บทที่ 3
"พี่ว่าช่วงนี้นายดวงตก ให้แทรกทริปทำบุญสะเดาะเคราะห์ไหม"
ยามเช้าผม พี่แอล และพี่โน ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูรั้วบ้านที่เปิดกว้างเพื่อเตรียมเอารถออกไปเที่ยวทะเล
พี่แอลมองตรงไปยังบ้านตรงข้าม กลุ่มคนคุ้นหน้าคุ้นตาโผล่เด่นหราอยู่หลังประตูรั้ว
"เออ คือ..." ผมเองก็ปฏิเสธข้อเสนอนี้ลำบาก เมื่อตรงหน้าผมดันเป็นคู่กรณี และกลุ่มเพื่อนผมครบครัน คนพวกนั้นเองก็มองมาที่พวกผมอย่างตกใจพอ ๆ กัน
"สวัสดีครับ" กลุ่มผู้ชายยกมือไหว้พี่แอลอย่างพร้อมเพรียง พี่แอลไม่คิดทักทาย เธอสะบัดหน้าเดินไปขึ้นรถทันที ท่าทางแสดงถึงความไม่เป็นมิตรอย่างชัดเจน
"คราวนี้ช่วยต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมายุ่งกันตามที่พูดไว้ด้วยละ" พี่โนพูดเสียงเรียบ สายตามองกลุ่มคนบ้านตรงข้ามเป็นเชิงเตือน และขึ้นรถไป ทิ้งให้ผมเป็นคนปิดประตูเผชิญหน้าสายตาอันอึดอัดของพวกนั้น
"เออคือ...เที่ยวให้สนุกนะ" ผมรีบปิดประตูรั้ว และโดดขึ้นรถทันที
"ดวงนายนี่เป็นยังไง ยิ่งหนียิ่งเจอ...ลองอยากเจอบ้างไหมเผื่อจะไม่เจอ" พี่แอลเหล่ตามองผม ผมทำได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ ไปให้พี่สาว
"ถ้าดวงมันจะเจอ คิดแบบไหนมันก็เจอ..." พี่โนพูดขึ้นมาจากเบาะหลัง ก่อนจะส่งโทรศัพท์ให้ผมนำมันไปวางที่ที่ตั้งโทรศัพท์หน้ารถ
ในจอมือถือปรากฏแผนที่ที่มีปลายทางเตรียมไว้แล้ว
"วัดใกล้ ๆ ไปสะเดาะเคราะห์ให้อาร์ตกัน"
"ผมดวงดีที่สุดแล้ว พวกพี่อย่ามาใส่ร้ายดวงผม ไปทะเลนั่นแหละ..."
เพื่อพิสูจน์ว่าดวงผมดีที่สุด ผมเปลี่ยนปลายทางเป็นหาดหัวหิน และเอาโทรศัพท์ไปเสียบที่ตั้งมือถือหน้ารถทันที
"ถ้ายังไปเจอเรื่องไม่ดีอีก ก็ต้องรวมดวงพวกพี่ด้วย โทษผมคนเดียวไม่ได้"
พี่แอล และพี่โนไม่ได้ออกความเห็นอะไร รถจิ๊บสีส้มแวะซื้อข้าวเช้า และเตรียมตัวปิกนิกกันที่ชายหาด
พี่แอลจอดรถใกล้ห้องน้ำสาธารณะเพื่อความสะดวกในการล้างตัว พวกผมแยกย้ายกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เสื้อผ้าพี่แอลผมเดาไม่ยากว่าเป็นชุดอะไร ส่วนของพี่โนผมเดาว่าคงเป็นเสื้อยืด กางเกงขาสั้นแน่นอน
เนื่องจากระยะเวลาที่ต่างกันในการเปลี่ยนชุด ผมเลยโดนสั่งให้ไปปูเสื่อจองที่ โดยได้เงื่อนไขมาสองข้อคือ เน้นที่ร่ม และเอาที่แห้ง เมื่อหาที่เจอแล้วผมก็ส่งพิกัดเข้าไปในไลน์กลุ่มที่พี่แอลตั้งไว้สำหรับทริปนี้
ไม่นานสติ๊กเกอร์โอเคส่งกลับมาเป็นการบอกรับรู้
สักพักพี่แอลก็เดินมาพร้อมชุดบีกินี่ทูพีชสีพีช ที่ไม่เด่นเท่าผมสีส้มที่สู้แสงจนเปล่งประกาย พี่โนใส่เสื้อตัวบางขนาดใหญ่ที่เห็นสีชุดว่ายน้ำสีน้ำเงินวับ ๆ แวม ๆ และกางเกงว่ายน้ำสามส่วน ถือว่าผิดคาด แต่ผมชอบมองการแต่งตัวของพี่โนมากกว่าพี่แอลเสียอีก อาจจะเป็นเพราะกับพี่แอลเห็นจนเบื่อแล้วก็ได้
ตุบ
บอลชายหาดโดนโยนใส่หน้าผมอย่างแรง พร้อมเสียงเริงร่าของคนเป็นพี่
“อาร์ตวางของไว้ตรงนั้นแล้วไปเล่นน้ำกันเถอะ”
ด้วยความที่พวกผมมากันเช้ามาก ทำให้มีคนเบาบาง ถึงแม้การวางของไว้ไม่มีคนเฝ้าจะเป็นความคิดที่แย่ แต่ตรงจุดที่ผมจองไว้ก็สามารถมองเห็นจากในน้ำได้อย่างสะดวก
แต่ทำไมผมถึงต้องโดนบอลอัดหน้าด้วยละ
“พี่แอลชุดพี่เหมือนไอติม 5 บาทแถวบ้านเลย” ผมแซะเรื่องชุดยั่วโมโหพี่สาวตัวเอง (อย่าทำตามนะทุกคน)
พี่แอลตะโกนด่าผมทันที มหกรรมวิ่งไล่จับเกิดขึ้นริมหาด เด็กสองคนทะเลาะกันภายใต้การเลี้ยงดูของพี่โน (?)
“ไอ้อาร์ต กลับมานี่เลยนะ นายรู้ไหมว่าพี่ลงทุนกับชุดนี้แค่ไหน ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้!” เสียงโวยวายดังไล่หลังอย่างกระชั้นชิด ทำให้ผมนึกเรื่องสำคัญได้
ถึงแม้ผมจะเป็นนักบาส...แต่พี่สาวผมเป็นนั่งวิ่งเหรียญทอง พวกผมวิ่งกันแบบไม่มีใครยอมใครเลย...ผมยอมผมก็โดนซัดสิ
“แอล อาร์ต...น้ำ”
พี่โนนั้นนอกจากไม่ห้ามแล้ว ยังสนับสนุน ขวดน้ำขนาดเล็กถูกส่งมาให้หลังจากพวกผมวิ่งวนไปมาได้สักพัก
“พี่แอลพี่ยังไม่เหนื่อยอีกเหรอ” ผมตั้งท่าเตรียมสตาร์ทตัววิ่งอีกรอบ เมื่อพี่แอลมีทีท่าจะกระทืบผมอีกครั้ง
“งั้นฉันไปเล่นน้ำก่อนนะ” พี่โนไม่คิดจะเลี้ยงดูพวกผมต่อแล้ว พี่แกเดินลงน้ำโดยไม่รอพวกผมเลย
“โนรอเราด้วย พี่ติดไว้ก่อนนะอาร์ตไปเล่นน้ำกันได้แล้ว” พี่แอลไม่คิดจะไล่ผมต่อ
กลุ่มของพวกผมเล่นน้ำกันตามประสาวัยรุ่นแสนโสด ก่อนที่ช่วงสายพี่แอลจะขอแยกไปอาบแดดที่เสื่อ เพื่อเฝ้าของ ดูเหมือนการอาบแดดจะเป็นเพียงข้ออ้าง เพราะสายตาของพี่สาวสุดแสบของผมนั้นต่างมองหนุ่ม ๆ ที่เดินผ่านไปมาตาเป็นมัน
“อาร์ตจะเล่นต่อไหม พี่จะไปเล่นตรงนู้น” พี่โนถามผม และชี้มือไปที่ไกลจากหาด ดูเหมือนพี่โนเองก็อยากไปลึกกว่านี้ ในมือของพี่โนมีห่วงยางสีดำ ท่าทางอีกฝ่ายพร้อมลุยเต็มที่
“มันไกลไปนะพี่โน เล่นแถวนี้ดีกว่านะ” พี่โนดูไม่เห็นด้วยกับคำพูดผม แต่ก็ยอมพยักหน้าและเดินลุยน้ำไปตรงจุดที่เริ่มมีคลื่นสูง ไม่ไกลจากชายหาดมากนัก เพื่อให้คลื่นพัดตัวเข้าฝั่งแต่เพียงไม่กี่คลื่นห่วงยางก็ติดทรายซะแล้ว ดูเหมือนพี่โนแค่อยากลอยตามคลื่น แต่แถวนี้มันตื้นเกินไปที่จะเล่นแบบนั้น
“...พี่โนไปแถวนั้นก็ได้ แต่ระวังด้วยนะฮะ” เมื่อผมอนุญาตคนยิ้มยากก็ยิ้มร่า และว่ายออกไปทันที ทิ้งให้ผมยืนนิ่งอยู่แบบนั้น
ผมหลุดหัวเราะออกมาดูเหมือนคนที่ดูโตที่สุดในกลุ่มก็มีความเป็นเด็กอยู่ในตัวเหมือนกัน
ผมนั่งก่อทรายแถวนั้นคอยมองพี่โน และพี่แอลสลับกันเป็นระยะ ถึงแม้ผมจะอายุน้อยสุด แต่ผมก็เป็นผู้ชาย ผมต้องคอยดูแลสาว ๆ ด้วย
พี่แอลยังคงนอนล่อเหยื่อเป็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่รอแมลงลงกระเปาะด้วยความมุ่งมั่นว่าฉันต้องได้อย่างแรงกล้า ส่วนพี่โนก็ว่ายน้ำไปเรื่อย ๆ และหยุดเป็นพัก ๆ เพื่อให้คลื่นพากลับฝั่ง ผมรู้สึกว่าพี่โนเริ่มออกไปไกลจากจุดเริ่มต้นพาสมควร ผมส่งสัญญาณมือให้พี่โนไม่ออกไปไกลกว่านี้ แต่พี่เขาดูจะไม่เห็นผมเลย
ผมตัดสินใจที่จะว่ายออกไปตามพี่โนกลับมา
“...อาร์ต”
...ผมว่าผมควรทำบุญสะเดาะเคราะห์ตามที่พี่ ๆ เขาว่าจริง ๆ ซะแล้ว
ผมหันไปหาคนคุ้นตาที่ถือเป็นอดีตแฟนของผม
“...ครับ”
“...แพรวอยากคุยกับอาร์ต...แพรวขอคุยด้วยได้ไหม” ผมมองไปหาพี่โน พี่เขาดูออกไปไกลเรื่อย ๆ จนผมเริ่มใจไม่ดีแล้ว
“คราวหน้านะแพรว อาร์ตต้องไปตามพี่ของอาร์ตก่อน” ผมปฏิเสธและเตรียมวิ่งลงน้ำ แต่แขนผมกลับโดนดึงไว้
“แพรวขอเวลาไม่นาน ไม่นานเลย” แพรวมองผมอย่างเว้าวอน สายตาที่ไม่ว่าผมเห็นเมื่อไหร่ผมก็จะยอมเสมอ...ครั้งนี้ก็เช่นกัน
“ว่ามาสิ” ผมยืนนิ่ง รอคนตัวเล็กตรงหน้าพูดกับผม
“...เราขอโทษที่นอกกายอาร์ต...เราเหงา...เราเผลอตัวไปกับสตางค์ แต่เราไม่เคยรักสตางค์เลยนะ” แพรวบอกผมด้วยน้ำเสียงสั่นเทา คนตัวเล็กก้มหน้ามองพื้น
ผมว่าผมเห็นน้ำตาแพรวร่วงลงมาบนทรายด้วย
“แล้วแพรวมาบอกอาร์ตทำไม แพรวอยากกลับมาหาอาร์ตเหรอ” ผมถามออกไปตรง ๆ แพรวนิ่งไปและพยักหน้ารับ
“...แพรวอยากกลับไปหาอาร์ต...แพรวรู้ว่าทุกอย่างที่แพรวทำมันผิด...และอาร์ตคงไม่ยกโทษให้แพรวง่าย ๆ ...แพรวเลยเลือกสตางค์ไปในวันนั้น...แต่อาร์ตไม่รักแพรวแบบเดิมก็ได้...แพรวขอเป็นเพื่อนอาร์ตได้ไหม” ร่างเล็กตรงหน้าผมยกมือขึ้นปิดหน้าดูเหมือนจะร้องไห้จริง ๆ
“...แพรวจำวันที่อาร์ตรู้ความจริงได้ไหม...” ผมรอให้ร่างเล็กพยักหน้ารับ
“...อาร์ตบอกแพรวว่าอาร์ตรับได้ ถ้าแพรวอยากเก็บลูกไว้อาร์ตก็พร้อมช่วยดูแล...ตอนนั้นอาร์ตคิดถึงแต่ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน มันไม่ใช่การแสดงอาร์ตรักแพรว...แพรวรักอาร์ต...นั่นคือเรื่องจริง อาร์ตเลยพร้อมที่จะรักแพรวต่อ แต่แพรวเลือกสตางค์ ในวันนั้นคนที่แพรวจูงออกจากร้านไม่ใช่อาร์ต...ถ้าตอนนั้นแพรวเลือกที่จะอยู่กับอาร์ตต่อ อาร์ตก็พร้อมที่จะรับผิดชอบถึงแม้ม๊ากับพี่แอลจะต่อต้านก็ตาม...” ผมมองร่างเล็กที่ร้องไห้จนตัวสั่น
“...แต่อาร์ตในตอนนี้คงเลือกแพรวไม่ได้แล้วล่ะ เพราะอาร์ตคงไม่เลือกคนที่จับมือคนอื่นทั้งที่ไม่ได้รักไม่ได้หรอก...ถ้าแพรวยังอยากเป็นเพื่อน ก็อย่างที่พี่ของอาร์ตเคยบอก เพื่อนกันเขาไม่ทำกันอย่างนี้”
แพรวปล่อยโฮออกมาต่อหน้าผม ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงดึงคนตรงหน้ามากอดปลอบ พูดคำหวานให้อีกฝ่ายสบายใจ เช็ดน้ำตาที่ไหลเปรอะใบหน้าที่น่ารักนั่น แต่ตอนนี้ผมทำได้เพียงมองเท่านั้นเพราะสิทธิ์นั้นไม่ใช่ของผมแล้ว และผมก็ไม่ต้องการสิทธิ์นั้นอีก
“แพรวไปหาเพื่อนแพรวเถอะนะ คนพวกนั้นคงพร้อมปลอบแพรวมากกว่าอาร์ต อาร์ตไปตามพี่ของอาร์ตก่อน” ผมปล่อยให้แพรวยืนอยู่ตรงนั้น ถึงแม้เรื่องสะเทือนใจมันไม่เหมาะกับคนท้อง แต่ผมก็ไม่คิดที่จะใจอ่อนกับอีกฝ่ายแล้ว ผมใจอ่อนมามากไปแล้ว
ผมว่ายออกไปหาพี่โนที่เล่นน้ำอยู่ไกล ๆ พี่โนเกาะเชือกกั้นเขตมองเรือที่ลอยกลางทะเลอยู่
“คุยกันเสร็จแล้วเหรอ” พี่โนหันมาคุยกับผม
“พี่เห็นเหรอ” ผมว่ายไปเกาะห่วงยางของพี่โน
“เห็นแค่จุดสองจุด จากดวงของอาร์ตแล้วพี่เดาได้ไม่ยากว่าเป็นใคร”
...เซ้นส์พี่โนนี่ดีจริง ๆ
“คุยกันเสร็จแล้ว ผมบอกไปแล้วว่าผมกลับมามองแพรวแบบเดิมไม่ได้แล้ว และเราคงเป็นเพื่อนกันไม่ได้แล้วด้วย” ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พี่โนฟังอีกรอบ พี่โนมองหน้าผมนิ่ง
“เสียใจไหม” ผมส่ายหน้ากับคำถามนี้
“ตอนนี้ผมรู้สึกสบายใจมากกว่าอีก ผมพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่แล้วละ...พี่โน พี่มาไกลไปแล้วนะ” ผมเปลี่ยนเรื่อง พี่โนมองผมอย่างไม่เข้าใจ
“พี่ก็ไม่ได้ไกลเกินสายกั้นเขตนี่ ไกลของพวกเรามันไม่เท่ากัน”
"พี่โนผมเป็นห่วงนะ ถ้าคลื่นซัดไปไกลจะทำยังไง" พี่โนยกยิ้มให้ผมเป็นเชิงบอกให้ผมไม่ต้องกังวล
"พี่ยังไม่ได้คิด เดี๋ยวคิดออกแล้วพี่ค่อยบอกนะ...ยัยหนูนั่นไปยัง เราจะได้เข้าฝั่งกัน" นอกจากได้คำตอบแบบไม่สนใจความห่วงใยของผมแล้ว พี่โนยังเปลี่ยนเรื่องให้ผมด้วย
ผมหันไปมองที่ชายหาด แพรวไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว ผมเลยเกาะห่วงยางของพี่โนให้คลื่นซัดเข้าฝั่งไปกับพี่โนที่นอนพาดอยู่บนห่วงยางสีดำนั้น
เมื่อถึงพื้นทรายชายหาด พวกผมสองพี่น้องก็มองไปที่พี่แอล ดูเหมือนในระยะเวลาอันสั้นพี่แอลจะตกหนุ่มได้แล้ว 2 คน ทุกคนต่างนั่งคุยกันอย่างสนุกสนานบนเสื่อของพวกผม
"น้องชายกับเพื่อนเรากลับมาพอดี นั่นอาร์ตกับโน ส่วนสองคนนี้ชื่อเอกับบี" ผมยกมือไหว้ทั้งสอง ก่อนจะค้นเสื้อแห้งที่เตรียมไว้ออกมาเพื่อไปเปลี่ยนในห้องน้ำ ผมกำลังชวนคนข้างกายไปด้วยกันแต่พี่โนกลับหายไปแล้ว
ผมมองหาพี่โนทันที และเห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยกำลังว่ายไปทางเส้นแบ่งเขตอีกครั้ง
"พี่โนไปตอนไหน" ผมหันไปถามพี่แอลที่กำลังคุยกับหนุ่มทั้งสองอย่างออกรสชาติ
"ก็ตอนอาร์ตค้นกระเป๋านั่นแหละ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไป เที่ยงนู้นโนถึงจะเลิกเล่น" พี่แอลโบกมือไล่ผมไม่ให้ขัดขวางเวลาความสุขของเธอ
ผมมองพี่ทั้งสองสลับไปมาสุดท้ายผมก็ตัดสินใจไปเล่นน้ำกับพี่โนต่อ ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าการไปตำแหน่งน้ำลึกเพื่อให้คลื่นพัดเข้าฝั่งมันน่าสนุกตรงไหนก็ตาม แต่มันก็เพลินดี
พี่โนกับผมผลัดกันใช้ห่วงยางเพื่อเล่นสนุก พวกผมใช้เวลาร่วมกันตลอดสาย จนท้องเริ่มส่งเสียงบอกเวลาอาหารเที่ยง พี่โนถึงยอมขึ้นจากทะเล
"เอกับบีแนะนำร้านอาหารกับแหล่งเที่ยวแถวนี้มา เราเปลี่ยนทริปช่วงบ่ายสักหน่อยเนอะ" พี่แอลเอ่ยชวนขณะเก็บของขึ้นรถ ผม และพี่โนพยักหน้ารับ ตัวผมเองยังไม่รู้เลยว่าบ่ายนี้วางแผนจะไปไหนกัน ผมเลยไม่ได้ตั้งตารอที่ไหนเป็นพิเศษอยู่แล้ว
"เราจะไปไหนกัน" พี่โนถามขึ้นบนรถ ผมส่องกระจกมองหลังเห็นพี่โนพยายามล้วงมือไปหยิบขนมที่เบาะหลังออกมากินแก้หิว
"ไปหาร้านอาหารติดแอร์กินข้าวเที่ยงกันก่อน แล้วเราไปตะลุยเช็คอินคาเฟ่ดังกัน ช่วงบ่ายมันร้อน มุ่งแอร์ดีกว่า"
"บนรถก็แอร์นะพี่แอล"
ป้าบ
หัวผมโดนตบไปที ไม่ใช่เบา ๆ เลยนะ
ผมมองค้อนพี่แอล แต่ดูเหมือนพี่สาวผมไม่คิดสนใจผมมากนัก
"ตามนั้นแหละ...เจอร้านแล้ว"
ก่อนพี่ผมจะเริ่มเปิดศึกกับพี่แอล รถก็จอดพอดีทำให้ผมต้องเก็บเรื่องครั้งนี้ไว้ในบัญชีแค้นที่รอการชำระ
ผมว่าบัญชีแค้นของผมมีชื่อพี่แอลเป็นหางว่าวเลยล่ะ
เมื่อผมลงรถผมก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างในตัวพี่โน
"พี่โนขาพี่เลือดออก!"
พี่โนหันมามองหน้าผมก่อนจะก้มลงไปมองขาด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน
“เดี๋ยวก็หาย”
นอกจากไม่สนใจท่าทางตกใจของผมแล้ว พี่โนยังเดินต่อไป ขาพี่โนมีรอยแดงเป็นทางยาว มีบางจุดที่เลือดซึมออกมา
“อย่างน้อยพี่ก็ต้องห้ามเลือดก่อนนะ” ผมค้นผ้าขนหนูที่เอาไว้เช็ดผมบนรถวิ่งตามพี่โนเข้าร้านไป
พี่โนนั่งโต๊ะริมกระจกที่เห็นวิวทะเลที่สวยงาม ตำแหน่งที่พี่โนเลือกเก้าอี้เป็นเก้าอี้ยาว ผมแทรกตัวนั่งข้างพี่โนและจับขาพี่โนขึ้นมาพาดตักทันที
“เดี๋ยวมันก็หาย จะตกใจอะไรขนาดนั้น” พี่โนพูดกับผมด้วยเสียงเบื่อหน่าย
ผมไม่สนใจคำพูดพี่โน ผมเอาผ้าขนหนูเช็ดเลือดและกดแผลตำแหน่งที่มีเลือดซึมออกมาไว้แน่น กล่องปฐมพยาบาลถูกวางลงบนโต๊ะ
“โนเจ็บตัวบ่อยอยู่แล้วเดี๋ยวนายก็ชิน” น้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนดังขึ้นจากคนที่ควรห่วงพี่โนมากที่สุด
พี่แอลไปนั่งตรงข้ามพวกผม สีหน้าท่าทางดูนิ่งเฉยจนผิดจากคนรักเพื่อน
“เรื่องนี้ไม่ควรชินนะฮะ” ผมแย้งอย่างไม่เห็นด้วย ผมรื้ออุปกรณ์ทำแผลออกมาวางบนโต๊ะ
“แล้วพี่โนเป็นแผลตอนไหน”
“น่าจะตอนลงน้ำรอบสอง”
“แล้วพี่ยังจะลงไปเล่นอีก ถ้าแผลติดเชื้อขึ้นมาจะทำยังไง น้ำทะเลเป็นเกลือด้วย ไม่แสบหรือยังไงฮะ” ผมอดไม่ได้ที่จะบ่นคนแก่กว่า พี่โนพิงหลังกับกระจกร้าน มองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ
“ก็พี่มาเพื่อเล่นสนุก ถ้าการเป็นแผลทำให้พี่ไม่สนุก พี่ก็แค่ไม่ต้องสนใจมัน”
มันก็ถูกของพี่โน...แต่มันไม่ถูกต้องกับทักษะการใช้ชีวิต
ผมมองหน้าพี่แอลที่พยักหน้ารับคำพูดนี้ราวกับเป็นเรื่องปกติ
“มันไม่ได้ไหมล่ะ”
ผมเริ่มปวดหัวกับตรรกะของพวกพี่ ๆ แล้ว
ผมใช้แอลกอฮอล์ล้างแผล พยายามทำให้เบามือที่สุด พี่แอลหันไปสั่งอาหาร ขณะที่พี่โนหยิบมือถือขึ้นมาเล่น ถึงผมจะทำแผลเสร็จแล้วพี่แกก็ขี้เกียจเกินกว่าจะขยับตัวไปนั่งดี ๆ ทำให้ขาพี่โนพาดตักผมจนอาหารมาเสิร์ฟเลยทีเดียว
พวกผมกินอาหารกันพร้อมคุยเรื่องสถานที่เที่ยวต่อจากนี้ ถึงแม้แผนมุ่งที่แอร์ของพี่แอลจะน่าสนใจ แต่การไปแต่ละที่ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายต่อร้าน กระเป๋าเงินได้แฟบกันก่อนพอดี
พวกผมตกลงกันไปคาเฟ่แถวทะเลหัวหินที่ขึ้นชื่อเรื่องไอศกรีมโฮมเมด เพราะพี่โนอยากลองกิน
เมื่อจ่ายเงินค่าอาหารเรียบร้อย พี่แอลก็ขับรถพาพวกผมมาถึงที่หมาย ร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาวดูสบายตา เหมาะกับการมาพักผ่อนหย่อนใจมาก ถ้าไม่ใช่...กลุ่มเพื่อนผมนั่งเล่นหลบแดดอยู่ในคาเฟ่
“จะไปวัดไหนหาตำแหน่งมาให้พี่ด้วยละ” พี่แอลพูดกับผมและเดินไปสั่งของหวานกับพี่โน ทิ้งให้ผมยืนจ้องตากับกลุ่มเพื่อนตัวเอง บรรยากาศครึกครื้นที่ควรเป็นกลายเป็นความเงียบจนพี่พนักงานยังมองอย่างสงสัย
ผมสบตากับสตางค์ และแพรวที่นั่งอยู่ข้างกัน สตางค์ยกยิ้มทักทายผม และยกมือโอบรอบไหล่เล็กของแพรว เป็นการย้ำเตือนสถานะของผม
แต่ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอะไรกับท่าทางเหล่านั้นแล้ว
ผมยิ้มโบกมือทักทายกลุ่มเพื่อน และเดินไปแย่งเมนูจากพี่แอลมาสั่งของผมเพิ่ม ดูเหมือนสาว ๆ ที่มากับผมจะชอบกินของหวานมากกว่าข้าวเสียอีก เกือบทุกเมนูของหวานโดนเช็คหมดเลย
“พวกพี่ซ้อมเป็นหมูเหรอ”
ผมรีบหลบมือพี่แอลที่ยื่นเข้ามาตบหัวผมทันที
“ก็เอาออกเท่าที่กินสิ หาดก็อยู่ใกล้ ๆ ก็ไปเล่นน้ำ ถ้ามัวแต่ระวังจะได้ลองเมื่อไหร่” พี่แอลโวยวายใส่ผม เมื่อประทุษร้ายหัวผมไม่ได้ แข้งผมจึงกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของพี่แกแทน
ความเจ็บร้าวจากหน้าแข้งแล่นไปทั่วตัวของผมโดยไม่ทันตั้งตัว ผมเลยยื่นมือไปหยิกหน้าขาของพี่สาวเป็นการเอาคืน และศึกระหว่างพี่น้องก็ยาวนานจนอาหารมาเสิร์ฟ
ความสวยงาม และสีสันที่เรียกน้ำย่อยทำให้พวกผมสองพี่น้องผละออกจากกัน มีทั้งเฟรนช์โทสต์นูเทลล่า ไอศกรีมแซนวิช เมนูน้ำคนละแก้ว และอีกมากมายจนโต๊ะพวกผมเต็ม
แต่พวกผมก็ช่วยกันกินจนบนโต๊ะเหลือของไม่กี่อย่าง ขนมหวานตรงหน้ารสชาติดี เหมาะสำหรับกินชิล ๆ เอาบรรยากาศริมทะเล แต่พวกผมมาเพื่อกินทำให้ความชิลที่ควรเป็นหายไป พี่พนักงานดูชอบใจกลุ่มผมเป็นอย่างมาก เขาแอบแถมไอติมให้คนละก้อนด้วยแหละ
“กินตะกละกันชะมัด”
“มีเสียงสัตว์ลอยมาจากไหนน่ะ”
ผมยังไม่ทันประมวลผลเสียงที่ลอยมา พี่แอลก็พูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ผมจะได้ทำอะไร คำพูดนั้นของพี่แอลทำให้คนกลุ่มใหญ่เงียบเสียงลงทันที
พี่โนนั่งกอดอก สายตามองไปยังกลุ่มด้านหลังผมอย่างหงุดหงิด ดูเหมือนจะมีคนปากหาเรื่องซะแล้ว
“พวกพี่ด่าผมเหรอ” สตางค์ลุกขึ้นมาหาเรื่องพี่แอลทันที
“พี่พูดถึงเสียงนก” พี่แอลทำหน้าใสซื่อ มองสตางค์ที่เดินมาข้างโต๊ะแบบไม่เข้าใจท่าทางเอาเรื่องของสตางค์
“จะเป็นพ่อคนแล้ว โตได้แค่นี้เองเหรอ” พี่โนพูดขึ้นทำให้สตางค์เปลี่ยนเป้าหมายทันที
“มันเกี่ยวอะไรกับพี่” พี่โนไม่คิดสนใจสตางค์ แต่มองไปที่กลุ่มคนที่ยังคงนั่งอยู่
“เอาคนแบบนี้เข้ามาในชีวิตน่ะ คิดดี ๆ” พี่โนหยิบแก้วน้ำขึ้นมากินอย่างสบายอารมณ์ไม่คิดสนใจสตางค์เลยแม้แต่น้อย
ผมว่าถ้าในร้านมีคนน้อยกว่านี้ สตางค์คงลงไม้ลงมือกับพี่ ๆ ของผมแน่ ๆ
สตางค์เดินกลับไปนั่งที่ด้วยความหงุดหงิด ผมนั่งหันหลังให้พวกนั้นอยู่ผมไม่รู้หรอกว่าพวกนั้นทำอะไรกันอยู่
เมื่อสถานการณ์สงบลงผม พี่แอล และพี่โนก็สนใจอาหารตรงหน้าต่อ วันนี้ค่าน้ำตาลผมต้องเพิ่มแน่ ๆ
พอกินเสร็จพวกเราก็เดินไปวัดแถวหาดตะเกียบเพื่อมาสะเดาะเคราะห์ตามความสบายใจของพี่สาว แต่ดูเหมือนจะไม่ได้มีพวกผมที่คิดแบบนั้น ด้านหลังพวกผมก็มีกลุ่มเพื่อนหน้าคุ้นตาเดินตามกันมาติด ๆ
“อาร์ตดวงนายนี่ของจริง” พี่แอลเอ่ยชมผมด้วยใจจริงเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มทริป
“ผมไม่รู้สึกดีใจกับคำชมนี้เลย แต่ก็ต้องขอบคุณที่ชม” ผมเอ่ยตอบพี่แอลไปอย่างกวน ๆ แต่พี่แอลดูจะพลังงานตกกว่าทุกที
“พี่แอลเป็นไร”
“เด็กในกลุ่มนั้นหน้าตาดีอยู่นะ ทำไมไปคบกับหมอนั่นด้วย ไม่งั้นพี่คงเป็นสาวฮอตในกลุ่มผู้ชายรวยแน่ ๆ”
ผมหรี่ตามองพี่ตัวเอง อยากบอกเหลือเกินว่าเพื่อนพวกนั้นกลัวพี่แอลยิ่งกว่าใคร พี่เขาถือเป็นของสูงที่ไม่ควรลบหลู่เลยทีเดียว
แต่ผมก็ปล่อยให้พี่ผมฝันต่อไป
“พี่โนเดินไหวไหม” ผมหันไปหาพี่อีกคนที่เดินอยู่อีกข้างของพี่แอล ผมยังไม่ลืมเรื่องแผลที่ขาของพี่โน
“ไหว แต่พี่ยังอยากกินไอติมอยู่เลย”
ดูเหมือนร้านเมื่อกี้คงถูกใจพี่โนอยู่ไม่น้อย ผมได้แต่ส่งยิ้มให้กำลังใจไปให้
พวกผมเดินมาถึงวัดเขาตะเกียบ พระพุทธรูปปางห้ามสมุทรตั้งเด่นหราเป็นสัญลักษณ์ว่าพวกผมมาถึงแล้ว
พวกผมเดินตามกระแสของนักท่องเที่ยว เพื่ออธิษฐานในสิ่งที่ต้องการ เมื่อพวกเราอธิษฐานจนพอใจเป้าหมายต่อไปคือกลับไปนอน...ใช่ไปนอน เพราะพวกผมตื่นเช้าเพื่อออกมาจองที่ ทำให้ตอนนี้พวกผมพร้อมจะไปเฝ้าพระอินทร์มาก
เมื่อถึงบ้านต่างคนต่างแยกย้ายพักผ่อนจนถึงตอนเย็นที่เสียงเพลงของบ้านตรงข้ามดังขึ้น ดูเหมือนพวกเขาจะจัดปาร์ตี้กัน ผมเดินงัวเงียเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ และเตรียมมื้อเย็น วันนี้พวกผมจะย่างบาร์บีคิวกินกันหน้าบ้าน เมื่อเดินออกไปพี่แอลได้เตรียมเตา และถ่านไว้พร้อมแล้ว แต่พี่โนกลับไม่อยู่ด้วย
“พี่โนล่ะฮะ” ผมถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“หมักหมูอยู่ไง ไม่เจอเหรอ” ผมหันไปดูที่ครัวเจอพี่โนใช้ซอสต่าง ๆ หมักเนื้อที่เตรียมไว้
“เดี๋ยวผมจุดเตาให้ พี่แอลไปช่วยพี่โนหมักหมูเถอะ” ผมแย่งหน้าที่พี่แอลมาทำ แน่นอนว่าพี่แอลเดินเข้าบ้านไปอย่างยินดี เสียงเพลงยังคงดังต่อเนื่องด้วยทำนองสนุกสนานจนผมนึกได้ว่าบ้านตรงข้ามนั้นเป็นของกลุ่มเพื่อนผม โชคดีที่รั้วนั้นประดับด้วยไม้สนตกแต่งทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูง
“จุดไฟเก่งนะเรา” พี่แอลเดินออกมาพร้อมเนื้อชิ้นหนา เพื่อเอามาทำสเต๊ก ผมยืดอกรับคำชมอย่างพอใจ
“จุดไฟเก่งน่ะดี แต่อย่าขยันจุดไฟเก่าละ” ผมมองค้อนพี่แอลทันที ถึงแม้ผมจะปล่อยวางได้แล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เจ็บนะ
“อย่างน้อยผมก็ยังมีไฟเก่าให้จุดนะ” ผมย้อนกลับไปด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ เห็นพี่แอลบ้าหนุ่มหล่อขนาดนี้ แต่พี่แกยังไม่เคยเป็นแฟนกับใครเลยสักคน
“ถ่านไฟเก่าใครเขาอยากมีกัน ต้องถ่านใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยโดนจุดสิ จุดทีจะได้พรึบพรับ”
บางทีผมก็ไม่รู้ว่าพี่แอลเอาความมั่นใจในตัวเองมาจากไหน
ผมหันไปลงหมูไม่คิดสนใจพี่สาวตัวเองอีก
“ขอให้มีโอกาสจุดนะพี่”