ร้านครัวไทย...
“รษา มีแขกเขาอยากพบเธอในห้องวีไอพีหนึ่งน่ะ”
มีพนักงานคนหนึ่งของร้านเดินมาบอกกับเธอ
“ใคร?” รีบถามกลับไป หัวใจเต้นระทึกด้วยกลัวว่าจะเป็น...
“ไม่รู้สิ เขาบอกแค่ต้องการพบเธอ”
พูดจบเพื่อนพนักงานของเธอก็เดินไปทำงานต่อปล่อยให้หญิงสาวตั้งคำถามอยู่ในใจ
ใคร ใครกันนะ หรือจะเป็นเขา เขาเหรอ ไม่นะ วันนี้เธอยังไม่ได้เจอหน้าผู้ชายคนนั้นเลย ไม่น่าใช่ แล้วจะเป็นใครกัน ระหว่างที่เดินไปตามทาง ในหัวก็พลอยคิดไปเรื่อยจนมาถึงหน้าห้อง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ประตูห้องถูกผลักเข้ามาด้วยมือของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงอนุญาต ความรู้สึกแรกคือโล่งอก อย่างน้อยก็ไม่ใช่เขาคนนั้น หากความหวาดระแวงเคลือบแคลงก็ยังคงมีอยู่เพราะคนที่เห็นก็เป็นคนที่มากับเขาในวันนั้น หญิงสาวยืนมองอยู่เพียงแวบ ปรับสีหน้าวิตกของตัวเองให้เป็นปกติแล้วจึงถามคนในห้องด้วยภาษาถิ่นสำเนียงน่าฟัง
“คุณต้องการพบดิฉันหรือคะ”
“ครับ” เดนนิสพยักหน้ารับในกิริยาสุภาพ ร่างสูงของบุรุษเกือบสองเมตรลุกขึ้นจากโซฟาตัวนุ่มมือขาวจัดสูทตัวเองให้เรียบ เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าสาวน้อยพลัดถิ่น ยิ้มแสดงความเป็นมิตรแล้วจึงพูด
“ผมไม่รู้ว่าคุณตกลงอะไรกับเจ้านายของผม แต่เจ้านายของผมให้ผมมาบอกกับคุณว่า ข้อเสนอเงินค่าตัวคุณหนึ่งล้านดอลลาร์เจ้านายผมยอมรับ และพร้อมจ่ายให้คุณทันทีเมื่อคุณตกลงไปทำงานกับเจ้านายผม”
คำบอกนั้นทำให้หญิงสาวยืนนิ่งไปชั่วขณะ หลายอึดใจที่ไม่มีปฏิกิริยาใดตอบสนองต่อคำพูดของเดนนิส มีเพียงหัวใจที่คิด...ตกลง! เขาตกลงงั้นหรือ แล้วยังไง เธอจะทำยังไง
“ว่าไงครับคุณ เจ้านายผมยอมจ่ายตามที่คุณเรียกร้องมาหวังว่าคุณคงพอใจ”
ดวงตาสีนิลเหลือบมองคนตรงหน้ามีแววสั่นไหวอยู่น้อย ๆ...คืนนั้น หลังจากที่เขาจุดไฟสวาทในตัวเธอเป็นผลสำเร็จ ทำให้เธอยอมโอนอ่อนผ่อนตามเขาไปในทุกท่วงท่า เขากอดเธอไว้ในอ้อมแขนแข็งแรง อีกทั้งยังปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึก น้ำเสียงแหบพร่าเฝ้าถามซ้ำ ๆ ว่าต้องการให้เขาทำอะไร ซึ่งเธอก็... แต่มันก็แค่คืนเดียวพอลืมตาตื่นขึ้นทันทีที่เห็นร่างเปลือยเปล่าของชายหนุ่มนอนอยู่เคียงข้าง เธอก็อยากจะเอามีดแทงลงไปที่กลางหัวใจเขานัก แล้วบอกกับตัวเองว่าเธอจะลืม...
...หัวใจเต้นแรงขึ้นตามลำดับ ปลายนิ้วเรียวบีบกันแน่น ใบหน้างามร้อนผ่าวจนเริ่มจะเปลี่ยนสี ก้มหน้าอยู่ในความคิดของตัวเอง เมื่อเดนนิสถามซ้ำเธอจึงตอบกลับไปว่า
“ฉันขอคิดดูก่อน”
แล้วรีบหมุนตัวกลับออกไปจากห้องนั้นในทันที ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ทักท้วงอะไรได้เลย ไม่กี่นาทีต่อมาเดนนิสก็เดินออกมาจากห้องนั้นเช่นกัน
“อ้าว! คุณเดนนิส วันนี้มาคนเดียวเหรอคะ”
คุณเจมส์ถามขึ้นพร้อมกับสาวเท้าเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“ครับ ผมมาจัดการธุระให้นายนิดหน่อย กำลังจะกลับแล้ว”
“ธุระ? ธุระอะไรเหรอคะ บอกเจมส์ได้ไหม เผื่อเจมส์จะช่วย
คุณเดนนิสได้”
น้ำเสียงที่ใช้ถามถูกดัดให้แหลมคล้ายผู้หญิง เอียงหน้าเข้ามาใกล้แล้วถาม พร้อมมองตาปริบ ๆ เป็นเชิงเย้ายวน มือไม้อยู่ไม่เป็นสุข ไต่ไปตามท่อนแขนของเดนนิสอย่างถึงเนื้อถึงตัว
“ธุระกับคุณรษาน่ะครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
พูดจบเดนนิสก็รีบเดินออกไปทันทีไม่ปล่อยให้คุณเจมส์ลวนลามนานไปกว่านี้ ทิ้งให้คุณเจมส์ตั้งคำถามอยู่คนเดียว
“ธุระกับรษา แล้วรษามีธุระอะไรกับเจ้านายของคุณแม็กและคุณเดนนิส เรื่องนี้มันชักจะแปลก ๆ ยังไงพิกลละ และฉันก็ได้กลิ่นตุ ๆ อะไรสักอย่าง เฮ้อ คงไม่หรอกนะรษา”
คุณเจมส์พึมพำกับตัวเอง พร้อมทั้งถอนหายใจเหมือนคนคิดไม่ตก
เดนนิสเดินเข้ามาในบ้านที่ตัวเขาคุ้นชินเป็นอย่างดี มุ่งตรงไปหาเจ้านายหนุ่มที่กำลังนั่งจิบบรั่นดีรสเลิศอยู่ริมระเบียงทะเลเพื่อรายงายผลงานวันนี้
“นายครับ”
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาหันมามอง วางแก้วก้านยาวลงข้าง ๆ เมื่อได้ยินเสียงเรียก มองเห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มลอยผ่านหน้าเขาไปแวบ
“ว่าไง เขาจะมาเมื่อไหร่”
“เธอบอกขอคิดดูก่อนครับ”
ดวงตาคมตวัดมองหน้าคนรายงาน สีหน้าที่เห็นรอยยิ้มอยู่เมื่อครู่ผันแปรเป็นขรึมจัดโดยเฉพาะแววตาในดวงตาคมคู่นั้นที่แสดงอาการขุ่นเคืองออกมาอย่างชัดเจน... เดนนิสก้มหน้าเงียบ
“มากเกินไปแล้ว”
“นายหมายถึงใครครับ”
ดวงตาคมตวัดกลับมาจ้องคนที่พูด เดนนิสก้มหน้าลงอย่างเดิม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามเบา ๆ
“แล้วนายจะทำยังไงต่อไปครับ จะรอจนกว่าเธอจะให้คำตอบไหมครับ”
“รอก็บ้าน่ะสิ ให้ไปจัดการแค่นี้ก็ทำไม่ได้ นายจะไปไหนก็ไป”
เขาพ่นลมหายใจออกเพราะไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ มือยกแก้วบรั่นดีกระดกเข้าปากทีเดียวจนหมด…นั่งเงียบอยู่คนเดียวตรงที่เดิม ในสมองกำลังคิด
‘ก็ได้ ในเมื่อเธออยากเล่นตัวดีนักเขาจะจัดให้เธออย่างสาสม’
ราฟาเอล... เหตุการณ์ในคืนนั้นกลับเข้ามาให้คิดถึง ไม่เคยมีผู้หญิงคนใดกล้าขัดใจเขาได้ขนาดนี้ ไม่มีใครกล้ายั่วโมโหเขาได้ถึงเพียงนี้ แล้วก็ไม่มีผู้หญิงคนใดที่กล้าเรียกร้องกับเขาได้มากขนาดนี้ ยกเว้นเธอ ‘รษา’
...ทำไมนะ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงทำให้เขาต้องการได้มากขนาดนี้ อาจเพราะยังสดล่ะมั้ง ชายหนุ่มสรุปความดื้อ ๆ อย่างนั้น
ภายในห้องพักแคบๆ...หลังจากเลิกงานวันนี้ ต้องมีเรื่องให้กลับมาคิดอีกแล้วสิน่ารษา หญิงสาวเดินมานั่งคอตกอยู่ปลายเตียงปลดกระเป๋าสะพายคล้องไหล่ลงไว้ข้างตัวในท่าทางเซื่องซึม
...เขาตกลง ทำไงดี? ที่พูดออกไปแบบนั้นก็แค่ต้องการประชดเท่านั้นไม่ได้อยากจะได้เงินจำนวนนั้นสักหน่อย และก็ไม่คิดที่จะอยากไปทำงานอย่างนั้นด้วย ไม่น่าหลุดปากออกไปแบบนั้นเลยรษา ลมหายใจระบายออกมาอีกหลายครั้งยืดยาวด้วยความคิดไม่ตก แต่ไม่ว่าจะคิดเรื่องนี้สักกี่รอบเธอก็ได้ข้อสรุปกับตัวเองเป็นคำตอบที่แน่นอนอยู่แล้วว่า จะไม่ยอมไปทำงานอย่างนั้นแน่ เธอเดินทางมาขายแรงงานเพื่อแลกกับเงินไม่ได้มาขายตัว ความคิดเรื่องนี้ยังค้างอยู่ในหัวจนดึกดื่นกว่าดวงตาจะปิดได้ก็เกือบสว่าง