นางบำเรอเต็มตัว...8/2

1667 Words
...เธอกล้าดียังไงมาคุยกับผู้ชายคนอื่นในบ้านของเขา ถึงจะเป็นลูกน้องเขาก็เถอะ อย่าลืมสิว่าตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงของเขาอยู่... “ทำอาหารแค่ไม่กี่อย่างมันหนักหนานักรึไง ถึงต้องมีคนมาช่วย” “คุณแม็กเขาก็แค่มีน้ำใจ” เธอตอบสีหน้านิ่งเฉย ไม่หันกลับไปมอง แต่แล้วชายหนุ่มก็กระชากที่ต้นแขนของเธอขณะที่กำลังจะหยิบผักมาหั่น หญิงสาวนิ่วหน้า...เจ็บ “เธอจำไว้นะขณะที่เธออยู่กับฉันที่นี่ เธอคือนางบำเรอของฉัน เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะไปอ่อยใครทั้งนั้น เธอต้องคอยบริการฉันแค่คนเดียวเท่านั้น” “ค่ะ ฉันทราบดี แต่ฉันกับคุณแม็กไม่ได้คิดจะทำเรื่องสกปรกอย่างที่ในหัวคุณคิด” เธอไม่ยอม ตาสบตา ก็เธอไม่ได้ทำอะไรผิดอย่างที่เขาคิดไว้นี่ ทำไมต้องกลัว “ก็ดี รู้ตัวก็ดี และสำนึกไว้ด้วยยิ่งดี ฉันจ่ายค่าตัวเธอมาแพง ฉันไม่อยากใช้ของที่ฉันซื้อมาร่วมกับคนอื่น จำเอาไว้” ว่าจบแล้วจึงผลักร่างบางออกห่าง ผักในมือร่วงหล่นลงกับพื้น คนตัวสูงเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก หญิงสาวได้แต่ระบายลมหายใจแล้วทำใจยอมรับ กับข้าวหลายอย่างประกอบขึ้นโดยฝีมือเธอคนเดียว ผัดผัก ต้มยำกุ้ง ปลาทอดน้ำปลา แกงจืด ก็เธอทำงานในร้านอาหารมานี่ ทำไมอาหารไทยพื้น ๆ แบบนี้เธอจะทำไม่เป็นแถมรสชาติก็ยังสามารถเปิดร้านขายเป็นของตัวเองได้เลยทีเดียว เมื่ออาหารถูกนำมาตั้งบนโต๊ะรับประทานอาหารเรียบร้อย ชายหนุ่มทั้งสามก็เดินมานั่งที่โต๊ะพร้อมกัน “กลิ่นอาหารหอมมากเลยครับ ต้องอร่อยมากแน่ ๆ เลย” เดนนิสเอ่ยชมขณะที่สูดกลิ่นอาหารไทยที่หอมยั่วยวนให้ชวนรับประทานเสียจริง รษายิ้มรับน้อย ๆ ราฟาเอลนั่งอยู่หัวโต๊ะซ้ายมือของเขาคือแม็กและขวามือก็คือเดนนิส จานข้าวถูกจัดไว้สามจานโดยเธอได้จัดวางช้อนไว้ทางขวามือของคนทานแล้วส้อมวางไว้ซ้ายมือ “ฉันถนัดซ้าย” ราฟาเอลพูดขึ้นทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าควรทำอย่างไร หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ใกล้เขาและสลับช้อนไว้ซ้ายมือส่วนส้อมวางขวามือจากนั้นก็เดินไปอยู่ที่มุมเดิม “แล้วคุณรษาไม่ทานด้วยกันเหรอครับ” เดนนิสถามเธอด้วยความสงสัยและเป็นห่วงด้วย “ไม่ค่ะ เดี๋ยวพวกคุณทานเสร็จฉันค่อยมาทาน ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะคะ มีอะไรก็เรียกได้” เธอตอบเสียงหวานแผ่วเบาทำเอาคนได้ยินนึกสงสารขึ้นมาจับใจ ...ก็เธอเป็นคนใช้นี่ จะให้มานั่งทานข้าวร่วมโต๊ะกับเจ้านายได้ยังไง เดนนิสกับแม็กมองสบตากันแล้วหันไปทางคนที่นั่งหัวโต๊ะที่ทำหน้าตาเรียบเฉยแบบไม่รู้ไม่ชี้ “เอ้า! กินสิมัวรออะไรล่ะ ฉันเรียกพวกนายมากินข้าวไม่ได้เรียกมาจ้องหน้าฉัน” ทั้งสองคนเริ่มขยับช้อนรับประทานอาหารอย่างที่เจ้านายบอก เดนนิสตักผัดผักมากินคำแรก “อื้อฮือ! อร่อย อร่อยมากเลยครับ คุณรษาทำกับข้าวได้อร่อยมาก” เขาชมเธอและตักข้าวกินคำต่อไป ในส่วนของราฟาเอลจริง ๆ แล้วถ้าเขาไม่เห็นเธอกับแม็กคุยกันเมื่อกี้ เขาคงจะให้เธอมานั่งทานข้าวอยู่หรอก แต่นี่เธอมาทำให้เขาโมโหเสียก่อนนี่สิ ‘จะมาโทษฉันไม่ได้นะรษาเธอทำตัวเอง’ รษาเลี่ยงเข้ามาอยู่ในห้องรอให้คนข้างนอกรับประทานอาหารกันอิ่มแล้วเธอค่อยออกไปทำหน้าที่คนใช้ ร่างบางนั่งลงที่ปลายเตียงปล่อยให้น้ำตามันรินไหลออกมาตามความรู้สึก ...‘นี่มันแค่วันที่สองเองนะรษา อีกตั้งหลายเดือนกว่าเธอจะรอดพ้นจากเขา เธอจะทนไหวไหมเนี่ย เธอคิดผิดหรือคิดถูกกันนะที่รับข้อเสนอนี้’ ในยามนี้กลับคิดถึงบ้านใจแทบขาด การรับประทานอาหารไทยของบุคคลทั้งสามบรรยากาศมีแต่ความเงียบไม่มีใครพูดอะไร ต่างคนต่างก้มหน้ารับประทาน ไม่มีใครเอ่ยปากพูดก่อน เพราะลูกน้องทั้งสองสังเกตจากสีหน้าเจ้านายที่ตอนนี้เหมือนกำลังโกรธใครอยู่นิด ๆ ทำให้เขาดูน่ากลัวขึ้นมา “กินอิ่ม พวกนายก็ไม่ต้องเก็บให้ฉันหรอก จะไปทำอะไรก็ไปได้เลย” “อ้าวทำไมล่ะครับ” เดนนิสถามอีกแล้ว “ก็ตอนนี้ฉันมีแม่บ้านมาทำให้แล้วน่ะสิพวกนายก็เห็น ฉันจ่ายค่าตัวมากขนาดนี้ ต้องใช้งานให้คุ้มสิ พวกนายกลับไปกันได้แล้ว” เขาพูดจบก็ลุกออกจากโต๊ะไป เป้าหมายคือ…ที่ห้องนั้น ชายหนุ่มเดินมาถึงหน้าห้องเอื้อมมือเปิดประตูออกทันทีโดยไม่สนว่าคนในห้องจะอนุญาตหรือไม่ ก็ที่นี่มันบ้านเขา เขามีสิทธิ์ทุกตารางนิ้วโดยชอบธรรม หญิงสาวตกใจอยู่ไม่น้อยที่อยู่ดี ๆ ประตูก็เปิดออก เพราะตอนเข้ามาเธอเองก็ไม่ได้ล็อกมันไว้ รษาหันมาทางต้นเหตุที่ทำให้เธอตกใจก็พบร่างบุรุษคนหนึ่งยืนตระหง่านอยู่ตรงประตู “เสียมารยาท จะเข้าห้องคนอื่นไม่รู้จักเคาะประตู” เธอว่า ยกมือปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มออกอย่างรวดเร็ว “เหอะ! เธอว่าฉันเสียมารยาทงั้นเหรอ เธอลืมอะไรไปรึเปล่านี่มันบ้านฉันนะ ฉันมีสิทธิ์ในทุกตารางนิ้วของบ้านหลังนี้ แม้แต่ห้องนี้รวมถึงตัวเธอด้วย อย่าลืมสิ” เขาพูดพร้อมด้วยสายตาที่มองเธออย่างดูถูก หญิงสาวได้แต่นิ่งเงียบ พูดอะไรไม่ออก จะให้พูดอะไรล่ะ ก็ในเมื่อเขาอ้างสิทธิ์ทุกอย่างแล้ว “ไปเก็บจานที่ฉันกินเสร็จได้ละ มัวมานั่งอู้งานอยู่ได้ ฉันจ้างเธอมาแพงนะ” ...ตอกย้ำเหลือเกินนะกับคำว่าจ้างเนี่ย หญิงสาวจัดการทุกอย่างตามที่เขาสั่ง เก็บจานทั้งหมดที่พวกเขากินแล้วล้างมันในทันทีไม่ปล่อยแช่ไว้ หลังจากนั้นเธอค่อยกินข้าวที่เธอทำเองและเข้าห้องนอน หญิงสาวจัดการธุระส่วนตัว อาบน้ำ สระผม ทาครีมบำรุงผิวก่อนนอนเป็นปกติของผู้หญิงทุกคนอยู่แล้ว และระหว่างที่กำลังจะล้มตัวลงนอนนั้นก็ได้ยินเสียง กึก ๆ ๆ เสียงเหมือนคนมายืนทุบประตู เธอรู้ทันทีว่าใคร ‘เอาไงดีรษา จะเปิดดีไหมเนี่ย เขาต้องการอะไรอีก ดึกป่านนี้แล้ว นี่เขายังใช้งานเธอไม่พอใจอีกเหรอ’...ยืนคิดอยู่นาน จนคนข้างนอกเริ่มหงุดหงิด ทุบประตูแรงขึ้นตามลำดับ “รษา เปิดประตูเดี๋ยวนี้ ฉันสั่งให้เธอเปิดประตู เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธฉัน เปิดประตู” เมื่อหลีกหนีไม่ได้อยู่แล้วท้ายที่สุดก็ต้องเปิด มือบางค่อย ๆ หมุนลูกบิดแง้มประตูออก โผล่แต่ใบหน้าออกไปถาม “คุณต้องการอะไร ดึกป่านนี้แล้ว” “นี่เธอมัวทำอะไรของเธอ ทำไมเพิ่งมาเปิดประตู ปล่อยให้ฉันรอตั้งนาน” ร่างสูงยืนทะมึนอยู่ตรงหน้าท่าทางเขาดูกราดเกรี้ยว มองเธอตาขวาง “ก็ฉันกำลังอาบน้ำอยู่ เลยไม่ได้ยิน” เธอตอบเสียงเบาก้มหน้าหลบสายตาคมคู่นั้น เพราะตอนนี้สภาพของเธออยู่ในชุดนอนสายเดี่ยวสีขาวความยาวเลยเข่าแค่คืบเดียวมันทำให้เธอดูเย้ายวนยิ่งนัก คนที่มองถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ ชายหนุ่มผลักบานประตูเข้าไปในห้องจนหญิงสาวถอยหลังกรูดอย่างห้ามอะไรไม่ได้ ร่างสูงสาวเท้าเดินเข้ามาหาคนตรงหน้าใช้สองมือจับต้นแขนดึงตัวเธอเข้ามาแนบชิดกับตัวเขา สายตาคมกริบจ้องมองใบหน้าหวานที่มีแววหวาดกลัว “ได้เวลาทำงานของเธอแล้ว” เขากล่าวพร้อมกับก้มหน้าลงไปซุกไซ้ซอกคอนวลผ่องนั้นอย่างหลงใหล “เดี๋ยว เดี๋ยวค่ะ” “อะไรของเธอ คิดจะอู้งานงั้นเหรอ อย่างหวังเลย” เขาก้มหน้าก้มตาซุกไซ้ดูดดมกลิ่นหอมจากซอกคอเธอต่อไป ที่เธอห้ามเขาไม่ใช่เพราะเธอเล่นตัว แต่เธอจะขอทำบางสิ่งบางอย่างก่อน เพราะเธอรู้ดีว่าไม่สามารถห้ามเขาได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เธอจะทำมันก็ไม่เป็นผล เพียงไม่นานเขาลากริมฝีปากขึ้นมาจากซอกคอนวลผ่องมาประกบจูบริมฝีปากบางอย่างแนบสนิท เขาไม่ปล่อยเวลาให้เธอคิดมาก ริมฝีปากทาบลงไปพร้อมส่งเรียวลิ้นร้อนผ่าวเข้าไปลิ้มรสไล้เลียความหวานจากปากเธอ ทำเอารษาร้อนผ่าวตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า เธอเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นกัน หากความหวั่นไหวกลับท้าทายให้เธอเผยอริมฝีปากตอบรับเขา ร่างกายกำยำของเขาบดเบียดล้ำลึก ถูไถเสียดสี ปลุกเร้า เธอเริ่มหายใจหอบติดขัด เผลอครางแบบไม่รู้ตัวหลายครั้งเมื่อจังหวะที่เขารุกหนัก ร่างบางสะท้านไหวตามแรงรุก เสียงหอบหายใจของชายหญิงดังแข็งกันภายในห้องสี่เหลี่ยมที่มีเพียงแค่แสงไฟสลัวราง จูบครั้งนี้ช่างหวานนัก หวานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เขาจูบดื่มด่ำ วนเวียนแลกลิ้นที่ริมฝีปากกับเธอเนิ่นนาน จนริมฝีปากบางของสาวเจ้าบวมช้ำด้วยฤทธิ์เสน่หาและไฟสวาทที่กำลังลุกโชน ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าสวย สองแขนยังคงกอดรัดร่างบางไว้แน่นแนบอก “ได้โปรด...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD