ที่เธอแต่งงานกับเขาไม่ใช่เพราะพ่อกับแม่บังคับ แม้ตอนแรกจะหลอกตัวเอง และโยนความผิดไปให้เขาที่บีบบังคับให้เธอแต่งงานด้วย แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าเธอรักชอบเขาก่อนหน้านั้น เธอเองก็ไม่ค่อยรู้ตัว และถามตัวเองมาตลอดหนึ่งปีที่แต่งงาน แต่ทุกอย่างมันเด่นชัดว่าเธอรักเขา ก็ตอนที่กำลังจะเสียเขาไป
เพื่อนสาวทั้งสองถอนหายใจเบาๆ ก็สงสารเพื่อนแหละ แต่ผู้ชายเขาเป็นฝ่ายขอหย่า ต่อให้พวกเธอไม่ยุให้หย่า เขาก็ตั้งใจจะหย่าอยู่ดี ต่อให้สงสารเพื่อนก็คงไม่มีหนทางช่วยเหลืออะไรอีกแล้ว นอกซะจากฝ่ายชายจะเปลี่ยนใจ แต่เสี่ยขุนเป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ พวกเธอจึงเดาไม่ออก ว่าเขารักเพื่อนของพวกเธอหรือเปล่า
“ไอซ์?”
เสียงทักทายเพื่อนที่นั่งกำลังนั่งจมกับสิ่งที่คิดไม่สนใจโลกภายนอก ทำให้สองสาวที่มีสติดีกว่าหันไปมอง ทันทีที่เห็นว่าใครเป็นคนทัก สองสาวก็เบะปากใส่คนมาใหม่ทันที
“มาทำไม”
“ก็แค่บังเอิญหรือเปล่า” คนมาใหม่ยักไหล่อย่างไม่แคร์ คำพูดกระแนะกระแนของเพื่อนสาวอารยา เดินไปนั่งข้างคนที่นั่งเงียบอย่างถือวิสาสะ พร้อมกับโอบมือรอบลำคอเธอเหมือนเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
“เอามือออกไปนะเปรม” อารยาเตือนด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ จับมือที่พาดอยู่บนไหล่ออกไปแรงๆ
“ทำไม? ก็เพื่อนกัน” เปรมนัสวางมือกลับไปที่เดิม ไม่สนใจท่าทีปฎิเสธของอารยา
“อย่ามาทำแบบนี้นะเปรม”
อารยามองเพื่อนสนิทอีกสองคนด้วยท่าทางอับอาย เธอกับเขาเป็นแค่เพื่อนในวัยเด็ก แต่สิ่งที่เปรมนัสแสดงออกต่อหน้าเพื่อนเธอตอนนี้ แสดงความเป็นเจ้าของไม่ต่างกับคนรัก และเขาชอบทำแบบนี้บ่อยๆ และเธอต้องคอยปรามอยู่ทุกครั้ง
“อายอะไร”
“เปรมคงลืมไปแล้วว่าเราแต่งงานมีครอบครัว การแตะเนื้อต้องตัวหญิงอื่นที่ไม่ใช่แฟนตัวเอง มันไม่สมควร เปรมควรให้เกียตริกันบ้าง” อารยาขยับตัวออกห่าง ไม่นึกเสียใจที่ตำหนิเขาออกไปต่อหน้าคนอื่น สิ่งที่เขาทำมันไม่สมควรจริงๆ
“จะแคร์อะไรวะไอซ์ ขนาดผัวเธอยังมีบ้านเล็กบ้านน้อยได้เลย ทำไมเธอต้องแคร์อะไรแบบนี้ด้วย”
เพี๊ยะ!
“ถึงสามีเราจะเลวยังไง เธอก็ไม่ควรเอาเราไปรวมกับเขา และมันก็ไม่ควรใช้มาเป็นข้ออ้างในการแตะเนื้อต้องตัวเราด้วย ถ้าเธอพูดแบบนี้กับเรา เราคงไม่มีอะไรให้ต้องติดต่อกับเธออีกแล้ว”
อารยาลุกจากโซฟาเพื่อเดินหนี สาวเท้าออกไปเร็วๆ เมื่อเปรมนัสลุกขึ้นเดินตามเดินเธอมา
“นี่ไอซ์ ทำไมวะ ทำไมถึงปกป้องมันตลอด ทั้งๆ ที่มันทำเลวกับไอซ์ขนาดนี้”
เปรมนัสดึงรั้งข้อมือเล็กไว้ เพื่อไม่ใช่เธอเดินหนี เมื่อเธอไม่ยอมก็ออกแรงดึงรั้ง จนร่างเล็กกว่าถลาเข้ามาซบอก
“เราไม่ได้ปกป้องเขา แต่สิ่งที่เธอทำกับเรามันไม่ควร เลิกทำแบบนี้กับเราสักที” อารยาผลักอกเขาแรงๆ ดิ้นรนขัดขืนคนที่กำลังล่วงเกินเธออยู่
“ถ้าไม่มีมัน เราก็ไม่ต้องจบกันแบบนั้นหรือเปล่าวะ ช่วยคิดถึงใจเราหน่อยเถอะ ที่อยู่ๆ ก็ถูกบอกเลิกอะ”
เปรมนัสบีบข้อมือเล็กแรงๆ จนใบหน้าสวยบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บ ก้มลงไปหาเธอเร็วๆ ในขณะที่เธอเบี่ยงหน้าหลบ เมื่อพลาดจากริมฝีปาก เขาก็ออกแรงดูดที่ซอกคอขาว จนขึ้นรอยแดงหลายจุด
ตุบ! ตุบ!
“โอ้ย!”
เพราะทุบแล้วเขาไม่ยอมปล่อย อารยาจึงกัดลงไปที่ไหล่เขาแรงๆ จนได้รับอิสระ กำคอเสื้อยืดที่สวมอยู่ไว้แน่น ถอยออกห่างด้วยท่าทางหวาดกลัว
“เราผิดที่บอกเลิกเธอนะเปรม แต่เราไม่เสียใจเลยที่เลิกกับคนหลายใจแบบเธอ อย่ามายุ่งกับเราอีก!”
อารยาเดินกลับไปในทิศทางเดิม มองเพื่อนทั้งสองที่ทำสีหน้าห่วงใย ก่อนจะส่ายหน้าบอกว่าเธอไม่เป็นไร หยิบกระเป๋าขึ้นสะพายเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ท่าทางของเธอทำให้เพื่อนรีบโบกมือไล่
“ไปเถอะ มีอะไรก็ติดต่อมานะ”
ลรินโบกมือให้อย่างเข้าใจ ทุกอย่างมันปุบปับ ใครจะไปคิดละว่าจะมีตัวซวยมาขัด แม้จะอยากให้อารยาอยู่ต่อ แต่ดูจากสภาพเธอแล้ว ให้กลับไปตอนมีสติน่าจะดีที่สุด อย่างน้อยก็ไปเคลียร์กับทางนั้นให้มันชัดเจน จะได้ไม่ต้องคาราคาซัง
อารยาโบกแท็กซี่เพื่อใช้โดยสารกลับบ้าน เธอขับรถไม่เป็น จึงไม่เคยเรียกร้องขอรถจากสามี ทั้งที่เขามีรถในบ้านเยอะแยะ เธอสะดวกแบบไหนก็ใช้ชีวิตแบบนั้น เงินทองถ้าเขาไม่ยื่นให้ เธอก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอ ได้แต่ใช้เงินเดือนตัวเองจ่าย รวมทั้งส่งให้ทางบ้านตัวเองด้วย
ใบหน้าสวยดูเศร้าลงเมื่อคิดถึงเรื่องของสามี พยายามขับไล่หยาดน้ำตาที่เอ่อคลอแต่ไม่เป็นผล ความเสียใจร่วงหล่นลงเม็ดแล้วเม็ดเล่า เมื่อคิดได้ว่าต้องกลับไปคุยเรื่องหย่ากับเขาต่อ
เขาคงรอเธออยู่แล้ว อาจจะรอตั้งหัววัน เพราะเขาเลิกงานเวลานั้นตลอด คงไม่คิดจะปล่อยผ่านเรื่องนั้นให้ยืดเยื้อ แม้เธอจะหนีออกมาเพื่อหลบเลี่ยงการพูดคุย สุดท้ายก็คงต้องคุยอยู่ดี ไม่วันนี้ ก็คงเป็นพรุ่งนี้เช้า
อัครราชนั่งอยู่ในห้องรับแขกเงียบๆ มาตั้งแต่หนึ่งทุ่ม จนตอนนี้เวลาล่วงเลยเข้าห้าทุ่มแล้ว คนที่เขานั่งรอก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับ เขาบอกเธอไปแล้วนะ ว่าตอนเย็นจะกลับมาคุย ไม่รู้ว่าเธอไม่ฟัง หรือตั้งใจหลบเขาไปหาใครกันแน่