ขวัญข้าวนั่งรอตามที่เขาบอก ก่อนที่เขาจะปลีกตัวไปเก็บล้าง เขาได้นำยามาให้เธออีกสองเม็ด เม็ดแรกเป็นยาคุมฉุกเฉินครึ่งที่เหลือ และอีกเม็ดคาดว่าน่าจะเป็นยาแก้ปวดลดไข้ เธอเองก็ไม่อิดออดรับมันมาทานแต่โดยดี
เมื่อพอลจัดการงานที่คั่งค้างเสร็จแล้วก็มานั่งลงข้าง ๆ เธอ
ขวัญข้าวเหมือนนึกอะไรได้จึงเอ่ยบอกเขา
“แด๊ดคะเมื่อเช้าแนทโทรมาบอกข้าวว่าวันนี้จะไม่กลับบ้านนะคะ จะอยู่ค้างกับเพื่อนอีกคนเพราะว่ารายงานยังไม่เสร็จ พรุ่งนี้เอ่อ...เลยให้แด๊ดไปส่งข้าว” เธอบอกเขา แต่พอมาถึงประโยคท้ายเธอเอ่ยเสียงเบาลงด้วยเกรงใจเขา
พอลเองเข้าใจดีจึงตอบไป “ก็ดีเหมือนกัน คืนนี้ฉันจะได้นอนกอดเธอได้สะดวกหน่อย ส่วนพรุ่งนี้ฉันจะไปส่งเมียฉันเอง”
“แด๊ดคะ” เธอว่าแล้วตีแขนเขาไปทีหนึ่งที่ชอบทำเธอเขินแล้วเขินอีกแล้ว
ส่วนเขาก็หัวเราะขันกับท่าทางของเธออย่างอารมณ์ดี จากนั้นจึงรวบตัวเธอเข้าไปกอด นั่นทำให้ขวัญข้าวตัวแข็งขึ้นมาทันที เธอยังไม่ชินและไม่คิดว่าอยู่ ๆ เขาจะทำอย่างนี้
“หายเจ็บหรือยังข้าว” พอลเอ่ยถามเบา ๆ ข้างใบหูของเธอ
ขวัญข้าวรู้ว่าเขาหมายถึงอาการเจ็บที่ตรงไหน ใจเธอเริ่มกระหน่ำเต้นแรงอีกแล้ว
“ยังเจ็บอยู่เลยค่ะ”
เธอตอบเขาไปแบบนั้น แต่ที่จริงมันก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากแล้ว แต่ถ้าเธอบอกว่าเธอหายเจ็บแล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น
“จริงหรือ ถ้าอย่างนั้นให้ฉันตรวจดูหน่อยดีกว่า” เขาเอ่ยอีกจนทำให้ขวัญข้าวแทบอยากจะปฏิเสธแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
ร่างสูงใหญ่ช้อนตัวเธอขึ้นแล้วตั้งท่างจะพาเดินขึ้นข้างบนไป แม้ว่าขวัญข้าวจัดว่าเป็นคนตัวสูงหุ่นนางแบบ แต่เมื่อเทียบกับเขาแล้วเธอ
กลับกลายเป็นคนตัวเล็กไปในทันที
เธอไม่ได้ดิ้นรนขัดขืน ทำแต่เพียงกอดคอเขาไว้แน่นเพราะกลัวตก แต่พอเธอเห็นว่าเขากำลังจะเลี้ยวไปทางห้องของเขาเธอจึงหยุดเขาไว้ก่อน
“เดี๋ยวค่ะแด๊ด”
“มีอะไรข้าว” เขาถาม
“ข้าวไม่อยากเข้าไปในห้องของแด๊ด” เธอบอกความต้องการของเธอ ไม่อยากเรื่องมาก แต่มันทำใจไม่ได้จริง ๆ
“ทำไมล่ะ เธอเป็นเมียฉันทำไมจะเข้าห้องฉันไม่ได้” พอลไม่เข้าใจ
“ข้าวไม่ได้เป็นเมียแด๊ดคนเดียวเสียหน่อย” หญิงสาวว่าแต่น้ำเสียงค่อนข้างสะบัดนิดหน่อย
“เธอก็รู้ว่าฉันเลิกกับแม่ของยัยแนทไปนานแล้ว” ชายหนุ่มเข้าใจไปอีกทาง
“ข้าวรู้ค่ะ แต่ข้าวไม่อยากเข้าไปในห้องแด๊ดและนอนเตียงที่แด๊ดเพิ่งจะมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น”
ขวัญข้าวตัดสินใจพูดให้เคลียร์ดีกว่าอมพะนำเอาไว้ เพราะเธอรับไม่ได้จริง ๆ
คำพูดของเด็กสาวทำให้พอลเข้าใจกระจ่างทันทีว่าเธอหมายความว่าอย่างไร เขาค่อนข้างแปลกใจว่าขวัญข้าวรู้เรื่องสินีได้อย่างไร เพราะเมื่อคืนนี้เขาแน่ใจว่าทุกคนในบ้านเข้านอนกันหมดแล้ว หรือว่า...
“เมื่อคืนเธอเห็นใช่มั้ยข้าว” พอลเอ่ยถามออกไปอย่างไม่คิดแก้ตัวใด ๆ
“ค่ะ” ขวัญข้าวเองก็ยอมรับ
ในเมื่อเด็กสาวไม่ยอมพอลจึงพาร่างบางในอ้อมแขนเดินตรงเข้าห้องของเธอแทน เขาวางเธอลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลแล้วโอบกอดเธอไว้
“เธอเห็นตั้งแต่ตอนไหน”
เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าขวัญข้าวเองรู้เห็นเรื่องเมื่อคืนมากน้อยแค่ไหน เขากระวนกระวายใจเป็นห่วงความรู้สึกของเธอแต่กลับคุมน้ำเสียงให้จริงจังได้อย่างเหลือเชื่อ
“เมื่อคืนข้าวอ่านหนังสือดึกแล้วหิวก็เลยคิดจะลงไปหาอะไรกินข้างล่าง”
พอเด็กสาวพูดแค่นี้พอลเองเดาได้ทันที เธอคงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และเขาค่อนข้างแน่ใจว่านี่เองคงเป็นสาเหตุของอาการแปลก ๆ ในตอนเช้าของเด็กสาวนั่นเอง ดังนั้นพอลจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟังอย่างไม่ปิดบัง
“เรื่องเมื่อคืนเธอคงเห็นหมดแล้วฉันจะไม่แก้ตัวอะไรหรอกนะข้าว
แต่ฉันเพียงแค่อยากบอกเธอว่าระหว่างฉันกับผู้หญิงคนนั้นมันเป็นแค่เซ็กซ์เท่านั้น ฉันจะไม่ปิดบังหรือโกหกเธอว่าฉันไม่ได้มีเซ็กซ์กับผู้หญิงคนไหน ฉันเป็นผู้ชายและฉันก็ไม่มีพันธะใด ๆ ดังนั้นความสัมพันธ์ทางกายมันเป็นเรื่องของความพอใจของทั้งสองฝ่าย”
“ข้าวเข้าใจค่ะ”
ขวัญข้าวดีใจที่เขาพูดกับเธออย่างตรงไปตรงมา แต่ความจริงที่เขาบอกนั้นมันก็ทำให้หัวใจเธอรู้สึกเหมือนมีเสี้ยนเล็ก ๆ ตำอยู่จริง ๆ
“เธอยังไม่เข้าใจหรอกข้าว”
เขาเอ่ยแก้แล้วเชยคางเธอขึ้นมา
“ข้าวเข้าใจค่ะ แด๊ดเป็นผู้ใหญ่แล้วและนั่นมันก็เป็นสิทธิ์ของแด๊ด”
เธอว่าแต่รู้สึกว่าน้ำเสียงของเธอจะขึ้นจมูกอย่างไรก็ไม่รู้
“ฟังฉันก่อนสิข้าว ที่ฉันบอกเธอไม่ใช่ว่าให้เธอมานั่งเสียใจอย่างนี้ ฉันเล่าให้เธอฟังเพราะไม่อยากจะปิดบังเธอ” เขาเอ่ยต่อ
“ข้าวรู้ค่ะ” เธอเอ่ยตอบ แต่แอบคิดในใจว่าระหว่างเธอกับเขามันเป็นเพียงแค่เซ็กซ์เหมือนกันใช่หรือไม่
เหมือนว่าหนุ่มใหญ่จะอ่านความคิดของเธอออกจึงเอ่ยประโยคถัดไป “ฉันมีอะไรจะสารภาพกับเธอนะข้าว”
เขาเว้นจังหวะนิดหน่อย และมันก็เรียกความสนใจจากเด็กสาวในอ้อมกอดได้เป็นอย่างดี ขวัญข้าวรู้สึกสงสัย ลุ้นระทึก และอยากรู้
“พอเธอฟังแล้วอาจจะคิดว่าฉันเป็นพวกโรคจิตหรือไอ้แก่ตัณหากลับก็ได้” เขาเกริ่น จากนั้นจึงเริ่มเล่าความจริงที่เกิดขึ้นในใจเขาตลอดช่วงที่ผ่านมานี้ให้เธอฟัง
“เธอคงไม่รู้หรอกว่าช่วงนี้ตอนที่ฉันมีเซ็กซ์กับผู้หญิงเหล่านั้นฉันมักจะนึกถึงเธอตลอด ฉันไม่รู้ว่าความรู้สึกอย่างนี้มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่ฉันก็ห้ามความคิดของฉันไม่ได้ ในหัวของฉันมันมีแต่ภาพของเธอเต็มไปหมด ทั้ง ๆ ที่ฉันกับเธอรู้จักกันมาตั้งหลายปีแล้ว ฉันเอ็นดูเธอเหมือนกับลูกสาวของฉันตลอดมา แต่ฉันไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นมันเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันจึงได้แต่โทษตัวเองและควบคุมตัวเองไม่ให้เป็นไอ้เ*******ูแต่สุดท้ายฉันก็หนีไม่พ้นคำนี้อยู่ดี”
“เอ่อ...แด๊ดกำลังบอกข้าวว่าตอนแด๊ดมีอะไรกับผู้หญิงแล้วนึกถึงข้าวหรือคะ” ขวัญข้าวถามเสียงแผ่ว แม้รู้สึกกระดากอายแต่ก็อยากรู้
“ใช่” หนุ่มใหญ่ผู้เป็นบิดาของเพื่อนยอมรับ แถมยังพูดประโยคถัดไปอย่างหน้าไม่อายจนได้กำปั้นน้อย ๆ ไปหนึ่งที
“แค่นึกถึงหน้าเธอฉันก็มีอารมณ์จนฉันต้องไปปลดปล่อยกับผู้หญิงเหล่านั้น”
“แด๊ดคะ” เธอว่าแก้เขิน แต่เขาก็ยังพูดต่อ เพราะว่าไหน ๆ ก็เริ่มเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วก็ต้องเคลียร์ต่อให้จบ
“ผู้หญิงที่เธอเห็นเมื่อวานเป็นเลขาของฉัน บังเอิญว่าเรามีสังสรรค์กับลูกค้าจนดึกฉันเลยรับผิดชอบที่จะไปส่งเธอที่บ้าน” เขาเล่าความจริงให้เธอฟัง
“แต่ก็ส่งไม่ถึงบ้าน” ขวัญข้าวเอ่ยด้วยน้ำเสียงแง่งอนโดยไม่รู้ตัว แล้วยิ่งเขาบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเลขาของเขาแล้ว แสดงว่าทั้งคู่ต้องอยู่ใกล้ชิดกันมาก
พอลลูบผมนุ่มสลวยของเธออย่างรักใคร่
“จะว่าอย่างไรดีล่ะข้าว ฉันยอมรับก็ได้ว่าทั้งสัปดาห์ฉันมัวแต่คิดถึงเธอ ในหัวมีภาพเธอเต็มไปหมด แล้วผู้ชายเวลาที่ต้องกักเก็บอารมณ์มาก ๆ เวลามีอะไรมากระตุ้นก็มักจะควบคุมตัวเองไม่ได้ง่าย ๆ”
“ข้าวว่าไม่ใช่เพราะว่าแด๊ดคุ้นเคยกับเธอมาก่อนไม่ใช่หรือคะ” ขวัญข้าวเน้นคำว่าคุ้นเคยเป็นพิเศษ
“โธ่ข้าว สินีก็แค่คู่ขา แล้วอีกอย่างฉันไม่เคยพาใครมาที่บ้านเลย เมื่อคืนเป็นคืนแรกเพราะฉันตบะแตกจริง ๆ” เขายังมีหน้ามาพูดอย่างนี้อีกมันทำให้ขวัญข้าวรู้สึกสะท้อนใจตัวเอง
“กับข้าวแด๊ดก็ตบะแตกเหมือนกันใช่มั้ยคะ” เธอประชดถามเขา
พอคนมันรัก ใจก็คิดเพ้อเจ้อไปหมด ยิ่งพอรู้ว่าเขาเองก็คิดเช่นเดียวกัน ความรู้สึกหวงแหนของของตนก็เข้าครอบงำ อยากให้เขาเป็นของเธอแค่คนเดียว
“ใช่”