ตอนที่5แผนการเอาคืน (2)

1002 Words
ภูริตกลับมาถึงบ้านในตอนค่ำของวันนั้นด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักจนนุชรีผู้เป็นภรรยาเอ่ยถามขึ้นบนโต๊ะอาหาร “เป็นยังไงบ้างคะคุณ ได้ข่าวว่าวันนี้มีแขกคนสำคัญมา ทำไมสีหน้าคุณดูไม่ดีเลยล่ะคะ” “ก็คุณเอาแต่อยู่บ้านไม่ไปช่วยผมบริหารงานบ้าง รู้หรือเปล่าว่าผู้ถือหุ้นของเราถอนหุ้นออกไปจะหมดแล้ว แล้วที่ผมเชิญคุณราเมศร์มาเพราะเขายื่นข้อเสนอจะให้ทางเรากู้เงินกับเขามาหมุนน่ะ” คำตอบนั้นทำให้คนที่ได้ยินต่างพากันช็อกไปตาม ๆ กันโดยเฉพาะพิมพ์พลอย “อะไรกันคะพ่อ นี่หมายความว่าโรงแรมของเรากำลังจะเจ๊งเหรอคะ” “ไม่ใช่แค่โรงแรมหรอก บริษัทในเครือทั้งหมดก็อาจจะเจ๊งไปด้วย” ภูริตตอบไปตามความจริงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ครึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทเราถึงได้ขาดทุนมหาศาลแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแบบนี้ นี่ยังโชคดีนะที่โรงแรมยังพอมีแขกอยู่บ้าง” “ครึ่งปี! แล้วทำไมคุณไม่บอกฉันบ้างล่ะคะ” นุชรีโอดครวญ “บอกแล้วคุณจะช่วยอะไรล่ะ วัน ๆ ก็ไปแต่งานสมาคมไร้สาระ เข้าออกแต่ร้านเสริมสวยเป็นว่าเล่น ใจคอจะมาช่วยงานกันบ้างไหม” ประมุขของบ้านระบายความอัดอั้นตันใจที่เขาต้องแบกรับไว้แต่เพียงลำพังออกมาจนหมด เพลงขวัญที่เข้ามาได้ยินพอดีก็ช็อกไปอีกคน “แต่คุณราเมศร์อะไรนั่นเขาก็เสนอให้เรากู้เงินจากเขามาแล้วไม่ใช่เหรอคะ” พิมพ์พลอยพยายามปลอบใจผู้เป็นพ่อ “คุณพ่ออย่าคิดมากนะคะ พิมพ์สัญญาค่ะว่าพิมพ์จะตั้งใจทำงาน ช่วยคุณพ่อให้เต็มที่” “ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน” พูดจบ ภูริตก็ลุกพรวดออกไปจากโต๊ะอาหาร ทำให้นุชรีกับพิมพ์พลอยต่างพากันคิดหนัก “หรือว่าจะเป็นเวรกรรมที่หนูขับรถชนคนตายคะแม่” หญิงสาวหันไปสวมกอดผู้เป็นแม่ด้วยความหวาดกลัว “เวรกรรมที่ไหนกัน การลงทุนอะไรมันก็มีความเสี่ยงทั้งนั้นแหละ ที่ผ่านมาบริษัทของพ่อแกก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยประสบปัญหาการเงิน เดี๋ยวก็ฟื้นตัวได้อีก เชื่อแม่สิ” “แบบนี้แสดงว่าหนูต้องเข้าไปช่วยพ่อทำงานแบบจริงจังแล้วสินะ” พิมพ์พลอยตอบด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ “เข้าไปเถอะ เดี๋ยวคุณพ่อเขายกบริษัททั้งหมดให้ลูกคนใช้ เราจะแย่เอานะลูก” ถ้อยคำดูถูกและสีหน้าเหยียดหยามโหมกระหน่ำใส่เพลงขวัญทันทีที่เธอเดินมาถึง แต่คนที่กำลังปลงในชีวิตอย่างเธอกลับไม่ได้สนใจอะไร หญิงสาวรีบวางถ้วยแกงในมือแล้ววิ่งกลับเข้าไปในครัวเพื่ออาเจียนออกมาทันทีเพราะรู้สึกว่ากลิ่นของมันไม่พึงประสงค์สำหรับเธอเท่าไหร่นัก “อ้วก!” “ตายแล้วขวัญ เป็นอะไรไปลูก” บุปผาเอ่ยถาม รีบเข้ามาช่วยลูบหลังให้ด้วยความตกใจ ทับทิมที่เข้ามาได้ยินเข้าจึงรีบนำน้ำมาส่งให้ “นั่นน่ะสิป้า ฉันสังเกตขวัญเขาเป็นแบบนี้มาเป็นอาทิตย์แล้วนะ ทำไมไม่ไปหาหมอ” “หนูไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ ช่วงนี้ลูกค้าที่โรงแรมเยอะเลยทานข้าวไม่ค่อยตรงเวลา น่าจะโรคกระเพาะนั่นแหละค่ะ” เพลงขวัญปฏิเสธพลางกระดกน้ำเข้าปากจนหมดแก้ว “ป้าเห็นด้วยกับทับทิมนะ เห็นเรากินข้าวไม่ค่อยได้มาหลายวันแล้ว ดูสิจะเหลือแต่กระดูกแล้วเนี่ย ไปหาหมอหน่อยเถอะ” “อะไรกัน ใครจะไปหาหมออีกล่ะ” บทสนทนาถูกตัดลงเพียงเท่านั้นเมื่อนุชรีเดินเข้ามาในครัว บุปผาจึงต้องหันไปตอบคำถามเจ้านายทันทีแม้จะรู้ดีว่าคงไม่ได้รับความเห็นใจก็ตาม “ขวัญเขาไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ กินอะไรไม่ได้ อาเจียนมาเป็นอาทิตย์แล้ว ป้าคิดว่าน่าจะเป็นโรคกระเพาะ...” “อ้วก!” พูดยังไม่ทันจบ เพลงขวัญก็ตัวงอจะอาเจียนขึ้นมาอีกครั้ง เห็นท่าทางของเธอ คนที่แสนเกลียดชังก็อดดูถูกเสียไม่ได้ “เป็นโรคกระเพาะฉันไม่ว่าหรอกนะ โอ้กอ้ากขนาดนี้ฉันกลัวว่าหลานสาวตัวดีของป้าจะท้องซะมากกว่า” ประโยคนั้นทำให้เพลงขวัญถึงกับชะงัก มือเรียวเผลอจับหน้าท้องตัวเองไว้ทันที “ขวัญเขาจะไปท้องกับใครล่ะคะ วัน ๆ ก็ทำแต่งาน” บุปผาออกโรงปกป้อง แต่นุชรีก็ยังอคติไม่เลิก “จะไปรู้เหรอ เรียบร้อยพูดน้อยแบบนี้ ฉันเห็นมานักต่อนักแล้ว” อีกฝ่ายเบ้ปากใส่ มองด้วยสายตาเหยียดหยามก่อนจะเปลี่ยนประเด็นสนทนา “อย่ามัวแต่สำออย ออกไปเก็บโต๊ะได้แล้ว คืนนี้ไม่มีใครกินลงหรอก” “ค่ะ” ทับทิมเป็นฝ่ายรับปากแล้วเดินตามเจ้านายออกไปเก็บโต๊ะ บุปผาจึงต้องหันมาปลอบใจเพลงขวัญอีกครั้ง “อย่าไปถือสาคุณหญิงท่านเลยนะ คนไม่ชอบเรา ยังไงเขาก็มองเราเป็นคนไม่ดีอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ ขวัญไปพักเถอะ เดี๋ยวทางนี้ป้ากับทับทิมจัดการเอง” “ขอบคุณนะคะป้า” ว่าแล้วหญิงสาวก็หมุนตัวเดินกลับไปที่ห้องคนใช้ อดคิดถึงคำพูดของนุชรีขึ้นมาเสียไม่ได้ “มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อฉันกินยาไปแล้ว” มือเรียวยกขึ้นกุมขมับ เหลือบมองปฏิทินตั้งโต๊ะของตัวเองก่อนจะพบว่าประจำเดือนของเธอนั้นคลาดเคลื่อนมาเดือนกว่าแล้ว “ฉันอาจจะพักผ่อนน้อย กินยาแล้วมันไม่ท้องหรอก” หญิงสาวพยายามปลอบใจตัวเอง หลบหนีจากอาการคลื่นไส้ด้วยการทิ้งตัวนอนลงบนเตียงแคบ ๆ ไปด้วยความเหนื่อยล้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD