ตายแน่คราวนี้ยัยคาร์เทียร์ ไม่รู้คิระได้ยินตอนที่เธอว่าเขา ‘ตาแก่คิระ’ หรือเปล่า
ภาพเหตุการณ์ตอนถูกเขาสั่งสอนเพราะปีนเกลียวฉายเข้ามาในหัวอีกครั้งจนรู้สึกขนลุกซู่ ถึงกับกินทับทิบกรอบที่เหลือไม่ลงกันเลยทีเดียว
“พี่คิระมาตั้งแต่ไหนเมื่อไหร่คะ” สวิตช์ถูกสลับกลับไปเป็นคุณหนูมาเฟียที่แสนอ่อนหวานทันที ขณะพูดพลางยิ้มให้คิระตามไปด้วย
“สักพักนึงแล้ว” มาถึงสักพักจนได้ยินที่คาร์เทียร์พูดถึงตัวเองทุกอย่าง
ตาแก่คิระ… ใช่ เขาได้ยินที่คาร์เทียร์พูด
“งั้นเทียร์ไปตามคุณพ่อให้นะ” รีบชิ่งหนีดีกว่า ยังไม่ทันก้าวขาไปไหนเสียงแม่ก็ดังขึ้นเสียก่อน
“มาแล้วเหรอคิระ”
“สวัสดีครับคุณป้า”
“สวัสดีจ้ะ เดี๋ยวป้าไปตามมาร์คินให้นะ พาพี่เขาไปรอที่ห้องนั่งเล่นก่อนนะเทียร์” นาร์มินหันไปบอกลูกสาว
“ค่ะ…” เธอตอบด้วยรอยยิ้ม พอแม่หันหลังให้รอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อยๆจางหาย แอบเหล่สายตามองคิระ ตอนนี้เธอเริ่มทำตัวไม่ถูกแล้ว พอเจอหน้าเขาภาพเหตุการณ์เมื่อวานก็ฉายเข้ามาในหัว ตอกย้ำว่าเธอได้สูญเสียจูบแรกให้เขา
“เชิญทางนี้ค่ะ” บอกเขาแล้วเดินนำพลางเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง เสียงฝีเท้าของเขาจากข้างหลังทำหัวใจเธอเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ
“นั่งรอคุณพ่อก่อนนะคะ” เธอหันไปบอกคิระ เพราะจูบเมื่อวานทำให้เธอทำตัวไม่ถูกเวลาอยู่กับเขา อีกทั้งตอนนี้เขายังเอาแต่มองมาที่เธอ แน่นอนว่ามันทำให้คนถูกมองเริ่มเกิดอาการประหม่า
“มีอะไรรึเปล่าคะ?”
“แค่รู้สึกว่าวันนี้เธอผิดหูผิดตาไปหน่อย”
“ยังไงคะ?”
“พูดจามีหางเสียง น้ำเสียงฟังดูไม่ห้วนเหมือนที่เคยได้ยิน” วันนี้คาร์เทียร์ดูวางตัวดีผิดสังเกต ไม่เหมือนคนเมื่อวานที่เจอโดยสิ้นเชิง คงเพราะวันนี้เจอเขาที่บ้านเลยวางตัวดีเพราะมีพ่อแม่
“แล้วมันไม่ดีเหรอคะ?” เขานี่ก็แปลก
“แค่ไม่เคยเห็น”
“หรือว่า…ชอบแบบนั้น?” เธอพูดหยอกล้อเขาเล่นพร้อมกับหรี่มองอย่างทะเล้น
“เด็กเกินไป”
“คำก็เด็กสองคำก็เด็ก เด็กคนนี้แหละกำลังจะเป็นเมียของคุณ!” บอกแล้วอย่าว่าเธอเด็ก โดนบอกว่าเด็กทีไรเหมือนโดนหยามอย่างไรอย่างนั้น ยืนมองเขาด้วยแววตาไม่พอใจได้ไม่นานก็ต้องหน้าถอดสี
พ่อแม่ยืนอยู่ข้างหลังคิระ…
คงได้ยินประโยคเมื่อกี้ที่ลูกสาวคนสวยอย่างเธอพูดแล้วสินะ ประโยคนั้นไม่ติดอะไรนอกจากคำว่า ‘เมีย’ ที่เธอใช้แทนตัวเอง
“มะ…มาแล้วเหรอคิระ” มาร์คินเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เอ่ยทักทายคิระอย่างเป็นกันเอง
คิระหันไปหามาร์คินแล้วยกมือไหว้ทักทาย
“สวัสดีครับคุณลุง”
“นั่งก่อนๆ”
“เทียร์มาช่วยแม่เตรียมของว่างให้คิระและคุณพ่อหน่อยสิลูก” นาร์มินเองก็เหมือนไม่ได้ยินในสิ่งที่ลูกสาวพูดเช่นกัน อีกทั้งยังบอกให้ไปช่วยเตรียมของว่างให้คิระและสามี
“ได้ค่ะ” เธอวิ่งเข้าไปคล้องแขนคนเป็นแม่ทันทีแล้วเดินออกไปจากตรงนี้พร้อมกัน
ระหว่างกำลังยืนเตรียมของว่างอยู่นั้น นาร์มินมองลูกสาวราวกับมีเรื่องอยากถามตรงๆ คาร์เทียร์เงยหน้าขึ้นแล้วปะทะเข้ากับสายตาคนเป็นแม่พอดี
“คะ?”
“แม่ขอถามตรงๆได้ไหม”
“ถามอะไรคะ” เธอพูดพลางจัดเตรียมของว่างที่เป็นของคุณพ่ออย่างตั้งอกตั้งใจ ส่วนของคิระแม่เป็นคนทำ
“ลูกกับคิระมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนรึเปล่า แม่รู้สึกว่าเทียร์ดูเหมือตไม่ค่อยชอบหน้าเขาเท่าไรเลย”
เธอชะงักมือที่กำลังจัดเตรียมของว่างให้คุณพ่อ
“เปล่านิคะ เทียร์กับเขาไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกัน”
“หรือแม่คิดมากไปเอง ที่แม่ถามเพราะเป็นห่วง กลัวว่าแต่งงานกันไปแล้วจะอยู่ด้วยกันไม่ได้”
“งั้นก็ไม่ต้องแต่งสิคะ ไม่ต้องให้มีงานแต่งเทียร์กับเขาเกิดขึ้น” เข้าทางเลยละ… เธอใช้โอกาสนี้บอกคนเป็นแม่
“ตอนแรกแม่คิดว่าเทียร์กับคิระน่าจะเข้ากันได้ดี แต่พอเห็นวันนี้แม่เริ่มเป็นห่วงเทียร์แล้วสิ”
“ใช่ไหมคะๆ” เธอปรี่เข้าไปหาแม่แล้วพูดอย่างเห็นด้วย แกล้งตีหน้าเศร้าเล่นละครเพราะไม่อยากแต่งงานกับคิระ
“เทียร์กับเขาอายุห่างกันตั้งหกปี แถมไลต์สไตล์ยังไม่เหมือนกัน กลัวว่าถ้าแต่งงานกันไปแล้วเทียร์ทำอะไรให้เขาไม่พอใจ… เขาจะไม่ลงไม้ลงมือกับลูกสาวแม่เหรอคะ”
นาร์มินทำหน้าตกใจกับประโยคหลังของลูกสาว
“ขะ…เขาอาจจะไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก ถึงเขาจะเป็นหัวหน้ามาเฟีย แต่เท่าที่สัมผัสนิสัยใจคอมา แม่ว่าคิระดูเป็นคนดีมากนะ”
สรุปแม่ก็เข้าข้างว่าที่ลูกเขยอย่างคิระสินะ…
ดูทรงแล้วเธอคงได้แต่งงานกับคิระจริงๆ แม่เล่นแก้ตัวให้ขนาดนี้
“หลายคนอยากได้คิระไปเป็นลูกเขยเยอะมาก ถ้าไม่ติดว่าหมั้นกับเทียร์แล้วคงได้ไปดูตัวกับลูกสาวนักธุรกิจคนอื่นไปนานแล้ว”
“เขาฮอตขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“ยิ่งกว่าฮอต คิระนอกจากหน้าตาหล่อเหลาแล้วยังเก่งอีกนะ สมัยเรียนดีกรีเป็นถึงนักกีฬาทีมชาติ สอบเข้ามหา’ลัยชื่อดังที่ต่างประเทศได้ แถมยังได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งอีกด้วย เทียร์ว่าเขาเพอร์เฟกต์ไหมล่ะ”
“ก็…เพอร์เฟกต์” เธอยอมรับว่าคิระเพอร์เฟกต์ก็ได้ หล่อ รวย เก่ง ผู้ชายคนนี้ครบเครื่อง ไม่แปลกใจที่สาวๆจะเข้าหาเขาเยอะ
“จากประสบการณ์สมัยที่แม่กับพ่อรักกันใหม่ๆ พ่อเขาเย็นชาเหมือนคิระเลย ไม่สนใจใคร แต่ถ้าได้รักใครแล้วละก็…รักหมดหัวใจเลย”
“แม่คงไม่ได้หวังให้เทียร์กับเขารักกันหรอกนะคะ”
“ถ้ามีโอกาส” นาร์มินยิ้ม
“เตรียมของว่างให้คุณพ่อต่อดีกว่า” เธอเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง เดินกลับไปตั้งใจเตรียมของว่างให้คุณพ่อต่อ
•••
“คุณพ่อ~ ของว่างมาแล้วค่ะ” เสียงใสของคาร์เทียร์ดึงสายตาคนเป็นพ่อและว่าที่สามีให้หันไปมองพร้อมกันอัตโนมัติ
คาร์เทียร์วางของว่างลงให้คนเป็นพ่อแล้วนั่งลงข้างๆ รอยยิ้มสดใสเลือนหายในตอนหันไปสบตากับคิระ เปลี่ยนเป็นทำหน้ากวนประสาทใส่อีกคนแทน
“เทียร์จัดจานให้คุณพ่อเองเลยนะ”
“ลูกสาวพ่อเก่งที่สุด”
คนโดนชมยิ้มจนตาหยี
“ว่าแต่เมื่อวานทั้งสองคนไปลองชุดแต่งงานเป็นไงบ้าง”
กึก
เธอถึงกับชะงักเมื่อโดนพ่อเอ่ยถามถึงเรื่องไปลองชุดแต่งงาน สายตาเบนมองคิระ จังหวะเขาหันมาเธอรีบหลบสายตาไปอย่างรวดเร็ว
พยายามทำเหมือนเรื่องเมื่อวานไม่เคยเกิดขึ้น ทว่าพ่อของเธอดันพูดขึ้นมา ทำให้ภาพตอนคิระจูบเธอฉายในหัวอีกครั้ง
“กะ…ก็ดีนะคะ”
“ไม่ได้สร้างเรื่องให้พี่เขาใช่ไหม”
“คุณพ่อเห็นเทียร์เป็นคนแบบนั้นเหรอคะ” เธอพูดหน้าตาย
“เมื่อวานเทียร์ดื้อไหมคิระ” มาร์คินหันไปถามคิระ
เธอหันขวับไปหาคิระ ส่งสัญญาณผ่านสายตาเพื่อขอร้องเขาไม่ให้พูดเรื่องนั้นกับคุณพ่อ
ลุ้นมากว่าเขาจะพูดเรื่องจูบไหม ร้อยเปอร์เซ็นต์เชื่อว่าคนอย่างคิระไม่พูดแน่นอน แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เธอพูดจาไม่มีหางเสียงและไม่เคารพเขาก็ไม่แน่
“ไม่ดื้อครับ”
เธอลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ถ้าคิระพูดเรื่องจูบคุณพ่อไม่ถือสาหรอก แต่ถ้าเป็นเรื่องไม่เคารพเขา… เธอโดนคุณพ่อดุแน่
“ถ้าเทียร์ดื้อกับคิระจัดการได้เลยนะ พ่ออนุญาต”
เดี๋ยวนะ… เมื่อกี้พ่อของเธอเรียกแทนตัวเองกับคิระว่า ‘พ่อ’ อย่างนั้นเหรอ สนิทกันไวมาก!
“ครับ”
“ชิ!”
“เป็นอะไรเทียร์” มาร์คินหันไปถามลูกสาว
“เปล๊า”
“เย็นนี้อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนนะคิระ แม่ของคาร์เทียร์เข้าครัวทำอาหารเองกับมือ เพราะได้ยินข่าวว่าคิระจะมาบ้าน”
“คือว่า…”
“อย่าปฏิเสธเลย ไหนๆพวกเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อน จะได้สนิทและคุ้นเคยกัน”
“ครับ” สุดท้ายเขาก็ไม่กล้าปฏิเสธคำชวนของมาร์คิน
พอคิระตอบตกลงจะอยู่ทานข้าวเย็นที่บ้านด้วย คุณหนูมาเฟียก็มีสีหน้าบูดบึ้งทันที ในใจไม่อยากให้ว่าที่สามีร่วมโต๊ะทานข้าว ทว่าก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
ขัดใจคนเป็นพ่อไม่ได้…