พิธีชำระล้างดำเนินไปด้วยดี น่าแปลกตรงที่เธอไม่เห็นคาดินันอาเชน่าอีกเลยนับตั้งแต่วันที่พบกันครั้งแรก เขาไม่ปรากฏตัวอีกเลยในระยะเวลาที่เธออยู่ที่นี่
"นับจากนี้เป็นต้นไปทางวิหารขอยืนยันว่าท่านหญิงเอลิซ่า คามิลคือผู้ที่ถึงพร้อมด้วยสติปัญญาและรูปโฉมที่งดงาม เป็นผู้ที่มีใจโอบอ้อมอารีและเฉลียวฉลาดสมกับเป็นคนในตระกูลคามิล"
เสียงตบมือดังกึกก้องขึ้นมาในงานพิธีแต่งตั้ง...เธอหันไปส่งยิ้มให้กับท่านพ่อที่ยืนอยู่ใกล้เธอมากกว่าใคร
"การไม่เจอลูกสองสัปดาห์ทำพ่อแทบคลั่ง และไม่ใช่พ่อแค่คนเดียวเพราะเจ้าเคนดี้เองก็ไม่ต่างกัน เราทุกคนคิดถึงลูกมากทีเดียว"
เอลิซ่ายกมือขึ้นมาเพื่อโอบกอดท่านพ่อที่ส่งยิ้มให้เธอ ถึงรู้ว่าความรักมากมายพวกนี้จะจางหายไปสักวัน แต่ทว่าเธอขอเวลาให้ได้เพ้อฝันอีกสักหน่อยก็ยังดี...
"ยินดีต้อนรับเข้าสู่คามิล อย่างเป็นทางการ จากนี้ลูกคือท่านหญิงคามิลผู้มีเกียรติและศักดิ์ศรี จำคำของพ่อไว้ให้มั่นอย่าได้ก้มหัวให้ใครเพราะว่าเจ้าคือคามิล.."
"ค่ะท่านพ่อ..หนูจะจดจำเอาไว้"
ที่งานนี้มีผู้คนมากมายเดินเข้ามากล่าวทักทายและแสดงความยินดีกับเธอ มีทั้งคนที่อยู่ในรูปวาดที่เธอนั่งจำตลอดสามเดือนเต็มและคนที่ไม่มีอยู่ในภาพวาด
งานนี้เธอคือเจ้าของงาน สิ่งที่เอลิซ่าเตรียมตัวมาอย่างดีอีกอย่างนั่นคือการเต้นรำ คนที่จะมาเป้นคู่เต้นรำให้เธอก็หนีไม่พ้นท่านพ่อที่ยืนจับมือของเธออยู่
"งานพิธีบรรลุนิติภาวะ พ่อเองก็จะเป็นคนแรกที่จับมือของลูกเต้นรำ.."
"ขอบคุณค่ะ"
"ฝันร้าย..มันจบลงแล้วลูกรัก ได้โปรดใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างมีความสุขด้วยเถอะนะ"
เธอได้แต่ส่งยิ้มจางๆกลับไปให้ท่านพ่อ
หนูจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างมีความสุขเองค่ะ วันไหนที่เจ้าของที่แท้จริงมาถึงหนูจะส่งคืนทุกสิ่งทุกอย่างโดยที่จะไม่เรียกร้องสิ่งใดจากท่านเลย
เพราะฉะนั้นก่อนจะถึงวันนั้น หนูจะเป็นลูกสาวที่ดีของท่านแกรนด์ดยุคเองนะคะ
ริมฝีปากบางหยักยิ้มขึ้นมาพร้อมกับมือน้อยๆที่บรรจงวางลงไปบนมือของแกรนด์ดยุคคามิล.. สายตาทุกคู่ในงานพิธีแต่งตั้งมองไปยังพ่อลูกตรงกลางเวทีเต้นรำเล็กๆ ราวกับว่าความอ่อนโยนของท่านแกรนด์ดยุคเปล่งแสงได้เลย เพราะมันมีบางอย่างค่อยๆปกคลุมท่านหญิงเอลิซ่าเอาไว้ ม่านพลังสีดำสนิทที่มองเห็นเฉพาะคนที่มีพลังเวท ท่านแกรนด์ดยุคกำลังมองหน้าของลูกสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเมตตาและกรุณา
นี่คือพิธีส่งมอบพลังเวทที่มีมาตั้งแต่โบราณ ไม่อยากจะเชื่อสายตาเช่นกันว่าท่านแกรนด์ดยุคจะเมตตาบุตรสาวบุญธรรมมากขนาดที่ส่งมอบพลังเวทของตัวเองให้
เอิร์ลลีอองได้แต่ตบมือเพื่อแสดงความยินดี เขารู้สึกได้ตั้งแต่เข้างานแล้วว่าท่านหญิงเอลิซ่านั้นเหมือนกับท่านผู้นั้นมากจริงๆโดยเฉพาะดวงตาสีฟ้าคู่นั้น
เหมือนกันจนแทบแยกไม่ออกเลย แต่ทว่าเขารู้สึกดีใจมากจริงๆเพราะว่าฮาซานทนเจ็บปวดมานานนับสิบปี ถึงที่มาของท่านหญิงจะไม่ชัดเจนแต่ทว่าอย่างน้อย ความเหมือนของเด็กหญิงผู้นั้นก็สามารถเยียวยาจิตใจที่เจ็บปวดของสหายของเขาได้เป็นอย่างดี ดูได้จากคฤหาสน์คามิลที่ไม่เคยจัดงานหรือว่าเชิญใครมาที่นี่มาเป็นระยะเวลาหลายสิบปี แต่วันนี้ประตูของคฤหาสน์ที่แสนหรูหราแห่งนี้เปิดเพื่อต้อนรับชนชั้นสูงมากมายที่มาร่วมแสดงความยินดี
งานนี้มิได้มีแม้แต่จดหมายเชิญแต่ชนชั้นสูงพวกนั้นก็เดินทางมาที่นี่ มองผิวเผินอาจจะเป็นการร่วมแสดงความยินดี แต่จริงๆแล้วทุกคนอาจจะอยากมาดูคามิลเท่านั้น มาดูแกรนด์ดยุคว่าเป็นอย่างไรและมาดูบุตรสาวบุญธรรมที่แกรนด์ดยุคปีศาจรับเลี้ยง...
อาจจะมีคนขององค์จักรพรรดิมาคอยสอดแนมรวมอยู่ในนั้น
ลีอองถอนหายใจเบาๆเขายกแก้วไวน์ขึ้นมาเพื่ร่วมยินดีกับฮาซาน
"วันนี้เจ้ายิ้มมากกว่าทุกวัน..."
"อ่า..แน่นอนลีออง ถ้าเจ้ามีลูกสาวที่น่ารักเช่นเดียวกันกับข้า เจ้าเองก็จะยิ้มเยอะๆเช่นนี้เหมือนกัน"
"เช่นนั้นข้าคือผู้โชคร้ายมีลูกชายที่วันๆเอาแต่เย็นชาใส่ข้าสินะ"
ฮาซานยกมือขึ้นมาเสยผมสีทองของเขาขึ้นไปอย่างลวกๆ เขามองเอลิซ่าในยามนี้ที่กำลังเต้นรำกับลูกชายของลีอองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู
"ทั้งสองดูเหมาะสม"
ลีอองกล่าวพร้อมกับเทไวน์ใส่แก้วให้สหาย
"อย่าแม้แต่จะคิดลีออง เอลิซ่ายังเด็ก.."
ลีอองหัวเราะ
"นี่ฮาซาน ข้าจะบอกให้ว่าเจ้าในยามนี้ดูเหมือนตาแก่ไว้หนวดที่ทำท่าทางหวงลูกสาว เอลิซ่านั้นจะต้องเติบโตขึ้นและนางเมื่อถึงวัยสาวสะพรั่งจะต้องงดงามจับสายตามากแน่ๆ แทนที่จะมาคอยรำคาญใจเกี่ยวกับเหลือบไรพวกนั้นที่จะมาคอยรังควานลูกสาวของเจ้า สู้ให้นางหมั้นกับเลเซนลูกชายของข้าดีกว่า"
ฮาซานขมวดคิ้ว
"ความรักมันสวยงามลีออง นั่นเป็นสิ่งที่ข้าตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่มีทางบังคับให้นางแต่งงานเด็ดขาด นางควรจะได้พบเจอกับความรักที่ดี มากกว่าการแต่งงานทางการเมือง คามิลมิได้ต้องการอำนาจอะไรที่มันมากไปกว่านี้อยู่แล้ว ถ้าอยากได้นางเป็นลูกสะใภ้เจ้าควรจะไปเคี่ยวเข็ญลูกชายของเจ้าดีกว่า"
ลีอองยกยิ้มพร้อมกับจิบไวน์ในแก้วแล้วมองไปที่เอลิซ่าด้วยสายตาเปล่งประกาย
"พูดแล้วนะฮาซาน อีกหกปีข้าจะให้เลเซนมาสู่ขอเอลิซ่าก็แล้วกัน"
ฮาซานยักไหล่ขึ้นมา
"หากลูกชายของเจ้ามีความสามารถขนาดที่จะทำให้เอลิซ่าหวั่นไหวล่ะก็ เรื่องนั้นข้าก็จะไม่คิดขัดขวางหรอกนะ"
เสียงไวโอลินขึ้นขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนจังหวะของเพลงที่เต้นช้าลง ตอนนี้ในฟอล์อเต้นรำมีผู้คนมากมาย และเด็กชายเบื้องหน้าของเธอนี้เขากำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาที่เย็นชาสุดๆไปเลย เอลิซ่าทำได้เพียงส่งยิ้มให้เขา เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร รู้เพียงแต่ว่าท่านเอิร์ลลามอนซ์จูงเขาเข้ามาแนะนำกับเธอว่าเขาชื่อเลเซน
"ข้า..มิรู้ว่าจะต้องเริ่มต้นการสนทนาอย่างไรดี ถึงจะสามารถคลายความอึดอัดระหว่างเราได้"
น้ำเสียงนั้นใสกังวานราวกับเสียงของเครื่องดนตรี เพียงแค่เห็นหน้านางในครั้งแรก เลเซนก็พยายามอย่างยิ่งที่เขาจะเก็บซ่อนความเขินอายเอาไว้ เรือนผมสีชมพูนั่นทำให้นางดูน่ารักราวกับนางฟ้าตัวน้อยๆ ดวงตากลมโตจ้องมองเขาตลอดเวลานั่นยิ่งจะทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก
เขาเฝ้าถามตัวเองตลอดว่านี่คือมนุษย์อย่างนั้นหรือ เหตุใดนางถึงได้งดงามเพียงนั้นผิวกายที่ขาวราวกับหิมะนี่ มันนุ่มลื่นจนเขากังวลว่ามือที่หยาบกร้านเพราะการจับดาบของเขาจะทำให้นางเจ็บ เขาจึงมิกล้าสัมผัสลงไปบนผิวของนางแรงจนเกินไป
"ข้าเลเซน ท่านพ่อกล่าวว่าเจ้าจะไปสอบที่อคาเด็มมี่ เราอาจจะ..อาจจะได้เจอกันที่นั่น"
อะไรของเขากันนะ ท่าทีที่เย็นชาเช่นนี้ ไม่ชอบหน้าเธออย่างนั้นหรือ บางทีเขาอาจจะอยากไปวิ่งเล่นกับสหายแทนที่จะมาเต้นรำกับสตรีเช่นนี้...
เอลิซ่าจึงภาวนาให้เพลงนี้จบลงโดยไวเธอไม่อยากให้เลเซนจะต้องอึดอัดเมื่ออยู่กับเธอ ในขณะที่เลเซนภาวนาให้เวลาเดินช้าๆเพราะเขาอยากจะอยู่กับนางฟ้าตัวน้อยให้นานกว่านี้อีกหน่อย...