ตอนที่ 2

1440 Words
ก๊อกๆๆ "ทับทิม ตื่นหรือยังลูก พ่อขอเข้าไปหน่อยนะคะ" ไม่รอเสียงอนุญาตจากคนในห้อง มือใหญ่ก็ผลักประตูเข้าไปในห้องนอนที่ตกแต่งด้วยโทนสีชมพูทั้งหมด รอบห้องเต็มไปด้วยตุ๊กตาตัวน้อยตัวใหญ่ ผ้าม่านโปร่งพลิ้วปลิวไสวตรงหน้าต่างที่เปิดไว้ ทำเอาคนที่เข้ามาถึงกับถอนหายใจและบ่นไม่จริงจังนัก "พ่อบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้เปิดหน้าต่างไว้ เดี๋ยวตื่นมาก็น้ำมูกยืดเอาหรอก" หลังจากปิดหน้าต่างแล้วก็หันกลับมาที่เตียงนอนสีชมพู "แสงแดดแหย่ตูดแล้ว ตื่นได้แล้วนะคะทับทิม จะได้ลงไปทานข้าว วันนี้ป้าสายทำแต่ของโปรดหนูไว้ให้ทั้งนั้นเลย ทานเสร็จแล้วพ่อจะได้ออกไปทำงาน วันนี้มีกำหนดส่งของ พ่อต้องไปคุมงานด้วยตัวเอง และอีกอย่างวันนี้พี่เลี้ยงคนใหม่ของหนูก็จะเดินทางมาถึง เพราะฉะนั้นหนูจะต้องเตรียมตัวไว้รอต้อนรับเธอด้วย" พอได้ยินว่าพี่เลี้ยงคนใหม่ ร่างป้อมที่นอนนิ่งอยู่ใต้ผ้าห่มก็เริ่มดิ้นขยุกขยิก ก่อนที่ผ้าห่มลายแมวสีชมพูจะลอยหวือไปตกที่ปลายเตียง "ทับทิม ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคะ" "ก็หนูไม่อยากให้พี่เลี้ยงคนใหม่นี่นา คนใหม่คนเก่าหนูก็ไม่อยากได้ทั้งนั้น ผู้หญิงพวกนั้นไม่ได้อยากมาดูแลหนูสักหน่อย แต่จะมาแย่งพ่อไปจากหนูต่างหาก" ร่างป้อมลุกขึ้นมานั่งกอดอก ใบหน้าบูดบึ้ง "ฟังคำพูดคำจา ไปจำมาจากไหนไม่น่ารักเลย" พ่อเลี้ยงปฐวีว่าพร้อมกับเดินเข้าไปหาลูกสาว มือใหญ่วางลงบนศีรษะเล็กแล้วนั่งลงที่ขอบเตียง แต่คนตัวเล็กกลับขยับหนี คนเป็นพ่อได้แต่ขมวดคิ้วให้กับความแสนเอาแต่ใจของลูกสาววัยหกขวบ "เรามาคุยกันดีๆ ดีกว่านะคะ" เขาก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือ เมื่อเห็นว่าจวนแก่เวลาแล้วจึงต้องรีบจัดการกับคนตัวเล็กให้เร็วที่สุด "วันนี้พ่อมีธุระสำคัญในสวนต้องไปจัดการ หนูอยู่กับป้าสายรอพี่เลี้ยงที่จะเดินทางมาถึงช่วงสายๆ นะคะ เด็กดีห้ามงอแงนะ แล้วตอนกลับพ่อจะมีรางวัลมาให้ด้วย" "หนูไม่อยากได้รางวัลค่ะ แต่ถ้าคุณพ่อจะให้ ช่วยเปลี่ยนเป็นไล่พี่เลี้ยงคนใหม่ไปซะ" หนูน้อยพูดจบความเงียบก็เข้าปกคลุมทั้งห้อง มีเพียงเสียงถอนหายใจของปฐวี "ก็ได้ค่ะ แต่ให้เธอมาถึงก่อนเผื่อหนูจะเปลี่ยนใจ แต่ถ้าไม่เปลี่ยนใจจริงๆ พ่อก็จะให้เธอกลับไป ตกลงไหมคะ" "ตกลงค่ะ" หนูน้อยยิ้มออกมาในที่สุด ดวงตาลุกวาวด้วยความดีใจ "แต่ตอนนี้หนูต้องลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน จะได้ลงไปทานข้าว ป่านนี้ป้าสายคงตั้งโต๊ะรอแย่แล้ว" "หนูยังไม่หิวเลยค่ะ ขอนอนต่ออีกนิดได้ไหมคะ" ว่าแล้วหนูน้อยก็ล้มตัวลงนอนต่อ "ไม่ได้ค่ะ เป็นเด็กเป็นเล็ก ห้ามขี้เกียจนะคะ ลุกขึ้นมาเลย" เมื่อเห็นลูกสาวตัวน้อยยังนอนนิ่งอยู่เลยคิดอยากจะแกล้ง โดยการยื่นหน้าไปถูกับแก้มกลมๆ ของเด็กหญิง ทำเอาเธอรีบพลิกตัวหลบแล้วหนีลงจากเตียงทันที "อี๋! ไม่ต้องมาใกล้เลยนะคะ มันจั๊กจี้ หนวดของคุณพ่อมันทิ่มหน้าหนู" "ก็ใครบอกให้เราดื้อกับพ่อล่ะ ถ้าไม่อยากโดนหนวดทิ่มก็รีบไปเข้าห้องน้ำเลย" "ไปก็ได้ค่ะ" หนูน้อยรีบวิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำทันที แต่ก็ยังไม่วายยื่นหน้าออกมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่บิดา ที่นั่งยิ้มอยู่บนเตียง ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่คนทั่วไปไม่มีทางได้เห็นจากผู้ชายรูปร่างสูงกำยำ เรือนผมสีดำสนิทยาวระต้นคอ คิ้วเข้มพาดเฉียงเหนือดวงตากลมโต จมูกคมสันรับกับริมฝีปากแดงสดที่มีหนวดเครายาวรกครึ้มปกปิดเกือบจะครึ่งใบหน้า เขาคือพ่อเลี้ยงปฐวี ปัทมาตย์ หนุ่มใหญ่วัยสามสิบห้าปี เจ้าของสวนส้มนับร้อยไร่ที่ตั้งอยู่ในบ้านแม่จัน 'สวนส้มปัทมาตย์' เป็นสวนส้มสายน้ำผึ้งที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาและธรรมชาติ ผลผลิตที่ได้ถือว่ามีคุณภาพมากๆ ส่งออกไปขายยังต่างประเทศทำเงินได้มหาศาล คนงานส่วนใหญ่ก็เป็นคนในหมู่บ้าน ทำให้ไม่ต้องไปหางานทำต่างถิ่น วันนี้มีนัดส่งส้มล็อตใหญ่ไปต่างประเทศ ปฐวีจึงต้องเข้าไปคุมงานด้วยตัวเองเพราะจะให้ผิดพลาดไม่ได้ แต่ถ้างานทั่วไปที่ไม่สำคัญนักก็จะปล่อยให้ 'เขมจิรา' ผู้จัดการสาวที่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กเป็นคนจัดการ ซึ่งขณะนี้เจ้าหล่อนก็มารออยู่ที่ด้านล่างแล้ว "เสร็จแล้วค่ะ" ทับทิมยิ้มกว้างขณะก้าวออกมาจากห้องน้ำ ก่อนจะเอ่ยชวนบิดาด้วยท่าทีกระตือรือร้น "เรารีบลงไปทานข้าวเถอะค่ะ ป่านนี้ป้าสายคงรอนานแล้ว" ผู้เป็นบิดาเพียงแต่พยักหน้ายิ้มๆ แล้วลุกจากเตียง เดินตามลูกสาวตัวน้อยออกไปจากห้อง เด็กหญิงปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ โดยไม่รอความช่วยเหลือจากบิดาที่เดินตามหลังมา ร่างสูงจึงเดินเลยไปนั่งที่หัวโต๊ะซึ่งเป็นที่นั่งประจำ แต่แล้วครู่หนึ่งรอยยิ้มของหนูน้อยก็หายไป เมื่อมีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา "ปัถย์ลงมาแล้วเหรอคะ เขมมารอจะเข้าไปในสวนพร้อมกัน ป้าสายบอกว่าคุณขึ้นไปปลุกหนูทับทิมอยู่ ก็เลยนั่งรออยู่หน้าบ้าน อรุณสวัสดิ์ค่ะทับทิม จะว่าอะไรหรือเปล่าน้า ถ้าน้าเขมจะขอร่วมโต๊ะด้วยอีกคน พอดีว่ากลัวสายก็เลยยังไม่ได้ทานอะไรเลยค่ะ" "อ้าวเหรอ งั้นก็นั่งสิ ป้าสายครับ ช่วยจัดอาหารเช้าให้คุณเขมอีกที่หนึ่งด้วยครับ" ป้าสายพยักหน้ารับคำแล้วเดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อจัดชุดจานและช้อนส้อม ให้ผู้จัดการสวนอีกหนึ่งที่ นี่ก็อีกคน จะมาทำไมแต่เช้าก็ไม่รู้ บ้านตัวเองไม่มีข้าวกินหรือไง... หนูน้อยบ่นขรมในใจ เธอไม่ชอบใจที่เขมจิราพยายามเอาตัวเข้ามาใกล้ชิดบิดา แม้ทั้งคู่จะเป็นเพื่อนกันมานานแล้วก็ตาม "อ้าว! พ่อเลี้ยงมีแขกเหรอจ๊ะแม่ หรือว่าแม่แก่แล้วเลยหลงๆ ลืมๆ จัดโต๊ะไม่ครบ" ส้มเช้ง ลูกสาวของป้าสายแกล้งแซวเมื่อเห็นมารดาวัยเกือบหกสิบกำลังจัดจานอยู่ "อีลูกทรพีนี่ เดี๋ยวประเคนมะเหงกให้เลยนี่ หน้าที่ข้า ข้าไม่ลืมหรอกโว้ย แต่วันนี้มีแขกไม่ได้รับเชิญน่ะสิ" "ใครเหรอแม่ หรือว่าพี่เลี้ยงของคุณหนูทับทิม แต่เห็นว่าจะมาถึงตอนสายๆ ไม่ใช่เหรอ" "ไม่ใช่โว้ย แม่เขมจิราต่างหาก มาขอทานมื้อเช้าด้วย พ่อเลี้ยงเลยให้ข้ามาจัดจานไปให้" "บ้านตัวเองไม่มีข้าวกินหรือไง แล้วคุณหนูทับทิมไม่วีนแตกเหรอแม่" เป็นที่รู้กันดีว่าทับทิมหวงพ่อเลี้ยงปฐวียิ่งกว่าอะไร ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้บิดาเป็นต้องไล่ตะเพิดไปเสียทุกราย เพราะกลัวจะถูกแย่งความรักไป "ไม่ว่ะ ยังเงียบอยู่ ข้าออกไปล่ะ เอ็งก็เก็บของรอแล้วกัน" หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ปฐวีก็ย้ำกับลูกสาวว่าให้ทำตามข้อตกลงที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้ หากเสร็จงานในสวนแล้วจะกลับมาจัดการให้ "อย่าลืมที่เราคุยกันก่อนหน้านี้นะคะ ห้ามดื้อ ห้ามงอแงเข้าใจไหมคะ" "เข้าใจค่ะ คุณพ่อไม่ต้องห่วง ไปทำงานก็ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ ระวังจะโดน..." หนูน้อยไม่พูดต่อ แต่เลื่อนสายตาไปหาเขมจิรา ที่ยืนยิ้มอยู่ด้านหลังร่างสูงแทน "ระวังจะโดนอะไรคะ" ปฐวีถามอย่างแปลกใจ "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณพ่อกลับมาเร็วๆ นะคะ" "โอเคค่ะ หนูกลับเข้าบ้านเถอะค่ะ" ทับทิมพยักหน้ายิ้มหวานปานนางฟ้าตัวน้อยๆ แล้วเดินกลับเข้าด้านในอย่างว่าง่าย ผู้เป็นบิดาถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็แอบกังวลอยู่ไม่น้อยที่อะไรๆ ดูเหมือนจะง่ายเกินไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD