สุดท้าย
รษานั่งอยู่ในท่าเดิมนานเกินไป ร่างบางของหญิงสาวไม่ขยับไหวติงใด ๆ เลยเมื่อเขาจ้องมอง ดวงตาสีนิลดำขลับคู่นั้นฉ่ำชื้นไปด้วยน้ำตาด้วยความรู้สึกรังเกียจตัวเอง ระอายที่ตัวเธอนั้นเป็นฝ่ายเดินเข้าหาหลุมพรางครั้งนี้ด้วยความสมัครใจ ผมยาวเกล้าไว้เป็นทรงสวยสยายลงมาถึงแผ่นหลัง กลีบปากสีชมพูอิ่มน้ำเม้มเข้าหากันสนิทราวกับเจ้าตัวกำลังพยายามกลั้นความรู้สึกบางอย่างไว้
“จะร้องไห้ทำไมในเมื่อเธอเองที่ยอม”
ดวงตาฉ่ำน้ำตวัดมอง หัวใจดวงน้อยที่บอบช้ำแทบแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ไม่ได้โต้ตอบกลับในทันใดได้แต่ก้มหน้าลงอย่างเดิม มือทั้งสองข้างกำแน่น
“ก็เลือกเอาระหว่างเธอจะให้ฉันมาทำแบบนี้กับเธอในที่นี้ หรือ เธอจะออกไปอยู่กับฉันโดยมีเงินหนึ่งล้านดอลลาร์เป็นค่าตัวของเธอ เพราะตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงของฉัน ฉันยังไม่เบื่อ ถ้าเธอไม่เลือกที่จะรับค่าตัวไป ฉันก็จะมาทำกับเธอที่นี่แล้วก็จ่ายค่าตัวเป็นครั้งคราวก็ได้ เอาที่เธอสบายใจ ว่าไงจะเลือกแบบไหน”
แบบที่เขาไม่ต้องมายุ่งกับชีวิตเธออีก มีให้เลือกไหมเล่า!!!
พลางว่าราฟาเอลก็ล้วงหยิบธนบัตรดอลลาร์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ จำนวนสิบใบ วางคู่กับเช็คเงินสดหนึ่งล้านดอลลาร์ให้เธอเลือก
“จะเอาอันไหนก็หยิบ”
พลางเอนตัวพิงพนักโซฟาอย่างสำราญใจ ดวงตาจ้องมองดูเชิงอีกฝ่ายที่ยังอยู่ในอาการก้มหน้า
เขาพูดเหมือนทุกอย่างง่ายดาย แต่เธอสิ เธอยอมเขาอีกแล้ว ทำไมเธอถึงได้ง่ายแบบนี้รษา สองมือกำแน่นเข้าหากันจนรู้สึกเจ็บ เธอโมโหตัวเองมาก อาจเป็นเพราะผู้ชายคนนี้เป็นคนแรกของเธอและเธอเองก็ชื่นชอบเขาอยู่ไม่น้อยในครั้งแรกที่เจอ แต่เธอไม่รู้ว่าเขาจะเป็นคนใจร้าย หยามศักดิ์ศรีผู้หญิงขนาดนี้ ถ้าเขามาจีบเธอแบบดี ๆ เธออาจจะหลงรักเขาอย่างง่ายดาย แต่นี่ไม่ ...ชายหนุ่มจัดการใส่เสื้อผ้าของตัวเองเสร็จพร้อมกับหันมาบอกเธอว่า
“ฉันให้เวลาเธอตัดสินใจห้านาที ไม่ว่าเธอจะเลือกทางไหนเธอก็ไม่มีวันหนีฉันพ้นตราบใดที่ฉันยังไม่ปล่อยเธอ”
หยดน้ำใส ๆ เอ่อขึ้นมาอยู่ตรงขอบตาทั้งสองข้าง เมื่อได้ตัดสินใจ ใบหน้าเรียวมนเงยขึ้นมอง ตั้งไหล่ตรงอย่างทะนง จ้องตากับเขาแล้วบอก...
“ตกลง! ฉันยอมที่จะไปอยู่กับคุณก็ได้แต่คุณต้องจ่ายค่าตัวฉันมาก่อนหนึ่งล้านดอลลาร์”
“หึ! ในที่สุดธาตุแท้คนอย่างเธอก็ออกมาจนได้ งั้นก็ไปตอนนี้เลย”
ราฟาเอลลุกขึ้น มือหนาฉุดกระชากข้อมือเล็กให้ลุกพร้อมกัน
“ยังไม่ได้!”
หญิงสาวสะบัดมือออก ก้มหน้าอยู่ในอาการกระอักกระอ่วนจนอีกฝ่ายชักสีหน้าหงุดหงิด
“นี่เธออย่ามาลีลากับฉันให้มากนักนะ”
“ฉันขอเวลาสามวัน”
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ” ...เขาตวาดเสียงแข็ง รษาผ่อนลมหายใจ เงยหน้าพูดเสียงสั่นเครือกับอีกฝ่ายที่จ้องมองอย่างดุกร้าว
“อีกสามวันจะสิ้นเดือน ฉันขอช่วยงานคุณเจมส์ก่อนแขกที่ร้านเยอะ ถ้าฉันออกไปตอนนี้คุณเจมส์หาคนไม่ทันแน่ที่ร้านก็จะลำบาก ได้โปรด ฉันไม่หนีหรอก”
ร่างสูงระบายลมหายใจออก สองมือล้วงกระเป๋า เงยหน้าขึ้น แววความดุกร้าวในดวงตาลดลงเล็กน้อย ก่อนจะบอก
“ก็ได้สามวัน ฉันให้เวลาเธออีกสามวัน ถ้าคิดจะมีลูกไม้อีกละก็ ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่ นี่ไม่ใช่คำขู่ ถ้าไม่เชื่อก็ลองทำดู”
ชายหนุ่มยื่นคำขาด มือหนาราวคีมเหล็กจับคางมนให้เชิดขึ้น ดวงตาสองคู่สบมองกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...ดวงตาสีนิลดำขลับหมาดไปด้วยน้ำคู่นี้ราวกับมีมนตร์สะกด อีกครั้งที่เขาทนไม่ไหวกับอารมณ์ความต้องการของตัวเองที่มีอยู่เหลือล้นในตัวผู้หญิงคนนี้ ก้มหน้าลงไปจูบริมฝีปากชมพูอิ่มอีกครั้ง กัดเบา ๆ เหมือนจะเอาคืนในครั้งที่แล้ว คลอเคลียอยู่ชั่วอึดใจก่อนตัดใจถอนออก
...อีกเพียงแค่สามวัน เขาก็จะได้ตัวเธอมาครอบครองอย่างสมบูรณ์แล้วพอถึงตอนนั้น จะทำอย่างไรกับเจ้าของร่างนุ่มนิ่มนี้ก็ย่อมได้
“นี่แค่มัดจำ!”
ราฟาเอล โจเซฟ ก้าวออกไปจากร้านด้วยใบหน้าเงียบขรึม เปิดประตูเข้าไปนั่งในรถเมอร์เซเดสเบนซ์คันหรู มือหนาจับที่พวงมาลัย รอยยิ้มจาง ๆ ที่มุมปากแวบผ่านใบหน้าเขาไป เหลียวกลับไปมองข้างในร้านใจกระหวัดติดอยู่กับใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาของอีกคน
รษายังคงอยู่ในห้องพยายามตั้งสติจัดแต่งร่างกายให้เรียบร้อย หากการกระทำที่เพิ่งผ่านพ้นไปก็ยังมีร่องรอย เสื้อผ้าที่รีดมาอย่างดีมีรอยยับ มวยผมที่เจ้าตัวกำลังจัดแต่งทรงใหม่ก็ยังดูไม่เรียบร้อย น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดกลับยิ่งพรั่งพรูออกมา นานกว่าจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้...แล้วจึงเปิดประตูออกมา
“อ้าว! รษา ฉันเห็นแขกห้องนี้ออกไปได้สักพักแล้วนี่ แล้วทำไมเธอถึง...”
พนักงานหญิงอีกคนเดินเข้ามาหา สายตาที่มองมากับรอยยิ้มนั่นรษารับรู้ได้ถึงความคิดของผู้พูด
“ฉันเพิ่งเก็บของเสร็จ”
“อ๋อ! เหรอ คงจะเก็บของนานสินะ เสื้อผ้าถึงได้ยับเยินขนาดนี้”
ร่างบางตวัดสายตากลับมามอง ก่อนคลี่ยิ้มหวานหากนัยน์ตาร้ายเช่นกัน พูดออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่มนวล
“ก็เหมือนที่เธอเคยเก็บอยู่บ่อย ๆ ไง แล้ววันนี้ได้เก็บสักโต๊ะรึยังล่ะ”
ทิ้งท้ายประโยคสุดท้ายที่แสนจะแสบทรวงให้กับคนฟังได้คิดก่อนจะเดินจากไป พนักงานอีกคนรู้ดีว่าเธอหมายถึงอะไร เพราะหญิงคนนั้นก็ทำแบบนี้อยู่บ่อย ๆ จนคุณเจมส์ต้องตักเตือนหลายครั้งว่าที่นี่ไม่ใช่โรงแรม แต่ที่ผู้หญิงคนนั้นยังคงทำงานอยู่ ก็เพราะเธอยังหาใครรับเลี้ยงดูเธอจริง ๆ จัง ๆ ไม่ได้ไงล่ะ
เหตุการณ์ในวันนี้ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของผู้จัดการร้านอย่างคุณเจมส์ไปได้เช่นกัน เรื่องของรษาแม้จะยังไม่แน่ชัดร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ในใจคุณเจมส์ก็หวังว่าสิ้นเดือนนี้อย่าให้ต้องมีพนักงานลาออกอีกเลย โดยเฉพาะรษา
เฮ้อ…คิดแล้วพลางถอนหายใจเพราะคุณเจมส์เองก็เอ็นดูรษามากกว่าพนักงานคนอื่น ไม่ใช่เพราะเป็นเพื่อนกับหลานสาวแต่รษาเป็นคนดี