“ขอโทษค่ะ” ตั้งสติได้รีบยืนให้มั่นเอ่ยออกไปบิดมือออกจากอีกฝ่าย
“อืม” เขาตอบรับสั้น ๆ เหมือนไม่ได้ยินดียินร้ายกับการเจอเธอ แต่สายตาเผลอสำรวจคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า “เปลี่ยนไปเยอะนี่”
ไม่รู้ปากไวหรือหมาในปากมันวิ่งเร็วจนห้ามไม่อยู่ ทักทายออกไปไม่สนเลยว่าอีกฝ่ายจะตีความหมายว่ายังไง
และไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเจอเธอ แต่เรียกได้ว่าเจอน้อยมากจนเกือบลืมไปแล้วว่าเป็นเพื่อนสนิทของน้องเขา เกือบลืมไปแล้วว่าเมื่อก่อนรุ่นน้องคนนี้ชอบมาบ้านเขาประจำ
แต่ก็ยังไม่ลืมนะว่าคนตรงหน้าเคยสารภาพรักกับเขา แล้วก็ยังไม่ลืมด้วยว่าตอนนั้นตัวเองพูดอะไรออกไป
“ไม่ใช่ทำตามที่พี่บอกหรอกนะ” ยอมรับว่าสวยมาก เห็นไกล ๆ ก็พอรู้ว่าสวยและเป็นสาวขึ้นกว่าเดิมมาก แต่พอได้เห็นใกล้ ๆ ต้องยอมรับเลยว่าสวยกว่าที่คิด
แต่น่าแปลก สวยขนาดนี้แล้วทำไมไม่เห็นมาบอกชอบเขาเหมือนที่เคยบอกไว้ล่ะ
“ไม่ได้ว่างทำเพื่อพี่ขนาดนั้นหรอกค่ะ” นี่ก็คงเพราะเหล้าที่กินเข้าไปด้วย ทำให้รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาราวกับถูกเขาหยามเรื่องในวันวาน จนปากประชดออกไปให้เขารู้ว่าปัจจุบัน เขาไม่สำคัญแล้ว!
“ดีแล้ว เพราะถึงน้องสวยขึ้นพี่ก็ไม่ชอบ” ไม่ใช่ไม่ชอบหน้าเธอ แต่ไม่ได้ชอบเธอแบบอื่นใด เห็นเป็นเพื่อนน้องสาวมาตั้งแต่แรก เห็นเฉิ่ม ๆ มาตลอด มันก็เลยไม่ได้ตื่นเต้นหรือพิศวาทจนคิดเป็นอื่น
“พี่ก็พูดไป สเปกข้าวตอนสิบแปดกับยี่สิบมันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว” ยกยิ้มหวานให้คนตรงหน้า ย้ำชัด ๆ ว่าเขาไม่ใช่สเปกเธอแล้ว(เหรอ) “ขอตัวนะคะ”
พูดจบก็ไม่รอคำตอบรับใด ๆ หมุนตัวบิดสะโพกเดินออกไปอย่างมั่นใจ ไร้ท่าทีเขินอายเหมือนอดีต ไร้ความตื่นเต้นหลงใหลที่มีต่อเขาอย่างวันวาน
“ไม่เหมือนพี่ ไม่ชอบน้องยังไง ก็ยังไม่ชอบแบบนั้น!” ไม่รู้เพราะเสียหน้าหรือยังไง ตะโกนไล่หลังไปอย่างหมั่นไส้ให้อีกคน
แต่เธอสนใจที่ไหน ไม่แม้แต่จะหันกลับมาต่อปากต่อคำกับเขาสักนิด เล่นเอาหงุดหงิดไม่น้อย
ถ้าเป็นผู้ชายตามกระชากผลักไหล่ให้ร้องไห้ตั้งแต่แรกแล้ว
สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่หนีความหงุดหงิดขึ้นห้องนอนของตัวเองไปอย่างไม่คิดจะแวะร่วมวงวันเกิดน้องสาว
จนโทรศัพท์ร้องขึ้น
Rrrrr นอนไถโทรศัพท์อยู่ดี ๆ ก็มีสายเรียกเข้าจากคนที่ไม่อยากคุยที่สุด
“มีเหี้ยไร” กรอกเสียงทักทายเพื่อนตัวเองที่มีเสียงพูดคุยดังแทรกเข้ามา
(ลงมาข้างล่างหน่อยคร้าบ ผมอยู่บ้านคุณ) ภีมภัทรพูดจบก็วางสายไป ทำเอาเจ้าของบ้านอย่างเขาลุกไปที่หน้าต่าง มองไปยังวงเหล้าที่จัดวันเกิดน้องสาว และได้เห็นคนที่เหม็นขี้หน้าที่โทรเข้ามาเมื่อกี้
“มาได้ไงวะ” บ่นอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมลงไปข้างล่างที่มีเพื่อนเป็นผู้ชายคนเดียว
“มา ๆ พี่เบียร์ กลับบ้านมาก็ไม่แวะมาทักทายน้องนุ่ง” เจ้าของวันเกิดบ่นออกมาเสียงยาน ๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังได้ที่ “นี่วันเกิดน้องนะ ไหนของขวัญ”
“ไม่มี” ไม่มีเชี่ยไรล่ะ เหล้าเบียร์วันนี้กูออกให้หมดเลย(ถึงจะไปเอาจากโกดังพ่อก็ตาม) แต่เขาถือเป็นของขวัญให้แล้ว ยังจะทวงอีก หมดหลายบาทเลยนะนั่น ไม่รู้จะถูกเรียกเก็บตอนไหน
“งก!” นารีว่าให้พี่ชายตัวเองอย่างไม่จริงจัง “นั่ง ๆ เหล้าเบียร์ยังเหลือเพียบ!”
ไม่เพียบได้ไง ก็บอกแล้วว่าเอามาให้เมายันชาติหน้า
“ถ้ามึงไม่ลงมากูโดนรุมแน่” ภีมภัทรบ่นขึ้นโดยที่มือถือแก้วเหล้า
“มึงมาได้ไง”
“จะมายืมเกมไปเล่น บังเอิญมาถูกจังหวะพอดี” ก็เลยเปลี่ยนแผนเล่นเกมเป็นเล่นแก้วในมือแทน
เหล้าฟรี พี่ภีมพร้อมทิ้งทุกอย่าง
บุรินได้แต่สายหัวให้เพื่อนอย่างรู้ดี ไอ้นี่เป็นมิตรกับทุกคนในวงเหล้า
“ข้าวเลิกสนใจมันมาสนใจพี่ดีกว่า” ภีมภัทรหันไปพูดกับใบข้าวอีกครั้ง เรียกความสนใจจากเขาได้เล็กน้อยว่าพูดอะไร มันที่ว่าใช่เขาหรือเปล่า
“พี่ภีมมาช้าไป” ใบข้าวหยอกล้อกลับอย่างสนิทสนม แม้ไม่ได้คุยไม่ได้เจอกันนาน แต่เมื่อก่อนก็เจอกันบ่อย คุยกันประจำ
“แต่ยังไม่ได้คบกันเป็นแฟนนี่ พี่ยังมีโอกาส”
คบเป็นแฟน? หมายถึงยังไง
“โอ้ย! ถึงยังไม่เป็นแฟนแต่พวกเขาก็เหมือนแฟนกันแหละค่ะพี่ขา~” มีนาดับหวังรุ่นพี่ที่รู้จักออกไป
“ช่าย~ เขาคุยกันมาหลายเดือนแล้ว แล้วก็สวีทหวานกันจนน้ำตาลเรียกพี่ด้วย” ตามด้วยเจ้าของวันเกินอย่างนารี
นั่นทำให้คนฟังอย่างไม่ใส่ใจนักรู้แล้วว่ามันนั้นไม่ใช่เขา
ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมน้องมันบอกสเปกไม่เหมือนเดิม ที่แท้ก็กำลังจะมีแฟนนั่นเอง
เขายินดีด้วยหากน้องมันเปิดใจรักใครได้ ไม่ได้ผิดหวังจากเขาจนกลัวเปิดใจ
“แต่ยังไงก็ไม่ใช่แฟนอ่ะ ขนาดเพื่อนพี่รู้ทั้งที่รู้ว่าเขามีผัวแล้วยังไม่ตัดใจเลย” แล้วทำไมประโยคนี้เหมือนจะไม่พ้น “ใช่ไหมไอ้เบียร์”
ขอบคุณไอ้เชี่ยเพื่อนรัก มึงไม่ต้องประจานเรื่องของกูก็ได้ ไอ้เวรนี่!
“เอ๊ะ! พี่เบียร์ไปแอบชอบแฟนคนอื่นเหรอ!” คนจับผิดรองจากแม่ก็น้องกูนี่แหละ
จนนึกเสียใจที่ทำไมแม่ไม่ซื้อคอนโดหรือเช่าห้องพักให้มันทั้งที่ตอนเขาขึ้นมัธยมปลายแม่ซื้อบ้านให้อาศัยอยู่ แต่พอน้องขึ้นมหาฯลัยกลับส่งมันมาอยู่ด้วย
ไม่ใช่ประหยัดหรืออะไรหรอก ให้มาคุมประพฤติกูนี่แหละ เพราะงั้นให้มันรู้เห็นมากไม่ได้ เดี๋ยวมันจะฟ้องแม่
“ไร้สาระ” ปฏิเสธเสียงเรียบ ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มหน้านิ่งเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร
“นั่นสิ เจ้าชู้อย่างพี่เบียร์จะชอบแฟนคนอื่นได้ยังไง” ดีที่มันเมาแล้วเชื่ออะไรแบบนั้นได้
แต่ไอ้คำว่าเจ้าชู้ช่วยตัดทิ้งได้ไหม เปลี่ยนเป็นคนฉลาดก็ได้ ต่อให้ตอนนี้พี่มึงจะโง่ก็เถอะ
“ฮ่า ๆ ๆ” แล้วเพื่อนรักอย่างภีมภัทรก็ขำออกมา จนเขาอดไม่ได้ส่งสายตาตักเตือนไปเป็นการบอกสั้น ๆ หุบปากนะมึง “โอเค”
ดีที่ไม่ต้องฟังภาษาคนก็ยังรู้เรื่อง ไม่งั้นเขาได้ลุกไปบีบปากกรอกเหล้าให้มันไม่ว่างพูดแน่
แล้วในวงเหล้าก็ยังครื้นเครงเสียงดังเหมือนเดิม ยิ่งดึกยิ่งเมา ยิ่งเมายิ่งรั่ว ดีที่บ้านเขาเป็นบ้านเดี่ยวขนาดกว้างขวาง แม้จะเป็นบ้านที่พ่อแม่ซื้อให้แต่ชื่อใครคนนั้นก็เจ้าของนั่นแหละ
ส่วนเหล้าเบียร์ไม่รู้ว่าผิดที่เขาเองหรือเปล่าที่ขนมาเยอะ แล้วแต่ละคนก็เหมือนกลัวมันจะบูด คอตั้งทั้งที่หัวแทบจะทิ่มพื้นดื่มต่อ
กูก็เช่นกัน