อีกนิดหนึ่ง

943 Words
ระหว่างทางเดินจนถึงลิฟต์เราแทบไม่คุยกันเลย ผมยืนห่างจากเธอไม่มากเพราะอยากได้กลิ่นเธอ เอาจริง ๆ โคตรเหมือนโรคจิตเลยว่ะ ไอ้ก้อง “หมอก้อง” “ครับ” “ไม่มีอะไรค่ะ” เธอขยับหนีผมเล็กน้อย ผมเพิ่งรู้ตัวว่าในลิฟต์มีแค่เราสองคน แต่ผมดันยืนใกล้เธอมาก ผมสูดดมกลิ่นจากเส้นผมของเธอ และแอบเผลอสูดหายใจแรง ๆ ไปหลายที...เธอคงรู้ตัว ‘ไอ้ก้องมึงหยุดก่อน..ไอ้โรคจิต’ ทานตะวันคงด่าผมในใจอยู่แบบนี้แน่เลย “ขอโทษครับ” ผมขยับหนีออกมานิดหนึ่ง แอบเสียดายอยู่นะ...คนน่าจะเต็มลิฟต์...เต็มจนแน่นคงจะดีกว่านี้...ดีกว่าอยู่สองคน จะได้เบียดได้ไม่น่าเกลียด บอกได้คำเดียวว่าตอนนี้ผมใกล้แล้ว...ใกล้โรคจิตเข้าไปทุกที “หมอก้องนั่งก่อนนะ เดี๋ยวเราไปอุ่นข้าวต้มให้” ผมนั่งโซฟาหน้าทีวีจอใหญ่ ถือวิสาสะกดรีโมตเปิดดูทีวี เสียงถ้วยชามกระทบกันในห้องครัว...รู้สึกถึงความหนักของหนังตา พักสายตาหน่อยดีกว่า ทานตะวัน Talks วันนี้เป็นวันที่ฉันตกใจอีกครั้งจากเสียงปลายสายของผู้ชายวันไนต์ของตัวเอง ผู้ที่มาขอกินข้าวต้มที่เขาเป็นคนทำไว้เมื่อเช้า... ฉันไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่าเขาแอบดมผมฉัน ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงตบหน้าหงาย แต่กับคุณหมอก้องภพ ผู้ชายคนแรกและคนเดียวของตะวัน ไออุ่นจากลมหายใจที่เป่ารดหัวฉัน มันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ที่ต้องเรียกเขาให้ขยับห่างไม่ใช่เพราะรังเกียจ แต่กลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามของฉัน...ใจบางจนไม่เหลือใจอยู่กับตัวเองแล้วเนี่ย...ตะวันตายตั้งแต่ยังไม่เข้าห้องแล้วค่ะ...คุณหมอ...ฮือ T_T...ใจแข็งไว้ทานตะวัน เสียงทีวีที่ดังขึ้นอย่างน้อยก็ช่วยทำลายความเงียบของเราสองคน ความอึดอัดที่ปนความสุขใจ ปนกับความอบอุ่น บอกไม่ถูก มันสัมผัสได้จากส่วนลึกข้างใน เหมือนบางสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิต และตอนนี้เราได้สิ่งนั้นกลับมาแล้ว...มันคือหัวใจสินะ ฉันไม่เคยหัวใจเต้นแรงแบบนี้กับใครมาก่อน...หัวใจที่หลุดลอยไปเมื่อห้าปีก่อนอย่างนั้นหรือ ไม่เข้าใจตัวเองเลย...อยากหนีเขาแต่ดันพาเขาขึ้นห้อง หลังจากอุ่นข้าวต้มและจัดโต๊ะอาหารเสร็จ ก็เดินไปเรียกคนที่เงียบอยู่บนโซฟาตัวยาว “อ้าว หลับเหรอ” ก็ว่าอยู่ว่าทำไมเงียบจัง หลับไปเสียแล้ว จะปลุกดีไหม ไม่ดีกว่า สงสัยเขาคงจะเพลีย เพราะเมื่อคืนฉันคงแผลงฤทธิ์ไว้เยอะ แล้วเขายังตื่นมาทำกับข้าวและซักเสื้อผ้าของฉันตากไว้ให้เรียบร้อย นอกจากหน้าตาดี ผู้ชายอะไร งานบ้านงานเรือนก็ดี...ดีขนาดนี้เลยเหรอ ฉันเดินเข้ามาหยิบผ้าห่มแพรผืนบางมาคลุมคนนอนขดตัวบนโซฟา “ไม่รู้จะหนาวไหม” ห่มผ้าห่มเสร็จมือเรียวก็ยื่นไปหยิบรีโมตทีวีเพื่อลดเสียงลงนิดหนึ่ง จากนั้นคนลดเสียงทีวีก็หันมาสำรวจคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน แต่กลับเป็นคนเดียวที่เธอคิดถึงและแอบส่องไอจีเขาตลอด เกือบเผลอกดถูกใจไปตั้งหลายหน...แอบมองเธออยู่นะ...มองตลอด นอกจากไอจีแล้วฉันได้ยินข่าวคราวของเขาบ้างเป็นบางครั้งจากคำบอกเล่าของหมอปั้นและเมญ่า ฉันก็ไม่กล้าถามตรง ๆ หรอก เพราะเรื่องของเราไม่มีใครรู้ แม้แต่ตัวเขาเอง คงจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร...คิดแล้วรู้สึกเจ็บแปล๊บที่อกข้างซ้ายจัง...วูบหวิวในใจแปลก ๆ เขาคงจำไม่ได้แล้ว แต่ฉันสิจำไม่เคยลืม ถึงอยากจะลืมแค่ไหนแต่ใจก็ดันจำไม่ยอมลืมสักที...ความรู้สึกจมดิ่งกับความรู้สึกผิดและโทษตัวเอง ผู้ชายคนนี้ผิวขาวละเอียด โครงหน้าได้รูปสวย คิ้วเข้ม ปากบางได้รูปสีชมพูน่าจูบ...ขนตาเป็นแพสวย จมูกโด่งเป็นสัน คนอะไรหล่อแม้กระทั่งไรผม ผ่านมาห้าปีแล้วเขาก็ยังดูดีเสมอ...หมอเรียนหนัก ทำงานหนัก แต่ทำไมคุณหมอก้องยังหล่อออร่าอยู่เลย ตอนนี้เขาดูสุขุมและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก สายตาของเขายังคงมองหาแต่หมอของขวัญ ริมฝีปากที่คอยเรียกหาแต่หมอของขวัญ ครั้งหนึ่งฉันเคยได้ลิ้มรสริมฝีปากหนานั้น มันอ่อนโยนหอมหวานและเสียวซ่าน ไม่คิดว่าริมฝีปากนั้นจะสร้างความปั่นป่วนให้ฉันได้ขนาดนั้น คิดถึงทีไรหน้าฉันก็แดงขึ้นมาทุกที... พอหมอก้องขยับตัวผ้าห่มแพรก็ร่วงหล่นลงพื้น นอนดิ้นจังเลยนะคะคุณหมอ ฉันดึงผ้าแพรคลุมร่างสูงที่นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา ค่อย ๆ ดึงผ้าห่มขึ้นมาถึงตรงคอของคนนอนดิ้น ริมฝีปากบางแดงระเรื่อของเขา ช่างยั่วยวนเสียจริง ฉันนั่งคุกเข่าตรงข้างโซฟาตัวยาว พลางจ้องหน้าคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ปากนี้ยังหวานอยู่ไหมนะ อยากลองชิมจัง...ยังหวานอยู่ไหมนะ ถ้าแอบชิมนิดหนึ่งเขา...จะตื่นไหม ไม่ดีกว่าเขาต้องตื่นแน่เลย...อื้ม...แต่ว่า... แค่นิดเดียวคงไม่ตื่นมั้ง...อื้ม...แต่ว่า... ถ้าเขาตื่นล่ะ...ไม่ชิมดีกว่า...อื้ม...แต่ว่า...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD