1
เสียงหอบหายใจถี่เร็วกระชั้นนั่นดังมาจากสองร่างเปลือยเปล่าบนเตียงนอนคิงไซซ์ในห้องกว้างเย็นฉ่ำเพราะเครื่องปรับอากาศถูกปรับให้อุณหภูมิต่ำกว่ายี่สิบองศาเซลเซียสคงช่วยบรรเทาความเร่าร้อนจากบทรักดุเดือดได้เป็นอย่างดีทีเดียว ครู่ใหญ่จากนั้นเสียงคำรามถึงได้ดังลั่นกังวานราวราชสีห์บาดเจ็บเพราะอารมณ์ดิบได้รับการปลดปล่อยในที่สุด
“เสร็จแล้วใช่ไหมคะ”
หญิงสาวที่นอนหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้าไม่ต่างกันถามออกมาด้วยเสียงอันสั่นเทา เจ้าหล่อนนอนหลบสายตาคมเข้มปนดุเล็กๆของสามีตามทะเบียนสมรสขณะเอื้อนเอ่ย
เวลาล่วงเลยผ่านมาร่วมครึ่งปี แต่ไม่ได้ทำให้เธออายเขาน้อยลงเลย ชายหนุ่มพลิกตัวออกมานอนหงายข้างๆปรับลมหายใจให้เป็นปกติดังเดิมค่อยพูดคล้ายไล่กลายๆ
“คุณจะกลับห้องเลยก็ได้นะณิชา”
ได้ยินแบบนั้นแล้วหญิงสาวเจ้าของชื่อเม้มปากตัวเองแน่นจนเลือดแทบปริซึมออกมาให้ได้ลิ้มรส พยายามข่มความอายพลิกตะแคงตัวไปยังริมเตียงฝั่งของตน ลุกขึ้นนั่งแล้วผละไปคว้าชุดนอนที่ถูกเขาโยนทิ้งไปก่อนหน้านี้มาสวมทับอย่างไว ไม่ลืมก้มเก็บซากชิ้นส่วนอุปกรณ์ป้องกันการสืบทายาทบนพื้นเพื่อนำไปทิ้งลงถังขยะในห้องน้ำถัดไปอีกฟากฝั่งของห้องนอนด้วย
ณิชาบังคับร่างกายให้ยืนอย่างมั่นคงเสียก่อนเพื่อจะได้ออกเดินไปยังจุดหมาย แม้ยากเย็นเพราะเนื้อตัวอ่อนล้าสั่นเบาๆ จากบทรักยาวนานก็ตาม แต่ต้องพยายามเดินออกไปให้ได้ในนาทีนี้
เรื่องจะให้นอนพักบนเตียงนอนกว้างนั่นย่อมเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะชายหนุ่มที่นอนพังพาบบนนั้นไม่อนุญาตให้นอนร่วมเตียง
ชายคนที่ได้ครองสถานะสามีของเธอนั้นคือ ‘ธีร์’ ชายผู้กุมบังเ**ยนอาณาจักรโลจิสติกส์ชื่อดังในประเทศ และยังถือหุ้นในเครือศิวาไลมากกว่าครึ่งหนึ่งอีกด้วย เขาอายุเพียงสามสิบหกปีเท่านั้นแต่ประสบความสำเร็จเกือบทุกด้าน ธีร์มีพลังงานเหลือล้นในงานและแน่นอนว่าพลังงานทางเพศของเขาก็พุ่งทะยานตามกันไป เขาจะร่วมรักกับเธอยาวนานแบบนี้เสมอตั้งแต่วันแรกที่จรดปากกาลงในทะเบียนสมรสจนถึงปัจจุบัน บางครั้งถึงเช้าตรู่เลยก็มี
แต่วันนี้ธีร์คงเหนื่อยจากงานข้างนอก เขาจึงหยุดเวลาแห่งการเสพย์สุขในเรือนกายของเธออยู่ที่สามชั่วโมงห้าสิบนาทีเท่านั้น แล้วถึงยอมปล่อยให้กลับไปยังห้องนอนได้
“อ้อ เดี๋ยวก่อนคุณ”
เสียงทุ้มสุภาพนั่นดังมาจากบนที่นอน แทรกเข้ามาในห้วงความคิดของณิชา หญิงสาวกระชับสาบเสื้อนอนทบเข้าหากัน ค่อยหันไปขานรับคำเขา
“คะ”
เขาสั่งทั้งๆที่ยังนอนราบบนที่นอน เสียงอ่อนล้าเต็มทีคงเพลียจัดและกำลังเข้าสู่ห้วงนิทราในไม่ช้า “พรุ่งนี้อย่าลืมคุมเด็กๆให้เตรียมงานตอนเย็นด้วยนะ”
“ได้ค่ะ แล้วณิชาต้องอยู่ด้วยไหมคะ”
ธีร์นิ่งไปคล้ายคิดอยู่ครู่ แล้วดันตัวตั้งศอกขึ้นเอี้ยวคอมามอง สายตาคมเข้มติดดุเล็กๆของเขาครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วถึงว่า “คุณคอยดูแลงานแถวนั้นก็แล้วกันเผื่อมีอะไรจะได้บอกเด็กๆได้ ก็รู้นี่ว่าถ้ามีอะไรไม่ทันใจ ผมจะหงุดหงิดมาก”
ณิชาหลบตาเขาวูบลง รับคำเบาๆ “ค่ะ”
ธีร์ยังคงมองหญิงสาวที่ยืนนิ่งไม่วางตาไปไหน รอยยิ้มผุดขึ้นเพียงนิดเดียวตรงมุมปาก กำลังคิดว่ามันช่างคุ้มแสนคุ้มที่เลือกแต่งงานกับณิชา แรกที่เห็นหญิงสาวเขาว่าเธอช่างจืดชืดไร้ซึ่งแรงดึงดูดใดๆ แต่พอได้มาไว้ในมือแล้วนั้นก็...คุ้มค่าดี เขาเกือบยักไหล่เพราะความลืมตัว
เหมือนได้ทั้งคนรับใช้ ทั้งเลขาฯส่วนตัวแล้วก็ผู้หญิงบนเตียงไว้ระบายอารมณ์ดิบของตนเองที่มีมากล้นเกินพอดีจนน่าเหนื่อยหน่ายใจ
ณิชาเม้มปากแน่นอีกครั้ง หน้าชาดิกออกร้อนจนแทบไหม้เมื่อเห็นสายตาชนิดนั้นของธีร์ เธอตีความสายตาคมกริบติดดุๆนั่นว่ามันคือการดูถูกและหยามเหยียด ธีร์เป็นนักบริหารชั้นยอดแถมยังเป็นนักลงทุนตัวฉกาจ นี่ไม่ใช่แค่คำเปรียบเทียบเปรียบเปรย แม้แต่ในชีวิตจริงเขาก็เป็นเช่นนั้น ธีร์ยิ้มมุมปากขึ้นอีกหน่อยหนึ่งค่อยล้มตัวลงนอนดังเดิม หญิงสาวจึงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆร่างอ่อนล้าเดินกลับไปยังที่ที่ของตนเองซึ่งอยู่คนละฟากฝั่งกับห้องนอนแห่งนี้
หญิงสาวอดสะอื้นในอกไม่ได้กับสถานะของตนเอง
ชายหนุ่มไม่นอนร่วมเตียงด้วย เขาประกาศกร้าวตั้งแต่วันแรกที่เข้าหอด้วยกันนั่นแล้ว ธีร์อาจร่วมเรียงเคียงหมอนกับคู่นอนคนอื่นหรือผู้หญิงที่เขาคบหาจริงๆจังๆคนไหนสักคน แต่ไม่ใช่เธอ ที่เขาทำคือระบายอารมณ์ใคร่จนเสร็จสมแล้วนั่น ณิชาจะหมดความหมายถูกไล่แบบนี้ร่ำไป
ปิดประตูห้องของตนเองลงแล้วก็ล้มแผละตรงพื้นทันที เพราะฝืนเดินมาเป็นระยะทางไกลพอควร เม้มปากแน่นเสียจนแทบห้อเลือดบอกตัวเองว่าให้ฝืนอีกหน่อย อีกไม่นานเธอต้องหลุดพ้นจากตรงนี้ไปให้ได้
กัดฟันตั้งเข่ายันพื้นแล้วใช้มืออีกข้างแตะผนังห้อง ดันตัวลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เกาะเดินตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากนั้น เปลื้องชุดออกมองเงาที่สะท้อนกลับมาด้วยแววตาหวานปนเศร้า ร่องรอยเขียวจ้ำทั่วเรือนกายใต้ร่มผ้าของเธอมีทั้งที่จางลงแล้วและขึ้นใหม่เพราะเขาหนักมือขณะร่วมรักแบบนี้เสมอ
เขามักทิ้งหลักฐานการร่วมรักไว้บนเรือนร่างของเธอทุกครั้งที่หลับนอนด้วยกัน ณิชาไม่รู้ว่าเขาเป็นพวกนิยมความรุนแรงหรือเปล่า เธอไม่กล้าปริปากเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ใครฟัง ก่อนปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง น้ำตาที่กักเก็บเอาไว้นั่นรินไหลลงอาบสองข้างแก้มช้าๆพร้อมเสียงสะอื้นไห้เบาๆ ในนี้ไม่มีใครได้ยินเสียงแห่งความอ่อนแอของเธอ ไม่ช้าไม่นานเสียงสะอื้นดังขึ้นเรื่อยก่อนหยุดลงได้เองในเวลาไม่กี่นาทีจากนั้น หยุดลงพร้อมกับความเจ็บปวดตื้อตึงที่อัดแน่นในหัวใจ หมดสิ้นแล้วความรักที่เธอแอบซ่อนเอาไว้มาเนิ่นนาน รักที่เคยเร้นหลบถูกฉีกขาดเพราะคำว่าแค้นของเขาเพียงคำเดียวเท่านั้น
บิดาของเธอและเขาคบหาร่วมลงทุนกันมานาน เครือศิวาไลเป็นหนึ่งในกิจการร่วมทุน แต่บิดาของเธอก็โกงมาเป็นของตนเองจนได้เพราะคำว่าโลภเพียงคำเดียว ธีร์ใช้เวลาศึกษาต่อในต่างประเทศอยู่นานเมื่อกลับมาก็พบว่าเครือศิวาไลเป็นของฝั่งนี้เสียแล้ว
เคราะห์ร้ายที่บิดาของเธอบริหารมันไม่รอด และไม่รู้ว่าท่านไปตกลงกับเขาอย่างไร ธีร์จึงเข้ามาช่วยพยุงกิจการจนรอดมาจนถึงวันนี้
ข้อแลกเปลี่ยนในการช่วยเหลือคือการแต่งงานกับเธอ
หากเป็นการแต่งงานด้วยความรักก็คงดี
ยืนมองตัวเองในกระจกพร้อมกับคำถามว่าเมื่อไรการแต่งงานจอมปลอมนี่ถึงจะจบลงเสียที รักเพียงข้างเดียวควรตัดใจทิ้งเสียดีไหม เธอทำได้ไหม จะมีใครรู้บ้างว่าที่ทนอยู่ทุกวันนี้เพราะคำว่ารักเพียงคำเดียว
“อาหารเช้าของคุณธีร์เตรียมหรือยังคะ”
เสียงใสถามมาจากทางด้านหลัง ณิชาตื่นสายกว่าที่เคย เธอลงมาถึงห้องครัวแล้วรีบถามกับเด็กรับใช้คนหนึ่ง
“คุณธีร์รับมื้อเช้าแล้วค่ะ”
“รับมื้อเช้าแล้วหรือคะ!”
ณิชาหน้าเผือดสีไปในทันที เพราะทุกเช้าเธอต้องลงมาเตรียมอาหารให้เขาทุกวันไม่เคยขาด แต่เพราะเมื่อคืนเธออ่อนล้าทั้งกายและใจสะสมมานานจึงทำให้ตื่นสายกว่าที่เคย ลงมาเตรียมอาหารเช้าให้ธีร์ไม่ทัน เด็กสาวมองหน้าซีดๆนั่นแล้วนึกสงสาร กระซิบบอกเสียงเบา
“คุณธีร์ไม่ได้ว่าอะไรหรอกค่ะ” บอกคล้ายเห็นใจ “แต่เห็นว่าจะรับชามะลิที่ห้องทำงานตอนสิบโมง”
ณิชาหันขวับดูเวลา สิบโมงแล้วพอดี จึงออกปากอาสา
“มาค่ะ ณิชยกเอง”
“มะ...ไม่”
เด็กรับใช้ตกใจ ร้องห้ามก็ไม่ทันเมื่อคุณณิชายกถาดนั่นเดินตรงไปยังห้องทำงานของนายใหญ่แล้ว ยืนเกาหัวแกรกๆ บ่นด่าตนเองไม่หยุดที่ปากหนักไม่รั้งเอาไว้ก่อน ก็ในห้องทำงานนั่น คุณธีร์อยู่คนเดียวที่ไหนกัน
ณิชาเป่าลมออกจากปากเบาๆหลายครั้ง พยายามสงบจิตใจให้เต้นช้าลง เมื่อเดินเข้าไปใกล้ห้องทำงานของเขา วางถาดลงบนโต๊ะหน้าห้อง ยกมือเคาะสามครั้ง ได้ยินเสียงตอบรับจากด้านใน ค่อยเปิดเข้าไปเบาๆ
“ชามาพอดีเลย”
เสียงนั่นไม่ใช่ของธีร์ แต่เป็นของหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่บนพนักแขนเก้าอี้ตัวที่เขานั่งเอนหลังอยู่
“ตื่นสาย?”
เสียงถามยิ้มๆดังมาจากธีร์ ณิชาเม้มปากหลบตาพยักหน้าตอบรับเสียงเบา “ค่ะ”
“เรียบร้อยแล้วก็ออกไปสิ”
เสียงสั่งนั่นมาจากหญิงสาวที่ณิชาจำได้ว่าเป็นเซ็กซี่สตาร์ของประเทศที่ชื่อ ‘ลีอา’
ธีร์พยักหน้าอีกทีว่าให้ออกไปได้ เธอจึงรับคำสั่งอย่างไม่มีปากเสียงใดๆ เดินเหม่อออกมาจนรู้ตัวอีกครั้งก็ตอนที่หยุดยืนหน้าห้องครัวนั่นแล้ว เด็กสาวรับใช้คนเดิมเข้ามาถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“รับมื้อเช้าเลยไหมคะคุณ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ณิชตักกินในครัวนี่ก็ได้”
“ไม่ได้นะคะ คุณผู้หญิงจะมานั่งในครัวกับพวกคนรับใช้ได้ยังไงกัน มาค่ะหนูยกไปให้ที่ห้องอาหารนะคะ”
ณิชาได้แต่มองคนรับใช้ที่เป็นเด็กสาวอายุราวยี่สิบปีด้วยสายตาขอบอกขอบใจ
คุณผู้หญิงอะไรกัน ในเมื่อเธอแต่งมาก็มาทำงานไม่ต่างจากคนรับใช้ในบ้านเลยสักนิด ณิชายิ้มขมขื่นบอกตัวเองในใจแล้วจำยอมไปนั่งรอที่โต๊ะอาหาร ใช้เวลาจัดการของบนโต๊ะไม่นาน ค่อยออกไปสั่งการเด็กๆให้จัดแจงเตรียมงานเลี้ยงสำหรับเย็นนี้
ที่ห้องทำงานของธีร์ หลังจากที่ประตูห้องปิดลงไปแล้ว ลีอายิ้มหวานหยดอีกครั้ง ยกมือขึ้นคล้องรอบคอผู้เป็นเจ้าของบ้านมองสบสายตาท้าทายนิดๆ
“ว่ายังไงคะ ลีอาสัญญา ว่าจะไม่เบี้ยวหนี้คุณธีร์อีก นะคะ ให้ลีอากู้อีกสิบล้าน วีคหน้าลีอาได้เงินมาแล้วจะรีบคืนทันทีเลยค่ะ”
“เอาอะไรมารับรองครับลีอาว่าจะไม่เบี้ยวหนี้อีก”
“ก็...ตัวลีอานี่ยังไงละคะ”
ธีร์ยิ้มแล้วยกมือขึ้นแตะแขนเรียวขาวผ่องของหญิงสาวปลดออกจากลำคออย่างนุ่มนวล ถามด้วยน้ำเสียงดูรู้ว่าไม่ได้หยอกเย้า
“คุณจะกล้าให้คนยืมเงินต่ออีกไหมลีอา ถ้าหากหนี้เก่ายังไม่ได้ชำระ แล้วทำไมถึงใจกล้า กล้าจะมาขอยืมอีก”
ลีอาหน้ามุ่ย บอกด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดพองาม
“ก็แหม...คุณธีร์คะ ช่วงนี้ลีอาหมุนเงินไม่ทันจริงๆนี่นา”
“พี่สาวคุณไม่ช่วยหรือไง ไหนว่าแต่งงานกับเศรษฐีดูไบแล้วนี่ สถานะระดับนั้นน่าจะเกื้อหนุนน้องสาวอย่างคุณได้”
“ยังคิดถึงพี่ลิลลาอยู่อีกหรือคะ”
ลีอาไม่ได้ตอบคำถามของธีร์ แต่ยอกย้อนด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มพรายระบายอ่อนๆ ในใจนั้นเดือดพล่านราวกับน้ำบนเตาร้อนๆเพราะริษยาลิลลา พี่สาวแท้ๆของตนเอง ที่ธีร์ยังคำนึงถึงไม่วางวาย
น้ำเสียงยิ่งฟังออกชัดเจนว่ายังมีเยื่อใยอยู่ แม้จะใช้คำที่คล้ายเหน็บแหนมกลายๆก็ตามที
ธีร์กับลิลลาคบกันมานาน นานแค่ไหนลีอาไม่อยากจำนักหรอก รู้ว่านานพอดูนั่นแหละ เธอเคยหลอกถามลิลลาว่าธีร์เร่าร้อนมากแค่ไหนกับบทรักบนเตียง แต่ปรากฏว่าธีร์ยังไม่ได้ล่วงเกินอะไรลิลลามากไปกว่ากอดและจูบเพียงเท่านั้น
‘เขาบอกว่าเขาจริงจังกับพี่มาก’
จำได้ว่าลิลลาบอกด้วยสีหน้าภูมิใจนักหนา
โธ่ พี่สาวของเธอผ่านมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำขนาดนั้น แต่เอาเถอะถือว่าเรื่องนี้ธีร์คงโง่เต็มทนที่ปล่อยพี่สาวของเธอไว้โดยไม่ได้ฝากรักอะไรกันเลย
ซ้ำร้ายลิลลายังไม่อยากเปิดเผยให้สังคมภายนอกรับรู้อีกด้วยว่าคบหากับธีร์ อาจเป็นได้ที่ว่าช่วงนั้นเขายังไม่เป็นที่กล่าวขานมากนัก มีดีแค่หน้าตาหล่อเหลาและบุคลิกสุภาพสุขุม
แถมยังเพิ่งกระโดดเข้ามารับช่วงต่อในกิจการที่กำลังจะล้มลงอย่างธุรกิจพวกนั้นอีก ใครจะไปรู้ล่ะว่าตอนนี้เขาจะบริหารมันจนทำกำไรได้มหาศาลแถมยังควบกิจการอื่นเข้ามาเป็นเครือของตนเองจนกลายเป็นคนหนุ่มที่ประสบความสำเร็จที่หล่อและรวยล้นฟ้าเมืองไทยได้ขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นเธอคงจับเขาให้อยู่มัดตั้งแต่โดนพี่สาวของตนเองสลัดทิ้งเลิกรากันคราวก่อนนู่นแล้ว
ไม่เห็นจะแคร์เลย ถ้าใครจะว่าพี่น้องได้สามีคนเดียวกัน ในเมื่อธีร์หล่อรวยดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วถึงขนาดนี้
แต่เสียดายที่ธีร์แต่งงานใหม่กับแม่นั่น ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียดาย
“ถามถึงทำไมคะ ตัดใจไม่ได้อีกหรือ”
ธีร์ทำเพียงยิ้มแล้วว่า “ลิลลาไม่ช่วยน้องสาวเลยหรือไง”
“ลีอาไม่กล้าไปขอความช่วยเหลือหรอกค่ะ นี่ก็ท้องอยู่ด้วย กลัวจะเครียดถ้ารู้ว่าลีอาถูกผู้จัดการเบี้ยวเงินแล้วก็โกงค่าตัวลีอาเชิดหนีไปแล้วน่ะ” ลีอาจีบปากจีบคอบอก ไม่ลืมเน้นประโยคที่ว่า ‘ลิลลาท้อง’ เพราะหวังให้อีกฝ่ายผิดหวังในตัวพี่สาวของตนเองมากขึ้นไปอีก
“ลิลลา...ท้อง?”
ได้ผลอย่างที่หวัง แววตาของคนถามไหววูบในทันที ลีอาบอกด้วยน้ำเสียงสะใจนิดๆ
“ค่ะ แฝดสามด้วยนะคะ”
“ฝากแสดงความยินดีด้วยนะ ผม...กับลิลลาไม่ได้ติดต่อกันเลย” หญิงสาวยิ้มมุมปาก ถูกใจที่สามารถสร้างรอยบาดหมางให้กับชายหนุ่มตรงหน้าและพี่สาวของตนเองได้อีกครั้ง
“ยินดีรับฝากค่ะคุณธีร์ แล้วเรื่องของลีอา...ว่ายังไงคะ ช่วยลีอาเถอะนะ ถือว่าช่วยน้องนุ่งสักคน” อ้อนเสียงหวานก่อนหยอด “หรือชอบแบบให้น้องไม่นุ่ง บอกลีอาได้นะคะ”
ธีร์มองหน้าสวยเฉี่ยวนั่นแล้วยิ้มด้วยอารมณ์ดุจเดิม แม้จะแต่งงานมีภรรยาแต่ยังเป็นที่หมายปองของสาวๆ รวมถึงลีอานี่ด้วย เจ้าหล่อนมองชายหนุ่มด้วยสายตาเปิดเปลือยความรู้สึก ผู้ชายมีครอบครัวน่าครอบครองกว่าหนุ่มโสดเป็นไหนไหน แล้วถ้าเธอจับเขาจนอยู่มัดได้จริง ไม่แน่ว่าคงสุขจนจุกอกตายไปเลยล่ะ ตายคาอกแกร่งๆของธีร์ คงไม่มีสาวคนไหนไม่ยอม
งานเลี้ยงในตอนเย็นถูกจัดขึ้นแบบง่ายๆอย่างที่เคยปฏิบัติมาทุกเดือน ธีร์ใช้บ้านของเขาเองในการนัดสังสรรค์กับเพื่อนสนิทและเพื่อนในวงการธุรกิจของเขาเดือนเว้นเดือน เด็กรับใช้ในบ้านเดินแทบชนกันเพื่อเร่งให้งานเสร็จทันก่อนเวลาที่แขกเหรื่อของนายจะมากันในตอนหัวค่ำตามเวลานัดหมาย
“คุณณิชขาวางงานลงเถอะค่ะ ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดสวยๆลงมารับแขกเถอะนะคะ” เด็กรับใช้ต้องออกปากเมื่อเห็นใบหน้างามหมดจดนั่นมันวาวไปด้วยเหงื่อ ผมลุ่ยลงปรกในหน้าบางส่วน จะว่าไปณิชาทำงานมากกว่าคนรับใช้ในบ้านเสียอีก
ณิชาเร่งทำของในมือ ตอบไปอย่างไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากงานตรงหน้า “แต่อาหารชุดนี้ยังไม่เรียบร้อยดีเลย ไว้ก่อนเถอะค่ะ เรื่องอาบน้ำแต่งตัวสวยๆน่ะ”
“โธ่คุณคะ นี่มันงานของพวกหนูนะคะ”
“ช่วยกัน จะได้เสร็จไวไวไง”
“คุณก็แบบนี้เรื่อยเลย”
ณิชายิ้มส่งให้เด็กรับใช้ ยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อที่ย้อยลงมาทางหน้าผากก่อนจะไหลเข้าดวงตาให้แสบไปเสียก่อน เมื่อทุกอย่างดูลงตัวแล้ว สั่งงานเด็กในห้องครัวอีกหน่อย ดูความเรียบร้อยอยู่เกือบชั่วโมงจนวางใจดีแล้ว เด็กรับใช้เข้ามาบอกอีกครั้ง
“ไปอาบน้ำเถอะค่ะ ทางนี้หนูจัดการเอง”
ค่อยยอมเช็ดมือกับผ้าขี้ริ้วบนโต๊ะ สายตาหวานเศร้ากวาดมองไปยังบริเวณจัดงานด้วยสายตาสำรวจตรวจตราจนแน่ใจแล้วค่อยพยักหน้าให้เด็กรับใช้คนเดิม
หญิงสาวรีบจ้ำเข้าห้องของตนเองอาบน้ำอย่างรีบเร่ง ตรงไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อรื้อหาชุดออกมาใส่ ก็เห็นว่ามีชุดหนึ่งแขวนรออยู่แล้วที่ด้านหน้า พร้อมโพสต์อิทแปะกำกับด้วยลายมือที่คุ้นชิน
‘ใส่ชุดนี้จะได้เป็นธีมเดียวกัน’
ณิชามองเงาสะท้อนของตนเองในกระจก สำรวจความเรียบร้อยดีแล้วจึงลงไปยังบริเวณที่ใช้สำหรับจัดเลี้ยง เข้าไปช่วยเด็กๆพร้อมทักทายแขกเหรื่อที่เป็นเพื่อนของธีร์ไปพลาง จนเวลาล่วงเข้ากลางดึก จึงได้เห็นว่าคนเป็นสามีส่งสายตามองมา พยักหน้าที่รู้ความนัยว่าเขาต้องการให้เธอเข้าไปหา
เดินอ้อมสระว่ายน้ำเข้าไปจนถึงเก้าอี้ที่ธีร์นั่งก็ถูกรวบตัวดึงให้ลงนั่งบนตักแกร่งๆแน่นตึงไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ แถมยังถูกวงแขนล่ำใหญ่โตของเขารัดรอบเอวเล็กๆของเธออีกด้วย
“ใส่ชุดแบบนี้แล้วดูเซ็กซี่จัง”
ชมเสร็จก้มลงฝังริมฝีปากกับไหล่เนียนของเธอ ณิชาร้อนวาบไปทั่วใบหน้าพร้อมๆกับบริเวณที่ถูกเขาฝังจุมพิต “ดูสายตาของเพื่อนผมเวลามองคุณสิ ผมชอบชะมัด”
ณิชานั่งตัวแข็งทื่อในอ้อมกอดที่อุ่นจนเกือบร้อนนั่น ไม่กล้ามองเพื่อนๆของเขาหรอกว่าสายตาเป็นเช่นไร แล้วกลั้นใจครู่หนึ่งบอกออกไป
“ณิชไปเตรียมเครื่องดื่มให้นะคะ”
“เดี๋ยว”
ธีร์รั้งด้วยรอยยิ้มแล้วเลื่อนมือที่กอดรัดเอวบางของเธอมาจับรอบสะโพกกดลงน้ำหนักจนรู้สึกได้ว่าเขาตื่นตัวกับการใกล้ชิดระหว่างกันเพียงใด เสียงทุ้มกระซิบบอกยั่วเย้า “ดูสิว่ามันคึกคักพร้อมรบขนาดไหน คุณรู้วิธีจัดการไม่ใช่หรือณิชา”
หญิงสาวสะดุ้งตกใจในทันที สายตามองกราดไปรอบๆก็พบว่าไม่มีใครสนใจมองมาที่เจ้าของบ้านสักคนเดียว ธีร์หลอกเธออย่างนั้นหรือ คนร้ายกาจ ปฏิเสธเสียงสั่นเมื่อรู้ว่าเขาไม่น่าจะพูดเล่น
“มะ ไม่นะคะ คุ เพื่อนคุณ”
ธีร์แกล้งเลิกคิ้วถามเหมือนไม่เข้าใจจริงๆ “ทำไม”
“ณิ...ณิชอาจเสียงดัง” สุดท้ายเลือกเอาคำตอบที่ไม่ได้อยากเอื้อนเอ่ยออกมานัก แต่รู้ว่าสามีของเธอจะหยุดหากได้ยินคำนี้มากกว่าคำปฏิเสธออกไปตรงๆ
“ทำไม อายหรือไง...คัมมอน”