ร่างสูงนั่งเอนหลังรออยู่ในเบาะหลังของรถ ใบหน้าวางเฉยในลักษณะผ่อนคลาย ริมฝีปากเหยียดเป็นเส้นตรงยกมุมขึ้นนิด ๆ ดวงตาจดจ้องไปข้างหน้าอย่างเห็นเป้าหมาย คิ้วหนาเข้มขมวดเป็นปมไว้น้อย ๆ ให้ความเข้มขรึมคงอยู่เสมอ ปลายนิ้วที่กระดิกไหวเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าตอนนี้เจ้าตัวกำลังนับเวลารอสิ่งใดอยู่ จนเมื่อแม็กก้าวขึ้นมานั่งเบาะหน้าข้างคนขับชายหนุ่มผู้ที่นั่งรออยู่จึงขยับกาย
“ว่าไง กี่โมง”
“เอ่อ...เธอปฏิเสธครับนาย”
ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากของชายหนุ่ม แต่กิริยาในใบหน้านั้นพลันเปลี่ยนเป็นนิ่งสนิท เช่นเดียวกับเดนนิสที่เลิกคิ้วเป็นเชิงถามแม็กว่า ‘ไม่อยากเชื่อจะมีผู้หญิงปฏิเสธนายเรา’
“ออกรถได้”
น้ำเสียงสั่งการราบเรียบนั้นดูจะขัดข้องในอารมณ์ ชั่วขณะที่ราฟาเอลนั่งเงียบอยู่ในรถที่กำลังค่อย ๆ เคลื่อนออกไปจากหน้าร้าน ปรายสายตาหันไปมองหญิงสาวที่อยู่ด้านในร้าน
แต่ทว่าในใจของเขานั้นคิดว่า วันนี้ไม่ได้ วันหน้าเขาต้องได้ คงจะลีลาท่ามากเพื่อให้ดูเองดูมีค่ามากขึ้นสินะ แต่ไม่เลย
กลับเข้ามาในร้าน...
“โอ๊ย! ปวดขาไปหมดแล้ว วันนี้แขกจะเยอะไปไหนเนี่ย”
สิรีบ่นขณะที่มือตัวเองก็ทุบลงที่หน้าขา หวังจะให้อาการปวดเมื่อยจากที่ยืนต้อนรับแขกมาทั้งวันนั้นลดน้อยลงบ้าง
“แล้วเธอล่ะรษาเป็นไงบ้างวันนี้ แขกวีไอพีได้ทิปเยอะไหม”
“อือ...” คำเดียวที่หลุดออกจากปากเพื่อนสาวที่ใบหน้ายังคงก้มจัดจานลงบนโต๊ะใหม่
สิรีสั่งเกตสีหน้าเพื่อนสาวดูผิดปกติ ดูเรียบเฉยไม่เหมือนทุกครั้ง ถามคำตอบคำมาหลายประโยคแล้ว หากเป็นทุกครั้งรษาที่ได้ยินสิรีบ่นแบบนี้คงเทศนาเธอกลับไปยกใหญ่แล้วว่า ทำงานมันก็ต้องเหนื่อยเป็นธรรมดา แต่วันนี้ทำไมตั้งแต่แขกวีไอพีโต๊ะสุดท้ายกลับไป...
“เป็นอะไรรึเปล่ารษา ไม่สบายเหรอ”
“เปล่านี่”
“แล้วทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ ปกติถ้าฉันบ่นปวดเมื่อยเธอก็ต้องสั่งสอนฉันยกใหญ่แล้วสิ แต่วันนี้ทำไมเธอดูเงียบ ไม่พูดอะไรตอบฉันบ้างเลย”
“วันนี้ฉันคงเหนื่อยน่ะ แขกเยอะจริง ๆ”
เจ้าหล่อนหันมายิ้มหม่นตอบไปว่าอย่างนั้น ก่อนย้ายไปจัดจานวางลงโต๊ะถัดไป ทำราวกับร่างกายของเธอไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด
‘แต่เมื่อกี้เธอเองก็บอกว่าเหนื่อย’ สิรีย่นคิ้วมองเพื่อนตัวเองอย่างไม่เข้าใจ
“รษา!!!” เสียงเรียกดังขึ้นอย่างคนเพิ่งนึกอะไรออก ทำเอาหญิงสาวพลอยตกใจหันหน้ามามองเชิงดุ
“มีอะไร เรียกซะตกอกตกใจเลย”
“พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเรา ฉันว่าเราไปเที่ยว ไปปลดปล่อยสักวันเถอะนะ เป็นเดือนแล้วที่ทำแต่งาน มือฉันด้านไปหมดแล้วเนี่ย ดูสิ”
สิรีพูดพร้อมกับแบมือตัวเองออกมาดู มุ่ยหน้ายามบอก
“นะ ๆ ๆ นะรษา นะ เราไปปลดปล่อยกันเถอะ ตั้งแต่ทำงานมาฉันไม่เห็นเธอไปเที่ยวที่ไหนเลย นอกจากวันหยุดก็ไปวัดไทยอย่างเดียว”
“ก็ฉันตั้งใจมาทำงานอย่างเดียวนี่นา ไม่ได้มาเที่ยว”
เจ้าหล่อนหันมาตอบ หากมือก็ยังไม่ได้หยุดทำงาน ยังจัดวางจานไว้บนโต๊ะจนครบ
“ฉันรู้ แต่ครั้งนี้เธอก็ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ อีกไม่กี่เดือนเธอก็จะกลับเมืองไทยแล้ว เรายังไม่เคยไปเที่ยวด้วยกันเลย นะรษา นะ แค่ครั้งเดียวเอง ทำงานมาก็เหนื่อยฉันอยากไปปลดปล่อยบ้าง อีกอย่างฉันก็มีเธอเป็นเพื่อนสนิทแค่คนเดียวถ้าเธอไม่ไปด้วยจะให้ฉันไปกับใครล่ะ” ทั้งใบหน้าและน้ำเสียงของสิรีแสดงอาการออดอ้อนอย่างเต็มที่ หวังอย่างยิ่งว่าเพื่อนสาวจะเห็นใจไปเที่ยวเป็นเพื่อน
“ก็ คุณแม็กไง เธอก็ชวนเขาไปสิ”
“ฮื้อ...แต่ฉันอยากไปกับเพื่อนมากกว่านี่ ฉันกับคุณแม็ก ยังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“อ้าว เหรอ! ฉันนึกว่าเธอกับคุณแม็กไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วนะเนี่ย”
รษาเดินกลับมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างเพื่อนสาว ยกมือทุบตามท่อนขาท่อนแขนตัวเองบ้าง
“บ้าเหรอ เรายังแค่คุยกันเฉย ๆ ย่ะ ฉันก็เป็นผู้หญิงไทยมีศักดิ์ศรี ไม่ง่ายเหมือนนังพวกนั้นนะ และอีกอย่างมีอาฉันอยู่ทั้งคน ยังไปถึงไหนไม่ได้ง่าย ๆ หรอก นะ ๆ ๆ รษานะ พรุ่งนี้เราไปเที่ยวกันเถอะ มีวันหยุดตั้งสองวันต้องใช้ให้คุ้มหน่อยสิ” สิรีออดอ้อนด้วยการยื่นมือไปบีบนวดที่เรียวแขนของรษา
“อือ ๆ ก็ได้ ไปด้วยก็ได้” ตอบตกลงอย่างยากจะปฏิเสธ “แล้วเธออยากไปที่ไหนล่ะ”
“อืม ไปไหนดีน้า” ...สิรีทำท่าครุ่นคิด
“ฉันอยากไปแดนซ์มัน ๆ บ้างน่ะรษา”
“ฮะ! นี่เธอจะชวนฉันไปผับเหรอ”
ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง นิ่วคิ้วมองหน้าสิรีอย่างคิดหนัก เพราะเธอไม่อยากจะไปสถานที่แบบนั้นเลย
“โธ่! รษาเราก็ไปส่วนของเรา นะ ๆ ๆ ไปกับฉันหน่อยนะ เธอรับปากฉันแล้วว่าจะไปกับฉัน จะมาผิดคำพูดไม่ได้นะรษา”
“ก็เธอไม่ได้บอกฉันก่อนนี่ ว่าจะไปไหน”
“ถ้าบอกก่อนเธอก็ไม่ไปน่ะสิ นะ ๆ รษา ทำงานเหนื่อยมาทั้งเดือนขอฉันไปปลดปล่อยบ้างเถอะนะ แค่วันเดียวเองเราจะได้รู้ไงว่าที่เมืองนอกเขาเที่ยวกันแบบไหน น้า...รษา...น้า”
หญิงสาวถอนหายใจมองค้อนเพื่อนสาวปะหลับปะเหลือก ส่วนอีกคนก็ยิ้มทำตาปริบ ๆ ...จะทำไงได้ ก็เธอตอบตกลงที่จะไปแล้วนี่ เอาน่า แค่วันเดียวเอง ไปก็ไป...ยายรษา
“เดี๋ยวฉันชวนคุณแม็กไปด้วยดีกว่า มีผู้ชายไปด้วยเผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยกันได้ อีกอย่างคุณแม็กเขาก็รู้จักที่เที่ยวพวกนั้นดีกว่าเรา”
“ก็ได้ แค่คุณแม็กคนเดียวนะ”
เธอย้ำกับสิรี เพราะกลัวว่าใครบางคนที่เธอไม่ต้องการพบเจออีกจะมากับแม็กด้วย
“เย่ ๆ ดีใจที่สุดเลย”
สิรีโน้มตัวเข้ากอดเพื่อนสาวอย่างดีใจ เพราะส่วนตัวเธออยากไปเที่ยวในสถานบันเทิงแบบนี้มานานแล้ว แต่ชวนรษาหลายครั้งก็ไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง รษาได้แต่ส่ายหน้ายกมือดันหน้าผากสิรีที่อิงซบอย่างออเซาะออกด้วยอาการหมั่นไส้ ที่ตัวเองได้หลวมตัวเสียรู้เพื่อนสาวจนได้ในครั้งนี้ แต่ก็เอาเถอะ ถือว่าไปเปิดหูเปิดตาจะได้รู้จักเมืองนี้ให้กว้างขึ้น ก็อย่างที่เพื่อนเธอพูดนั่นแหละ ตลอดเวลาที่รษามาทำงานที่นี่วันหยุดเธอก็ไม่ค่อยจะออกไปเที่ยวใช้ตังค์สักเท่าไหร่ มีที่เดียวที่ไปบ่อยคือ…วัดไทย หญิงสาวชอบไปไหว้พระที่นั่นมันทำให้เธอจิตใจสงบและสบายใจยามคิดถึงบ้าน
ค่ำคืนที่มืดมน
ณ สถานบันเทิงขึ้นชื่อในย่านกลางเมืองแคลิฟอร์เนีย สถานบันเทิงแห่งนี้ชั้นบนนั้นจะเป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวเลยทีเดียว โดยที่ชั้นแรกและชั้นใต้ดินจะเปิดเป็นสถานบันเทิงครบวงจร สำหรับให้บรรดาหนุ่มสาวที่หลงใหลแสงสียามค่ำคืนได้มาสังสรรค์ทำความรู้จักกัน แขกที่มาเที่ยวที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นระดับผู้ดีมีเงินทั้งนั้น เพราะต้องเป็นสมาชิกของโรงแรมนี้ถึงจะเข้าได้
แม็กยืนรอสองสาวอยู่หน้าโรงแรมตามที่ได้นัดแนะกันเอาไว้ สักพักจึงเห็นว่ากำลังเดินเข้ามา แต่เอ๊ะ! ทำไมมากันสามคน ไหนสิรีบอกว่ามีแค่เธอกับรษานี่แล้วอีกคนที่ดูจะคุ้นตาอยู่นั่นคือ... และเมื่อบุคคลทั้งสามเดินเข้ามาใกล้ แม็กก็ได้กระจ่างขึ้นมาทันทีว่าคนที่สามนั้นก็คือคุณเจมส์ ความรู้สึกที่ว่าจะได้อยู่คุยกันอย่างสะดวกใจ ไม่มีคนคอยมาขัดระหว่างเขากับสิรีนั้นหมดลงทันทีเมื่อเห็นร่างใครอีกคน
“สวัสดีค่ะ คุณแม็ก” คุณเจมส์ทักทายก่อนใครเพื่อน
“สวัสดีครับ ดีใจที่คุณเจมส์มาด้วย”
“จริงเหรอคะ ดูหน้าคุณแม็กเนี่ย เหมือนจะดูผิดหวังด้วยซ้ำนะคะ”
“ไม่เลยครับมาหลาย ๆ คนจะได้สนุก” แม็กได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ขัดกับความรู้สึกในใจ
“งั้นเราอย่าช้าเลยนะคะ เข้าไปกันเถอะ ดิฉันเนี่ยอยากจะปลดปล่อยเต็มทนแล้วค่ะ มาอยู่ที่นี่ตั้งหลายปียังไม่มีโอกาสได้เข้าผับไฮโซแบบนี้เลยสักครั้ง”
เป็นคุณเจมส์ที่เดินเข้ามาคล้องแขนแม็กให้เข้าไปด้านในก่อน ก่อนหน้านั้นสิรีเอ่ยชวนคุณเจมส์ว่าอยากมาเที่ยวสถานที่แบบนี้ คุณเจมส์ก็สนใจมาด้วยทันที เพราะตัวเองก็เครียดกับเรื่องงานอยากจะมาหาสถานที่ปลดปล่อยอารมณ์สักวันเช่นกัน เมื่อตกลงกันได้สิรีก็โทร.หาแม็ก ผับนี้เป็นผับที่แม็กชวนสิรีมาเที่ยวหลังจากที่สิรีโทร.ถาม พร้อมบอกว่าเธออยากไปเที่ยวสถานที่แบบนี้ มีที่ไหนแนะนำบ้างที่มันปลอดภัย เขาเลยแนะนำเธอมาที่นี่ เพราะเป็นที่ที่เขามากับราฟาเอลอยู่บ่อยครั้งในยามที่นายเขาต้องการมาดื่ม
ร่างบางของรษามาในชุดเดรสเกาะอกสีขาวสลับดำสั้นเหนือเข่าขึ้นมานิด ดูไม่ได้โก้หรู ดวงหน้านวลเนียนมีรอยแต่งแต้มจาง ๆ อย่างพอเหมาะประกอบกับทรงผมที่ปล่อยยาวเป็นลอนหนาไว้ข้างหลัง ถึงกระนั้นผู้ที่มองเห็นก็อดจะถอนสายตากลับไม่ได้
ทั้งสี่คนเข้ามานั่งโต๊ะที่จับจองไว้แล้ว แม็กสั่งเครื่องดื่มให้ก่อนจะมีการโยกย้ายเคลื่อนไหวร่างกายกันตามมา ยิ่งดึกขึ้นเรื่อย ๆ เสียงเพลงยิ่งเร้าเป็นจังหวะน่าโยกย้ายส่ายสะโพกให้เอวเคล็ด ทั้งสามคนยกเว้นรษาต่างหาพื้นที่ว่างสำหรับปล่อยของในตัว ทุกคนต่างพากันดื่มและแดนซ์กันกระจายไม่มีใครเลยที่นั่งอยู่กับที่ ยกเว้นเธอ
เวลาล่วงเลยเข้าวันใหม่แล้ว ทั้งสิรีและคุณเจมส์รวมทั้งแม็กเองยังไม่มีทีท่าว่าอยากจะกลับกันเลย ทุกคนต่างพากันเต้นและดื่มกันอย่างสนุกสนาน เหมือนตอนนี้แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปกำลังออกฤทธิ์เต็มที่ ผิดกับตัวเธอที่อยากจะออกไปจากที่นี่เต็มทนแล้ว ไม่อยากอยู่เป็นอาหารตาให้พวกผู้ชายหื่นกามที่นี่โลมเลียมด้วยสายตาที่หื่นกระหาย แม็กสังเกตเห็นได้ว่าหญิงสาวเริ่มไม่ค่อยสนุกสักเท่าไหร่นัก แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่อยากกลับเพราะต้องการอยู่กับสิรีบ้าง ยิ่งตอนนี้คุณเจมส์กำลังเมาได้ที่ไปเต้นอยู่ตรงส่วนไหนของผับก็ไม่รู้ เหลือแต่เธอเท่านั้นที่ยังอยู่กับสิรี ชายหนุ่มจึงผุดความคิดขึ้นว่า...
“คุณรษาไม่สนุกเหรอครับ”
“ค่ะ อยากกลับแล้ว” หญิงสาวตอบไปตรง ๆ สายตากวาดมองไปรอบ ๆ เพื่อหาสมาชิกอีกคน
“คุณเจมส์ไปอยู่ตรงไหนแล้วก็ไม่รู้ครับ แต่ไม่ต้องห่วงที่นี่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เอางี้ไหมครับ ผมมีห้องพักอยู่ข้างบน คุณรษาขึ้นไปรอบนนั้นก่อน ไว้คุณเจมส์กับสิรีกลับตอนไหน พวกเราจะขึ้นไปเรียกคุณ”
แม็กยื่นข้อเสนอให้หญิงสาวที่มองหน้าเขาในสายตาไม่ไว้ใจนัก แต่เธอเองก็ไม่อยากจะนั่งอยู่ตรงนี้แล้ว ใบหน้าที่ดูเป็นกังวลทำให้แม็กบอกต่อว่า
“ผมรับรองว่าปลอดภัยแน่นอนครับ ที่นี่มีกล้องวงจรปิดติดทุกที่และมีตำรวจเฝ้าทุกทางออก เป็นผับที่มีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม แขกทุกคนที่มาเที่ยวที่นี่ได้ต้องเป็นสมาชิกของที่นี่เท่านั้นครับ และที่ผมพาพวกคุณมาเที่ยวได้เพราะผมเคยมากับนายผม”
“งั้นก็ได้ค่ะ ฉันจะขึ้นไปรอที่ห้องพักของคุณก่อน”
หญิงสาวเชื่อที่แม็กบอกไม่คิดว่าเขาจะโกหกเธอแต่อย่างใด เพราะตามที่รู้จักกันมาเขาก็ดูเป็นคนดี ในส่วนตัวแม็กเองก็ไม่คิดที่จะหลอกหญิงสาวแต่อย่างใดเพราะเขาก็เห็นเธอเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง และอยากจะไถ่โทษที่เมื่อวานทำให้เธอรู้สึกไม่ดีกับเขาด้วย มีอีกเหตุผลสุดท้ายก็คือ แม็ก อยากจะอยู่กับสิรีตามลำพังเพราะหาโอกาสแบบนี้ยากยิ่งกว่าอะไร แต่มีสิ่งเดียวที่แม็กหลอกหญิงสาวในตอนนี้ก็คือ ห้องที่บอกว่าเป็นของเขานั้นแท้จริงแล้วมันคือห้องของราฟาเอล โจเซฟ คนที่ยื่นข้อเสนอให้เธอต่างหากล่ะ แต่วันนี้ราฟาเอลบอกกับแม็กไว้ว่าจะไม่มาที่นี่ ในทุกครั้งที่เขาจะมาชายหนุ่มจะโทร.บอกแม็กก่อนเสมอว่าให้เตรียมของหวานไว้ให้เขาด้วย เพราะที่นี่มันคือสถานที่ที่เขาไว้สำหรับปลดปล่อยความเป็นชายในตัวออกมา ราฟาเอลจึงให้คีย์การ์ดสำรองกับแม็ก ส่วนอีกอันก็เก็บไว้กับตัวเอง
รษาขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสิบห้าของโรงแรมตามที่แม็กบอกหมายเลขห้องมา ร่างบางเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องมุมสุด พลางทบทวนหมายเลขห้องในใจว่าตรงกันหรือไม่ ครั้นเสียบคีย์การ์ดลงไปประตูที่ถูกล็อกก็เปิดออกทันที พร้อมกับไฟและเครื่องปรับอากาศก็เริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ ภายในห้องกว้างใหญ่เมื่อหญิงสาวได้เข้ามาเห็น พื้นที่ใช้สอยถูกแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน มีเฟอร์นิเจอร์ประดับตกแต่งครบครัน ของทุกชิ้นที่อยู่ภายในห้องเดาได้ว่าเป็นของที่มีมูลค่ามาก นี่ใช่ห้องของแม็กจริง ๆ หรือ แม้จะเกิดคำถามแย้งในใจแต่หญิงสาวก็ไม่อยากคิดอะไรมากเพราะ ‘แม็กคงไม่หลอกเธอ...ใช่ แม็กไม่ได้หลอกอะไรเธอ’
แม็กบอกว่าให้หญิงสาวทำตัวตามสบายไม่ต้องคิดอะไรมากผับปิดเมื่อไหร่จะขึ้นไปเรียก มือเรียวเปิดประตูเข้าไปดูในห้องนอนอย่างนึกสำรวจห้องนี้ขึ้นมา เห็นเตียงนอนขนาดคิงไซซ์สีขาวอยู่กลางห้องพร้อมเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งออกแนวเรียบหรู ร่างบางเดินสำรวจไปทั่วห้องกว้างอย่างชื่นชมและชื่นชอบ จนกระทั่งเดินมาหยุดอยู่หน้าผ้าม่านสีทองลายเรียบผืนหนาปิดกั้นบานกระจกใหญ่ไว้ มือบางยกเปิดผ้าม่านออกทำให้มองเห็นแสงไฟระยิบระยับจากตัวอาคารสูง ครั้นมองต่ำลงไปยังพื้นเบื้องล่างก็เห็นไฟกะพริบเป็นสายอยู่บนท้องถนนเช่นกัน รษาไม่ค่อยได้เห็นภาพบรรยากาศเช่นนี้เพราะห้องพักเธอนั้นเป็นห้องเล็ก ๆ อยู่บนชั้นสาม มองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากตึกเก่า ๆ ที่อยู่ติดกัน เช่นนั้นเมื่อเธอได้เห็นภาพยามค่ำคืนของเมืองก็อดยืนมองนาน ๆ ไม่ได้ นาน...จนเมื่อรู้สึกได้ถึงความผิดปกติจากด้านหลังหญิงสาวจึงหันกลับมามอง