ตอนที่ 1 : รอยยิ้ม
ปัจจุบัน
บริษัทนำเข้าและส่งออกยักษ์ใหญ่ ณ ประเทศไทย
หญิงสาวร่างเล็กเดินเข้าบริษัทในช่วงเช้าของทุกวัน ร่างอรชรสวมชุดเดรสสีขาวสะอาดตาทรงตรงเรียบหรูดูแพง สวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าทวิตสีดำตัวสั้นจากแบรนด์ดังเสริมให้การแต่งตัวดูเป็นทางการมากขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องใส่สูท มือเรียวเล็กถือกระเป๋าหนังจระเข้แบรนด์ดังสีดำสนิท ใบหน้าสวยถูกขับผิวด้วยผมสีดำยาวตรงสลวยทำให้ดูโดดเด่น เท้าเรียวที่กำลังก้าวอย่างมั่นใจถูกสวมด้วยรองเท้าส้นสูงสีดำ องค์ประกอบทุกอย่างบนร่างกายบวกกับบุคลิกภาพทำให้หญิงสาวร่างอรชรดูสง่าสมกับเป็นประธานบริษัทนำเข้าและส่งออกระดับโลก
บริษัทขนาดใหญ่ที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาตั้งแต่รุ่นพ่อและเป็นที่รู้จักเป็นวงกว้างเป็นบริษัทชั้นนำมานานหลายสิบปี ทายาทที่รับช่วงต่อจะทำเสียชื่อเสียงไม่ได้ ต่อให้ทายาทรุ่นหลังมีความกดดัน แต่เอวาก็ไม่กดดันแถมยังรับช่วงต่อบริหารงานได้เป็นอย่างดี มีแต่ผลกำไรมากขึ้นในทุกปี สาวสวยที่ใครๆก็ขนานนามว่าเธอฉลาดดั่งนักปราชญ์แห่งวงการธุรกิจ ไม่ว่าแนวโน้มของธุรกิจโลกจะไปทางไหนเอวาก็รู้ทันและพร้อมรับมือได้ทันถ่วงที ทำให้บริษัทนำเข้าสินค้าและส่งออกสินค้าของครอบครัวก้าวสู่สากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทุกคนยอมรับเอวาในฐานะประธานบริษัทจากความสามารถไม่ใช่จากมรดกตกทอด ครอบครัวของเอวามีน้องชายอีกหนึ่งคนชื่อเอลิกซ์ แต่น้องชายตัวแสบพึ่งจะมาสนใจงานบริหารของครอบครัวก็เมื่อมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนทำให้คิดได้และยอมมาช่วยพี่บริหารงานได้ไม่นานแต่น้องชายยังทำธุรกิจที่เมืองนอกซะส่วนใหญ่อีกทั้งยังใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาแสนสวยที่เมืองนอกทำให้เอวาต้องทำงานในธุรกิจครอบครัวอยู่ที่ประเทศไทยคนเดียว เอวาเริ่มเข้ามาบริหารงานตั้งแต่อายุยี่สิบห้าปีจนตอนนี้ยี่สิบแปดปีเต็มพ่วงตำแหน่งประธานบริษัท แต่เอวาก็ไม่เคยน้อยใจน้องชายที่อยู่แบบสุขสบายตั้งแต่สมัยวัยรุ่น ยังคงรักและห่วงใยน้องชายตัวแสบเสมอ ดีใจที่น้องชายสุดที่รักได้เป็นหัวหน้าครอบครัวเต็มตัวมีครอบครัวที่อบอุ่น
เอวาทำงานจนไม่มีเรื่องความรักให้กวนใจทำให้หญิงสาวร่างอรชรไร้เงาหนุ่มข้างกาย แม้ตอนนี้จะอายุยี่สิบแปดปีแล้ว อายุใกล้เลขสามเข้าไปทุกทีแต่ยังครองความบริสุทธิ์ของตัวเองไว้อย่างเหนียวแน่น ไม่ได้รู้สึกโหยหาที่จะมีคนมาเคียงข้างหรืออาจไม่มีใครเข้ามาขายขนมจีบเธอเลยแม้แต่คนเดียว เพราะการเป็นผู้หญิงที่ดูเพียบพร้อมทั้งฐานะและหน้าที่การงานทำให้ผู้ชายไม่กล้าเข้ามา บางคนก็ไม่กล้าเสี่ยงกับพ่อของเอวาที่ทุกคนรู้ดีว่าอดีตเคยเป็นผู้ทรงอิทธิพล
"สวัสดีค่ะคุณเอวา"
ใบหน้าหวานรับคำทักทายของเลขาสาวหน้าห้องและเผยรอยยิ้มบางๆกลับไป
"คุณธิดาช่วยเอาแฟ้มเอกสารผลการดำเนินงานของครึ่งปีแรกเข้าไปให้เอวาในห้องด้วยนะคะ"
"ได้ค่ะคุณเอวา...เช้านี้คุณเอวาจะรับกาแฟหรือชามะลิดีคะ"
"ขอกาแฟดีกว่าค่ะ เผื่อร่างกายจะได้ตื่นๆหน่อย เมื่อคืนโหมงานหนักไปนิด" เอวาพูดอย่างเป็นกันเองกับเลขาสาวหน้าห้อง ทำให้พนักงานของบริษัทนี้กล้าที่จะพูดคุยกับประธานบริษัทจะได้ไม่เกร็งเวลาพูดคุยเรื่องงาน ซึ่งนี่ก็เป็นอีกวิธีที่เอวาต้องการให้เป็น เพราะสามารถใกล้ชิดพนักงานได้ การทำงานจะได้มีความสุขมากขึ้น เอวารู้ดีว่าตอนรุ่นพ่อคาไลน์บริหารเป็นแบบไหน ทำให้ตัวเองไม่อยากให้ทุกคนต้องเกร็งและหวาดผวาขนาดนั้น
ต่อให้เอวาจะเป็นกันเองกับพนักงานทุกคนแต่ทุกคนที่นี่ก็ให้ความเคารพและปฏิบัติต่อเจ้านายไม่ก้าวร้าวจนข้ามเส้น
ร่างอรชรเข้าห้องทำงานประจำตำแหน่งของตัวเองหลังจากพูดคุยกับเลขาหน้าห้องเสร็จสรรพ ภายในห้องทำงานตกแต่งแนวเรียบและจัดทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ร่างอรชรมาหยุดยืนอยู่หน้ากระจกบานสูงขนาดเท่าตัวเองสามารถมองเห็นเต็มตัวที่เอาไว้เช็คความเรียบร้อย ริมฝีปากบางเผยรอยยิ้มให้กับตัวเองผ่านเงาสะท้อนของกระจกเหมือนส่งกำลังใจในทุกๆเช้าวันใหม่
"วันนี้ต้องเป็นวันที่ดี"
——————-
ก๊อก ก๊อก...
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้หญิงสาวที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานเงยขึ้นก่อนจะส่งรอยยิ้มให้กับเลขาสาวที่เข้ามา
"เอสเปรสโซ่หวานน้อยร้อนๆค่ะ ส่วนอันนี้แฟ้มเอกสารที่คุณเอวาต้องการค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ"
"ตารางงานวันนี้ช่วงเช้าไม่มีนัดที่ไหนค่ะ ส่วนช่วงบ่ายมีนัดคุยงานกับบริษัทเดอะซันด์ค่ะ"
เอวาพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ชีวิตประจำวันของประธานสาวสวยมักวนอยู่แบบนี้เสมอเมื่อเข้าบริษัท ทำงานในบริษัท ประชุมกับพนักงาน หรือออกไปพบลูกค้า
เลขาสาวมองประธานคนสวยด้วยรอยยิ้มและรู้สึกดีที่เจ้านายมักมีรอยยิ้มแบบนี้เสมอ การได้เจอเจ้านายที่เป็นกันเองแถมยังเข้าถึงง่าย บรรดาลูกน้องอย่างเธอรู้สึกโชคดีไม่น้อยที่ทำงานที่นี่
"รอยยิ้มของคุณเอวาทำให้พนักงานทุกคนมีความสุขนะคะ"
"เอวาก็อยากให้ทุกคนมีความสุขกับที่ทำงานแบบนี้ไปตลอดค่ะ" เอวายิ้มร่าเมื่อได้ฟังคำพูดของเลขาสาว