หลังใส่เสื้อผ้าให้คนแก้มย้อยเรียบร้อย ผมจึงอุ้มเขาออกมาจากห้องพร้อมคว้ากล่องอาหารของไข่ต้มมาด้วย ซึ่งไข่เอ๋ยก็ช่วยดูแลน้อง เธอป้อนแซนด์วิชเขาที่เบาะหลังรถ ทั้งคู่เข้าขากันเป็นอย่างดี เสียงหัวเราะ เสียงร้องเพลงในรถดังอย่างสนุกสนานพลอยให้ผมรู้สึกแจ่มใส ถึงบางคืนต้องตื่นบ่อยๆ ด้วยห่วงไข่ต้ม หากพอได้เห็นดวงตากลมโตกับแก้มน่าฟัดผมก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง บางทียังเผลอนึกว่าตนอาจเป็นแม่ของเด็กชายจริงๆ ความรู้สึกเช่นนี้นับว่าแปลกมิน้อย เมื่อผมขับรถมาถึงโรงเรียนของจันทร์เจ้าก็เป็นเวลาประมาณ 07.45 น. ซึ่งใกล้เคารพธงชาติ “ก็คุณพ่ออนุญาตแล้วไงคะ พี่ตะวันจำไม่ได้เหรอ” จันทร์เจ้าเอ่ยถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้ เธออยากให้ผมเตรียมชุดผีแนวหลอนสยองขวัญสั่นประสาท แต่ผมคิดว่ามันไม่เหมาะสมสักเท่าไร “พี่เข้าใจ แต่เราจะไม่ใส่หน้ากาก ไม่แต่งตัวให้น่ากลัวจนเกินไป เอาแบบน่ารักดีกว่าไหม” ผมอธิบายจันทร์เจ้าอี