนึกถึงเรื่องคนในใจเพียงชั่วคราว อย่างน้อยช่วงเวลาหนึ่งเธอก็ไม่ต้องเจ็บปวดเพราะเรื่องนั้น
“เธอเมามากแล้ว กลับได้แล้ว” เขาบอกคาร์เทียร์หลังจากถอนจูบออก
“คิดเครื่องดื่มของผู้หญิงคนนี้กับที่สั่งไปเมื่อกี้รวมกัน”
“ครับคุณผู้ชาย”
เขาก้มมองคาร์เทียร์ที่ซบอยู่บนอกตัวเอง เธอยังคงร้องไห้จนน้ำตาไหลซึมเข้ามาในเสื้อของเขา
“บิลครับคุณผู้ชาย”
เขาหันไปจ่ายเงินกับบาร์เทนเดอร์เสร็จสรรพ ก่อนจะหิ้วปีกคาร์เทียร์ออกไป เมาแล้วลำบากคนอื่นจริงๆ
“เดินดีๆ” บอกคาร์เทียร์ที่กำลังเมาเดินไม่ตรง เธอเซไปทางนั้นที ทางนี้ทีจนเขาต้องสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อกดอารมณ์หงุดหงิดเอาไว้
เข้าใจว่าเธอเมาและพยายามไม่ถือสา
“นี่ไม่ใช่รถเทียร์”
“ลืมเหรอว่าเรามาด้วยกัน”
คนเมานั่งทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหันไปมองคิระที่ยืนอยู่ตรงประตูรถ
“เรามาด้วยกันเหรอคะ?”
คิระไม่ตอบ โน้มเข้าไปเพื่อคาดเข็มขัดนิรภัยให้คาร์เทียร์ คนเมาที่ควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้เผลอยื่นหน้าเข้าไปใกล้ว่าที่สามี จนทำให้ริมฝีปากสัมผัสเข้ากับแก้มอีกคนเข้าอย่างจัง
“แก้มนุ่มเหมือนกันนะคะ” คนเมาพูดแล้วยิ้ม
“ขอหอมอีกข้างได้ไหมคะ”
เขาไม่ตอบ ดึงตัวออกจากตัวรถ ก่อนจะปิดประตูฝั่งคาร์เทียร์ลงแล้วเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ ไม่ได้ถือสาที่เธอทำเพราะเข้าใจว่าเมา
คนเมามักควบคุมตัวเองไม่ได้…