ตอนที่ 9

1128 Words
รุ่งอรุณเช้าวันใหม่เวียนบรรจบมาอีกครา ทะเลหมอกยามเช้าเรียงรายราวกับท้องทะเลไม่มีผิด เป็นความสวยงามที่ธรรมชาติได้สรรค์สร้าง สายลมพัดพากลิ่นอายเย็นมา บ่งบอกว่ากำลังจะย่างเข้าสู่ฤดูหนาวในไม่ช้านี้ พระอาทิตย์สีส้มแดงดวงโตค่อยๆ เคลื่อนขึ้นมา ทอแสงอุ่นๆ กระจายทั่วบริเวณ เสียงนกร้องเสมือนนาฬิกาจากธรรมชาติ ให้สัญญาณในการเริ่มต้นวันใหม่ ปฐวีลุกมาส่งรามิลกลับเข้าเมือง ก่อนจะวิ่งออกกำลังกายที่ลานหน้าบ้านอย่างเช่นทุกเช้า พร้อมกับสูดกลิ่นหอมๆ ของอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า เพื่อเพิ่มออกซิเจนที่แสนสดชื่นเข้าไปให้เต็มปอด ก่อนจะนั่งพักเหนื่อยจิบกาแฟร้อนๆ ฟังนกกาที่พากันร้องก้องกังวานภูเขาที่ตั้งสูง จนกระทั่งได้เวลาจึงกลับเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมพร้อมสำหรับเข้าสวน "พ่อเลี้ยงจะขึ้นไปปลุกคุณหนู หรือจะให้ป้าขึ้นไปปลุกดีคะ" หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วกลับลงมา พ่อเลี้ยงหนุ่มก็เจอเข้ากับป้าสายที่กำลังจะตั้งโต๊ะอาหารสำหรับมื้อเช้าพอดี "เดี๋ยวผมไปปลุกเองดีกว่าครับ" เขารับอาสาเองเพราะเห็นอีกฝ่ายกำลังยุ่งอยู่ "ค่ะ ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จา นะคะ ป่านนี้เธอคงจะหายโกรธแล้วละค่ะ" "ครับ" พ่อเลี้ยงหนุ่มพยักหน้ารับคำแล้วก็เดินกลับขึ้นบันไดไปอีกรอบ ก๊อกๆๆ "ทับทิม ตื่นหรือยังคะ พ่อขอเข้าไปนะ" คนที่อยู่ในห้องซึ่งตื่นนานแล้วได้ยินเสียงเรียก ก็รีบมุดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม พอได้ยินฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้ก็รีบหลับตาแกล้งหลับ "ตะวันโด่งแล้ว ตื่นได้แล้วนะคะทับทิม" ไม่ว่าเปล่าแต่มือใหญ่เอื้อมไปดึงผ้าห่มที่คลุมร่างป้อมอยู่ออก จนเห็นร่างที่นอนคุดคู้อยู่ "อื้อ! อย่ามายุ่ง หนูจะนอน" หนูน้อยแกล้งทำเสียงงัวเงีย "ตื่นได้แล้วค่ะ สายแล้วนะคะ" "ไม่เอา!" "เอ...ถ้านอนขี้เซาอยู่แบบนี้ก็อดกินไอศกรีมน่ะสิ อุตส่าห์ว่าวันนี้ตั้งใจจะพาเข้าเมืองสักหน่อย เห็นทีคงได้ไปคนเดียวซะแล้ว" พอได้ยินว่าไอศกรีม ดวงตาก็ลุกวาวด้วยความดีใจขึ้นมาทันที เด็กหญิงตัวน้อยรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที ก่อนจะทำเสียงอ้อนเสียงหวานใส่ผู้เป็นบิดา ความรู้สึกโกรธเคืองเมื่อวานก็อันตรธานหายไปทันที "หนูตื่นแล้วค่ะ คุณพ่อให้หนูไปด้วยนะคะ หนูอยากกินไอศกรีม" "อ้าว! เมื่อกี้เสียงยังงัวเงียอยู่เลย แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้เสียงใสแจ๋วเหมือนตื่นนานแล้ว หรือว่าเมื่อกี้แกล้งหลับกันนะ" ผู้เป็นบิดาแกล้งถามพร้อมกับมองใบหน้าจิ้มลิ้มของลูกสาวอย่างรักใคร่ "แหะๆ" คนถูกจับได้ ได้แต่หัวเราะแห้งๆ กลบเกลื่อน "จริงๆ เลยนะเรา แสนเอาแต่ใจ แสนดื้อ แสนซน แล้วก็แสนงอน ว่าแต่อยากไปนี่หายโกรธพ่อแล้วเหรอเรื่องเมื่อวาน" "หายแล้วค่ะ พ่อขา...หนูขอโทษ ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ พ่ออย่าโกรธหนูนะคะ" คนตัวเล็กพูดเสียงอ่อน พลางเอาแก้มถูไถกับต้นแขนของบิดาอย่างออดอ้อน สลับกับเงยหน้าขึ้นมองตาปรอย "พ่อไม่โกรธทับทิมหรอกค่ะ แต่ต้องสัญญากับพ่อว่าจะไม่ทำตัวไม่น่ารักเหมือนเมื่อวานอีก" "สัญญาค่ะ ว่าต่อไปหนูจะทำตัวดีๆ จะไม่ทำเหมือนเมื่อวานอีกแล้วค่ะ" เด็กหญิงรีบสัญญาทันทีด้วยเสียงหนักแน่น พร้อมกับสบตาผู้เป็นบิดานิ่งเพื่อยืนยันคำสัญญา "ดีมากค่ะ สัญญากันแล้วห้ามผิดสัญญานะคะ" "ตกลงค่ะ" เด็กหญิงฉีกยิ้มกว้าง รอยยิ้มหวานปานน้ำผึ้ง โดยที่คนตัวโตไม่รู้เลยว่ามันเป็นน้ำผึ้งที่ถูกผสมด้วยยาพิษ มือข้างหนึ่งกอดร่างกำยำของบิดา ทว่ามืออีกข้างกลับซ่อนไว้ด้านหลังและแอบไขว้นิ้ว เพื่อที่คำสัญญานั้นจะได้เป็นโมฆะ "งั้นก็ลุกไปอาบน้ำและแต่งตัว เดี๋ยวพ่อจะเปิดน้ำอุ่นให้ เสร็จแล้วจะได้ลงไปทานข้าวกัน" "รับทราบค่ะ" รับคำแล้วหนูน้อยก็กระโดดลงเตียงทันที ปฐวีจึงลุกตามไปเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นให้ จากนั้นเขาก็กลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า จากตอนแรกที่ตั้งใจว่าทานอาหารเช้าแล้วจะเข้าสวน แต่ก็ต้องเปลี่ยนแผนกะทันหัน หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จก็ลงบันไดจะไปรอลูกสาวที่โต๊ะอาหาร ขณะนั้นเอง เขมจิราก็เดินเข้ามาในบ้าน พอเห็นชายหนุ่มแต่งกายด้วยชุดที่น่าจะเมืองมากกว่าเข้าสวน กำลังเดินลงบันไดมาก็รีบถาม "อรุณสวัสดิ์ค่ะปัถย์ วันนี้จะเข้าเมืองเหรอคะ ไม่เห็นบอกกันล่วงหน้าเลย" "อ้าว! เขม มาตั้งแต่เมื่อไหร่" พ่อเลี้ยงปฐวีได้ยินน้ำเสียงคุ้นหูก็เงยหน้าขึ้นมองแล้วย้อนถาม "เขมเพิ่งเข้ามานี่แหละค่ะ ปัถย์ยังไม่ได้ตอบเลยนะคะว่าแต่งหล่อขนาดนี้ จะไปไหน" "ผมจะพายัยหนูเข้าไปเปิดหูเปิดตาในเมืองสักหน่อยน่ะ เมื่อวานดุแก วันนี้เลยจะเอาใจหน่อยน่ะ" "อ๋อ...ค่ะ" หญิงสาวนึกโล่งใจ ที่อย่างน้อยเขาก็ไปกับลูกสาว ไม่ได้นัดใครไว้ "เอ่อ...เรื่องเมื่อวาน..." อยู่ๆ เสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก "เรื่องเมื่อวานอะไรเหรอคะ" เขมจิราเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามอย่างแปลกใจ "เรื่องหนอนน่ะ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นฝีมือของแม่ตัวดีหรือเปล่า แต่ถ้าใช่ยังไงก็ขอโทษแทนแกด้วย อย่าถือสาแกเลยนะ" "อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องเล็กนิดเดียว เขมเองที่ตกใจเกินเบอร์ไปหน่อย ปัถย์สบายใจได้ เขมไม่ถือสาแกหรอกค่ะ แต่กลับเข้าใจและเห็นใจแกด้วยซ้ำ ถึงยังไงซะก็เห็นแกมาตั้งแต่เกิด เขมเองก็ทั้งรักและเอ็นดูแกไม่ต่างจากปัถย์หรอกค่ะ ถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยเรื่องหนูทับทิม ก็บอกได้ตลอดเวลานะคะ เขมยินดีจะช่วยและดูแลแกด้วยความเต็มใจค่ะ" เขมจิราพยายามแสดงความรู้สึกของตัวเองให้อีกฝ่ายได้รับรู้ผ่านทางคำพูดและแววตา ว่าเธอพร้อมจะช่วยดูแลหนูน้อยอย่างเต็มใจ "ขอบคุณ คุณมากนะ ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไร ผมจะบอกแล้วกัน" ใช่ว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดและรู้สึกเช่นไร แต่สำหรับเขาไม่มีทางมองหรือคิดกับเธอในสถานะอื่นได้ นอกจากคำว่าเพื่อนเท่านั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD