ตอนที 7 : เปลี่ยนไปจนน่ากลัว
อาทิตย์เดินนำหน้าเอวามายังรถคันหรูของตัวเอง ซึ่งวันนี้อาทิตย์ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัวไม่ได้ใช้รถประจำตำแหน่งเหมือนอย่างทุกครั้ง ราวกับว่าอาทิตย์รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ริมฝีปากหนาแสยะยิ้มเล็กน้อยในจังหวะที่ลับสายตาหญิงสาวร่างอรชรที่เดินตามหลัง มือหนาเปิดประตูรถฝั่งคนนั่งให้เธอเข้าไป และเมื่อหันไปเผชิญหน้ากับคนตัวเล็กริมฝีปากหนาระบายยิ้มบางๆเหมือนหนุ่มผู้อบอุ่น
"ทีวันนั้นแซวเอวานะคะว่าขับรถมาเองทั้งที่เป็นประธานบริษัท แต่วันนี้คุณอาทิตย์ก็ขับรถมาเองเหมือนกัน"
"คงเพราะวันนี้ฟ้าลิขิตไว้แล้วครับ ทุกอย่างเลยดูเป็นใจไปซะหมด" น้ำเสียงราบเรียบที่พูดออกมาเหมือนทีเล่นทีจริงแต่ยังคงระบายยิ้มในขณะที่พูด
เอวานิ่งไปชั่วขณะกับคำพูดของเขาดูเหมือนมีนัยอะไรบางอย่างและพูดกำกวมแปลกๆ ไม่ได้ดูเหมือนคำหวานที่คอยหยอดเหมือนทุกครั้ง ความคิดในหัวทำให้นิ่งและมองชายหนุ่มอย่างลืมตัว
"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ผมแค่พูดเปรียบเปรยเฉยๆ ขอโทษนะครับที่ทำให้คุณเอวาไม่สบายใจ" อาทิตย์ทำสีหน้าละห้อยและรู้สึกผิด
"ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ สงสัยเอวาคิดมากไปเอง" ริมฝีปากบางเผยรอยยิ้มก่อนจะเข้าไปนั่งในรถหรูของอาทิตย์ ฉันคงคิดมากไปอย่างที่บอกเขา
ไม่นานรถยนต์คันหรูขับออกจากร้านอาหารไทย โดยมีหญิงสาวร่างอรชรนั่งอยู่เคียงข้าง ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะชำเลืองมองหญิงสาวร่างเล็กและหันกลับมามองถนนเบื้องหน้า
"คอนโดxxค่ะ" เอวารีบบอกอาทิตย์ทันทีเมื่อเห็นว่ารถคันหรูขับเคลื่อนออกมา แต่ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าฉันอยู่ที่ไหน เพราะเมื่อกี้ผ่านแยกที่จำเป็นต้องเลือกซ้ายกับขวา อาทิตย์เลี้ยวมาถูกทางโดยที่ฉันยังไม่พูดอะไร ทั้งที่ถ้ากลับบริษัทของฉันต้องเลี้ยวไปอีกทาง
"ครับ"
"ยามเย็นใกล้พระอาทิตย์ตกดินดูโรแมนติกเลยว่าไหมครับ" อาทิตย์ทำลายความเงียบโดยการชวนเธอคุยหลังจากขับรถมาได้สักพักใหญ่
"ใช่ค่ะ...สีทองของพระอาทิตย์ตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้า ต่อให้แดดประเทศไทยจะร้อนยังไงแต่เวลาพระอาทิตย์กำลังจะตกดินก็ยังแฝงความอบอุ่นและชวนหลงใหล ไม่ต่างกับตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า สวยกันคนละแบบแต่มีความโรแมนติกเหมือนกัน"
"เหมือนกับผมหรือเปล่าครับ"
"คะ" คำพูดของเขาทำให้เอวาหันไปมองใบหน้าคมคาย แต่เขากำลังยิ้มกับคำพูดของตัวเอง
"สำหรับคุณเอวาคิดว่าผมอบอุ่นและโรแมนติกไหมครับ"
เอวาระบายยิ้มและไม่ได้ตอบกลับ แต่คำพูดของเขากำลังทำให้ฉันเขินจนทำตัวไม่ถูก อาการแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองมาก่อน
"ผมชอบเวลาพระอาทิตย์กำลังจะตกดินเป็นพิเศษเลยครับ มันรู้สึกฝังอยู่ในใจผมมาตั้งแต่เด็ก เวลาเห็นพระอาทิตย์ตกดินทำให้ผมนึกถึงพ่อ"
เอวาตั้งใจฟังสิ่งที่ชายหนุ่มพูดออกมา เขากำลังพูดไปยิ้มไปเมื่อพูดถึงตัวเอง
"คุณพ่อของคุณอาทิตย์คงเป็นคนโรแมนติกและชอบพระอาทิตย์แน่ ไม่งั้นคงไม่ตั้งชื่อนี้ให้คุณ แถมบริษัทยังสอดคล้องกับพระอาทิตย์อีก เดอะซันด์กับอาทิตย์"
"ผมอยากตั้งชื่อบริษัทให้คล้องกับชื่อผมมันทำให้ผมนึกถึงพ่อครับ เราไปไหว้คุณพ่อคุณแม่กันตอนนี้เลยไหมครับ ผมเองยังไม่ได้เข้าไปไหว้เลยตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอก
"คะ?" ใบหน้าหวานเอียงคอมองชายหนุ่มเชิงคำถามเพราะดูเหมือนเป็นการพบญาติผู้ใหญ่ของแฟน แต่เขากลับยิ้มเป็นคำตอบอีกแล้ว
"เราผ่านพอดีครับ แค่แวะไปแป๊บเดียว คุณพ่อคุณแม่ผมใจดีครับ"
"ดูเหมือนมัดมือชกเลยนะคะ ถ้าทางผ่านจริงๆก็ได้ค่ะ แต่มันจะน่าเกลียดหรือเปล่าที่ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือไปฝากท่านเลย"
"ไม่ครับ พ่อแม่ผมใจดีไม่ถือสาเรื่องแบบนี้หรอกครับ"
ทันทีที่พูดจบเท้าแกร่งเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วมากขึ้น สายตาคมกริบที่เคยอ่อนโยนเปลี่ยนมาแข็งกร้าวจดจ้องกับถนนเบื้องหน้า และชำเลืองมองหญิงสาวร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆอีกครั้งโดยที่เธอไม่รู้ตัว
รอยยิ้มหวานฉายขึ้นบนใบหน้าไม่รู้ตัวเมื่อมองวิวข้างทางสลับกับวิวพระอาทิตย์ตก ถึงแม้จะไม่สวยเหมือนตามต่างจังหวัดหรือแถบทะเล แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงรู้สึกโรแมนติกกว่าทุกครั้งที่เคยมอง
ไม่นานรถคันหรูขับเข้ามาในซอยที่แยกออกมาจากถนนเส้นหลัก บรรยากาศที่เริ่มพลบค่ำทำเอาหญิงสาวตัวเล็กรู้สึกหวาดระแวง ต่อให้เป็นลูกมาเฟียแต่ความเป็นผู้หญิงต่อมความกลัวก็เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่แล้วคิ้วเรียวสวยก็ขมวดเป็นปมเมื่อรถคันหรูจอดอยู่บริเวณลานวัดที่เงียบสงัดไร้ซึ่งผู้คน
"ทำไมคุณอาทิตย์ถึงพามาที่วัดคะ"
"พ่อแม่ผมอยู่ที่นี่ครับ" อาทิตย์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกและเปิดประตูลงจากรถทันที ร่างสูงเดินไปเปิดประตูด้านหลังและหยิบแฟ้มเอกสารตามไปด้วย "พ่อแม่ผมรออยู่นะครับ"
ปัง!
เสียงปิดประตูดังลั่นทำเอาเอวาสะดุ้งเฮือก เขาหยิบเอกสารและเงยหน้าขึ้นมาบอกฉันก่อนจะปิดประตูรถ แต่สายตาคู่นั้นและน้ำเสียงเข้มนั้นดูน่ากลัว เป็นสายตาที่ฉันไม่เคยเห็นเขาแสดงออกมาก่อน
ปัก
เมื่อเห็นว่าคนในรถไม่ยอมลงตามไปทำให้อาทิตย์เปิดประตูฝั่งคนนั่ง
"เชิญครับคุณเอวา" ริมฝีปากหนากลับมายิ้มแบบสุภาพอีกครั้งเมื่อเริ่มเห็นสีหน้าหวาดระแวงของเธอ
เอวายอมลงจากรถตามคำบอกกล่าวของชายหนุ่ม
หมับ
ฝ่ามือหนาจับเข้าที่แขนเรียวเล็กอย่างรวดเร็วและลงน้ำหนักมือประมาณหนึ่ง
"คุณอาทิตย์นี่มันอะไรกัน" น้ำเสียงหวานเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเห็นว่าสิ่งที่เขากระทำเริ่มผิดแปลกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
"พ่อแม่ผมรออยู่ครับ ไม่อยากให้ท่านรอนาน" ฝ่ามือหนาลากคนตัวเล็กให้เดินตามไป และจ้ำอ้าวจนไม่สนใจว่าเธอจะเดินทันหรือเปล่า ยิ่งรับรู้แรงต้านจากเธอทำให้อาการเริ่มหงุดหงิด เขาต้องอดทนอดกลั้นระงับอารมณ์ตัวเองเพื่อให้เธอเดินไปจุดที่เขาต้องการ
"คุณอาทิตย์ปล่อย คุณกำลังทำอะไร ฉันมั่นใจว่าพ่อแม่ของคุณไม่ได้อยู่ทีนี่" เอวาน้ำเสียงสั่นเพราะเขาพาเดินเข้ามายังสุสานที่เต็มไปด้วยเจดีย์อัฐิของคนตาย แต่ละเจดีย์อัฐิมีรูปคนตายอย่างชัดเจน บรรยากาศที่เริ่มมืดสลัวบวกกับท่าทางของชายหนุ่มที่ดูน่ากลัวจนน่าขนลุก
ตุบ!
"โอ๊ย..."
ร่างอรชรที่ถูกพาเข้ามายังสุสานของคนตายถูกเหวี่ยงลงกับพื้นอย่างแรงจนล้มลงไปกองกับพื้น โชคดีที่มือเรียวเล็กยันกับพื้นปูนซีเมนต์ได้ทันทำให้หัวไม่โขลกกับพื้นแต่ก็สร้างความเจ็บแสบให้กับร่างกายไม่น้อย ขาเรียวเล็กขูดไปกับพื้นปูนซีเมนต์จนรู้สึกเจ็บแสบ
"นี่มันอะไรกัน!" เอวาแผดเสียงดังลั่นด้วยความไม่พอใจ ดวงตากลมโตที่เคยอ่อนโยนแปลเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวเมื่อเป็นฝ่ายถูกกระทำจากคนที่คิดว่าสุภาพและให้เกียรติมาโดยตลอด
"ผมพาคุณเอวามาไหว้ท่านทั้งสองไงครับ ท่านทั้งสองรอคุณอยู่นะ" น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกตอบกลับหญิงสาว สายตาคมมองเลยออกไปด้านหลังที่เป็นเจดีย์อัฐิของพ่อซึ่งเขาเหวี่ยงตัวเธอลงด้านหน้าพอดี และสายตาคมมองไปยังเจดีย์อัฐิข้างๆกันที่เป็นรูปของหญิงสาวซึ่งนั่นคือแม่ของเขาเอง
เอวามองตามสายตาของอาทิตย์ด้วยอาการหวาดผวาตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่จวนตัวจนไม่สามารถสู้กลับอะไรได้แบบฉุกละหุกมาก่อน ต่อให้พ่อคาไลน์จะสอนหลักจิตวิทยาเพื่อรู้ทันคนแต่ตัวเองกลับอ่านสายตาอาทิตย์ไม่ออก ถึงจะมีบางครั้งในชั่ววินาทีที่ฉันเห็นสายที่เปลี่ยนไปของเขาแต่ความสุภาพกับการกระทำของเขาสามารถลบความแปลกใจนั้นไปจนหมด
ดวงตากลมโตจับจ้องที่รูปภาพของชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า ดอกไม้ที่แห้งเหี่ยววางอยู่ตรงหน้ารูป ข้างๆกันเป็นรูปของหญิงสาววัยกลางคนเหมือนกันรอยยิ้มในรูปเหมือนกับอาทิตย์ แต่เค้าโครงของอาทิตย์เหมือนชายวัยกลางคนอย่างถอด ร่างอรชรสั่นเทากับสิ่งที่เห็นตรงหน้าทั้งหวาดผวาและโกรธที่ถูกกระทำแบบนี้
เอวาหันกลับมามองชายหนุ่มร่างสูงอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ และทำไมเขาถึงพาฉันมาที่นี่ แต่ผู้ชายที่สุภาพอ่อนโยนคนนั้นได้หายไปแล้ว