เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นตามเวลาท้องถิ่น แต่ก็ยังมีแขกเข้ามารับประทานอาหารกันอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย จึงทำให้ในร้านบรรยากาศแลดูวุ่นวาย พนักงานเดินกันขวักไขว่ผสมผสานกับเสียงคนคุยกันจ้อกแจ้กจอแจหาฟังไม่ได้ศัพท์ พนักงานในร้านต้องวิ่งกันหัวหมุนเพื่อรีบบริการแขกให้ทั่วถึง แต่ละคนมีสีหน้าเหน็ดเหนื่อยเพลียกาย ไม่เว้นกระทั่งผู้จัดการร้านต้องคอยมาช่วยรับออร์เดอร์แขก ในใจพนักงานหลายคนอยากหมุนเข็มนาฬิกาให้ถึงสองทุ่มเร็ว ๆ จะได้หยุดทำงานเสียที
“เดี๋ยวฉันจะไปช่วยรับออร์เดอร์แขกโต๊ะนั้นก่อนนะ”
คุณเจมส์บอกลูกน้องที่กำลังสาละวนอยู่กับการรับออร์เดอร์แขกหลายโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้าไปหาแขกโต๊ะใหม่ที่พนักงานต้อนรับเพิ่งพาเข้ามานั่ง
“รับอะไรดีครับ”
คำถามเป็นภาษาอังกฤษดังขึ้น ในขณะที่คนถามก้มหน้าควักปากกาที่เหน็บอยู่ในเสื้อสูทเลยไม่ทันได้สังเกตใบหน้าแขกผู้มาใหม่ หากทันทีที่เงยหน้าขึ้น
“นังแพตตี้!”
“สวัสดีค่ะ ผู้จัดการ”
หญิงสาวที่ชื่อ แพตตี้ เอ่ยคำทักทายเป็นภาษาไทย เพราะเธอเองก็เป็นคนไทยคนหนึ่งที่เคยทำงานในภัตตาคารแห่งนี้ แต่การทำงานในนี้ไม่ใช่จุดประสงค์หลักของเธอหรอก และมันได้กลายเป็นอดีตไปแล้วเมื่อเธอเข้ามานั่งในร้านนี้พร้อมสามีฝรั่งที่คำนวณอายุแล้วน่าจะราว ๆ รุ่นพ่อของเธอได้
“ดูร้านวุ่น ๆ นะคะผู้จัดการ”
หญิงสาวเอ่ยถามยกยิ้มมุมปาก นัยน์ตามองแลดูเย้ย
“ก็วุ่นน่ะสิยะ เพราะมีพนักงานบางคนมันได้ดิบได้ดีในการหาผัวฝรั่งแล้วก็พากันลาออกไปหมด ไม่บอกล่วงหน้าให้ที่ร้านเขาหาคนมาแทนได้เลย อีพวกนี้ระวังให้ดีนะ ถ้าผัวฝรั่งมันเขี่ยทิ้งขึ้นมาเมื่อไหร่แล้วซมซานกลับมาของานทำที่ร้านอีกละก็ ฉันจะเอาน้ำร้อนสาดไล่มันไปให้พ้นหน้าร้านฉันเลย”
คุณเจมส์ตอบกลับเป็นชุดในภาษาเดียวกันด้วยความอัดอั้นปนโมโห ก่อนจะสะบัดบ๊อบใส่แล้วเดินหนีไปยืนต้อนรับลูกค้าอยู่กับสิรี บอกตัวเองว่าไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงไปรับออร์เดอร์นังคางคกขึ้นวอหรอก
“เป็นอะไรคะคุณอา”
“ก็หันไปมองทางนู้นสิว่าใครมา”
สิรีขมวดคิ้วในเชิงสงสัยพลางชะเง้อหน้ามองไปทางโต๊ะที่ผู้จัดการร้านว่า
“แพตตี้!”
“ก็ใช่น่ะสิ นังคางคกขึ้นวอ ดูสิมันพาใครมาด้วย มันพาแขกที่เคยมานั่งกินข้าวที่ร้านนี้มาด้วยในฐานะผัวของมัน หน็อย! ทำเป็นนั่งชูคอ ฉันเนี่ยอยากจะไล่ตะเพิดมันออกไปจากร้านนัก นัง นัง...ฮึ่ย! ไม่อยากจะด่าให้กระดากปาก”
“เอาน่าอาช่างเขาเถอะค่ะ เราก็พอทำกันได้พวกเรายังไหวอยู่ นี่อีกสองชั่วโมงก็จะปิดร้านละเดี๋ยวก็ได้พัก แล้วพรุ่งนี้ร้านปิดด้วยจะได้พักยาว ๆ เลยทนหน่อย เดี๋ยวก็มีพนักงานมาสมัครงานเพิ่มเองแหละน่า”
“ก็ฉันหมั่นไส้มันนี่”
สิรีส่ายหน้าถอนหายใจอ่อน เมื่อเห็นใบหน้าที่ยังอยู่ในอารมณ์โกรธของผู้เป็นอา
“เอ๊ะ ว่าแต่เห็นรษาบ้างไหมเนี่ย ฉันยังไม่เห็นมันเลยตั้งแต่เปิดร้าน”
“น่าจะบริการแขกในห้องวีไอพีอยู่นะคะ เมื่อกี้เห็นเดินออกมาจากห้องหนึ่ง”
“อ้อ”
ในระหว่างที่สองอาหลานกำลังคุยกันอยู่นั้น แขกพิเศษอีกกลุ่มที่โทร.มาจองห้องวีไอพีไว้ก็ปรากฏตัวขึ้น ร่างสูงของผู้ชายสามคนมีลักษณะเฉพาะตัวแตกต่างกันไปตามชาติพันธุ์กำลังเดินเข้ามาในร้าน นำมาด้วยชายหนุ่มผู้มีมาดเนี้ยบกว่าใคร ใบหน้าขรึมเข้มแบบหนุ่มละตินยิ่งทำให้ท่าทางเขาน่าเกรงขามในสายตาคนมองทุกย่างก้าวก่อนหยุดอยู่ตรงหน้าสิรี ดวงตาคมสีเทาขุ่นมองปราดเข้าไปข้างในร้านอย่างสำรวจตรวจตาบรรยากาศ คิ้วหนามุ่นลงทันใดครั้นเห็นว่าข้างในคนแน่นขนัดก่อนแม็กจะเข้ามาแทรกถามหญิงสาวที่ยืนมองตาค้างอยู่นั้น
“คุณสิรีครับ โต๊ะที่ผมโทร.มาจองไว้ได้ห้องไหนหรือครับ นายผมมาถึงแล้ว”
แม็กโทร.จองโต๊ะไว้ล่วงหน้าเมื่อเขารู้ว่าจะพาเจ้านายมาทานอาหารที่นี่ เขาทราบดีว่านายเขาไม่ชอบที่ที่มีคนเยอะทั้งยังมีเสียงจอแจให้ระคายหู ในส่วนตัวแม็กนั้นก็มารับประทานอาหารไทยที่ร้านนี้อยู่บ่อย ๆ ทั้งติดใจในรสชาติอาหารบ้านเกิดและอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ แม็กแอบชอบสิรีหลานสาวเจ้าของร้าน ถ้าวันไหนที่แม็กไม่ได้ไปทำงานกับราฟาเอลเขาก็จะมานั่งทานอาหารและคุยเล่นกับเธอประจำ จนทำให้แม็กรู้จักกับพนักงานในร้านเกือบทุกคนรวมทั้งคุณเจมส์อาของสิรี ที่คอยเป็นไม้กันหมาระหว่างแม็กกับหลานสาวของตัวเองในทุกครั้ง
“อ้อ เชิญด้านนี้ค่ะ”
สิรีเดินนำแขกทั้งสามมายังห้องวีไอพีที่จัดไว้ สายตาก็แอบลอบมองเสี้ยวหน้าคมของบุรุษหนุ่มที่เธอเพิ่งเคยเห็นและรับรู้ว่าเป็นเจ้านายของแม็ก เจ้านายของแม็กคนนี้เป็นหนุ่มฝรั่งที่หล่อมากที่สุดเท่าที่เธอเคยพบเจอมา ครั้นดวงตาสีเทาทรงเสน่ห์คู่นั้นตวัดมองสบกับสิรีที่มองอยู่หญิงสาวก็กลับก้มหน้าหลบ ผิวแก้มร้อนผ่าวเพราะเขินอาย อาการเช่นนี้ไม่ได้เกิดกับสิรีคนเดียว หากหญิงสาวหลายคนที่นั่งทานอาหารอยู่ในร้าน เมื่อเห็นร่างสูงที่สะดุดตาของใครหลายคนเดินเข้ามาก็ต่างหันมาจับจ้อง เสียงกระซิบดังเข้ามาในหูเป็นภาษาท้องถิ่นว่า
...‘ใช่รึเปล่า ใช่ราฟาเอล โจเซฟ คนที่กำลังดังเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง คนที่เป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์บ่อย ๆ รึเปล่านะเธอ’ ‘ฉันว่าใช่’ ‘ว้าย ตัวจริงเขาหล่อมากเลย มีแฟนรึยังนะ’
หากคนที่ถูกพูดถึงก็ไม่ได้แลสายตาหันไปมองเลยสักนิด ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่เฉย ๆ สองมือหนาสอดเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงผ้าเนื้อดีปล่อยให้แม็กเป็นคนจัดการทุกอย่างไป
“ห้องนี้แหละค่ะ” หญิงสาวเดินมาหยุดที่หน้าห้องพร้อมเปิดประตูให้
“อาหารที่สั่งไว้ เสิร์ฟได้เลยนะครับ”
“ค่ะ”
เธอพยักหน้ารับคำก่อนวิ่งหน้าแดงไปหาเพื่อนสาวที่เปิดประตูออกมาจากห้องวีไอพีอีกห้องพอดี
“รษา รษา”
“มีอะไร เรียกซะตกอกตกใจเชียว แล้วเป็นอะไร ทำไมหน้าแดงอย่างกับลูกตำลึงสุก เจอผู้ชายหล่อ ๆ มาอีกสิท่าหน้าแบบนี้” รษาล้ออย่างรู้ทัน
“แหม รู้ดีจริงนะสมแล้วที่เป็นเพื่อนกัน”
“ก็แน่ล่ะ เจอผู้ชายหล่อทีไรเธอก็เป็นอย่างนี้ทุกที ระวังคุณแม็กจะน้อยใจเอานะ...แล้วมีอะไรถึงเรียกฉัน”
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่รึเปล่า”
“ไม่มีแล้ว เพิ่งเข้าไปทำความสะอาดห้องเสร็จพอดี”
“ดีเลย งั้นเธอช่วยไปบริการแขกวีไอพีห้องนู้นให้อีกหน่อยสิ”
เพื่อนสาวบอกพลางยกมือชี้นิ้วไปที่ห้องวีไอพีห้องแรก
“ทำไม มีอะไรพิเศษงั้นเหรอถึงให้ฉันไปทำ พนักงานไม่พอเหรอ”
“ก็ไม่มีหรอก พอดีวันนี้คุณแม็กมาทานข้าวอยู่ในห้องนั้น”
“แค่นั้นเหรอ แล้วทำไมเธอต้องให้ฉันไปเสิร์ฟด้วย ทำไมเธอไม่เข้าไปทำเองล่ะ”
คิ้วเรียวเลิกขึ้นถามอย่างสงสัย เพราะปกติถ้าแม็กมาทานข้าวสิรีก็จะบริการเอง แต่คราวนี้ทำไมต้องให้เธอไปทำด้วย
“ก็คราวนี้คุณแม็กพาเจ้านายเขามาด้วย แล้วเจ้านายเขาหล่อมากเลยล่ะ ฉันอายเจ้านายเขาน่ะแล้วก็กลัวไปทำอะไรเงอะงะต่อหน้าคุณแม็กด้วย นะ ๆ ๆ รษา ช่วยไปบริการพวกเขาแทนฉันหน่อยนะ”
สิรีกุมมือเพื่อนสาวบีบเบา ๆ ทำหน้าตาให้น่าเห็นใจ
“น้า รษานะ ไปเสิร์ฟห้องนั้นให้ฉันหน่อยนะ”
คนถูกขอยิ้ม โคลงศีรษะให้อย่างอ่อนใจ เธอไม่ได้เหนื่อยแต่หมั่นไส้ในท่าทางออดอ้อนออเซาะของสิรีต่างหาก ทำอย่างกับเด็กอ้อนขอกินขนมไปได้
“ก็ได้ ๆ นี่อายเพื่อนเขาหรือว่ากลัวคุณแม็กหึงกันแน่”
“ก็ทั้งสองอย่างแหละน่า ว่าแต่เธอยังไหวรึเปล่า ถ้าเหนื่อยเดี๋ยวฉันให้คนอื่นทำแทนก็ได้”
เมื่อนึกขึ้นได้ว่ารษาก็เพิ่งจะเข้าไปเสิร์ฟแขกห้องอื่นมาเหมือนกัน เธอจึงเกรงว่าหญิงสาวจะเหนื่อยจึงรีบถาม...
“ไม่เป็นไร ฉันไหว อีกแค่ชั่วโมงเดียวร้านก็ปิดแล้ว”
“เอางั้นเหรอ ก็ได้ อาหารทั้งหมดที่คุณแม็กสั่งกำลังมีคนไปยกมาแล้ว เธอแค่คอยดูว่าเขาจะเอาอะไรเพิ่มรึเปล่าแค่นั้นแหละจ้ะ”
“โอเค ได้เลย ห้องแรกนะ”
พูดจบร่างบางอ้อนแอ้นก็เดินมุ่งหน้าไปที่ห้องเป้าหมายตามปกติ โดยหารู้ไม่ว่าต่อจากวันนี้ไป ชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล...รษาเอ๋ย