“ก็ตรงนั้นไง” พวงชมพูชี้มือไปจุดที่เธอยินอยู่เมื่อสักครู่นี้ ส่วนทิวเขาก็มองตาด้วยความขบขัน นี่ยังไม่รู้อีกเนอะว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร ป้าเอ๊ย หน้ากำลังจะแตกแบบหมอไม่รับเย็บยังไม่รู้ตัวอีก
“ป้ามองขึ้นไปเหนือมือของป้าอีกสักนิดซิ ตรงป้ายนั้นมันอ่านว่าอะไร” ทิวเขาหัวเราะเบาๆ เพราะว่าเขากำลังจะทำให้อีกฝ่ายหน้าแตกแบบที่หมอไม่รับเย็บเลยล่ะ
ส่วนพวงชมพูก็ค่อยๆ มองขึ้นไปตามที่เขาบอก แล้วเธอก็ต้องเห็นป้ายอันใหญ่ที่มีถึงสองภาษา ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แล้วใจความสำคัญของป้าย ก็คือว่าจุดนี้คือที่จอดเจ็ทสกี แล้วเธอดันเดินไปยืนตรงนั้นเอง เธอไม่ได้มองอะไรเลย ก็ใครจะไปคิดว่ามันจะมีป้ายล่ะ สายตาของเธอมัวชื่นชมความงามของท้องทะเลสีฟ้าแล้วฟังเสียงคลื่นอยู่ เธอก็เลยไม่ได้สังเกตอะไรเลย นั่นก็เลยทำให้เธอไปยืนอยู่ตรงนั้น แล้วพอเขาพูดออกมาก็ปล่อยไก่ไปตัวใหญ่ ตามเก็บไม่ทันแล้ว ไก่มันคงวิ่งลงไปในทะเลแล้วล่ะ บ้าบอที่สุดเลย งานนี้เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะ
“ก็ฉันไม่เห็นนี่นา ขอโทษแล้วกัน” คนที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองผิดที่ไปยืนในจุดจอดเจ็ทสกี ได้แต่เอ่ยขอโทษออกไปด้วยความอาย เล่นใหญ่กับไว้ด้วย ต้องรีบไปจากตรงนี้ ก่อนที่ผู้ชายปากปีจอคนนี้จะเล่นงานเธอเข้าให้
“เดี๋ยวก่อนป้า จะไปง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ ขอโทษด้วยความจริงใจน่ะเป็นมั้ย” ทิวเขาอยากแกล้งเธอเฉยๆ เพราะความมั่นหน้าของเธอนั่นแหล่ะ ที่ทำให้เขาอยากแกล้งเธอขึ้นมาทันที
“เป็น แต่จะสนใจอะไรล่ะ เรื่องมันเป็นแค่เรื่องหยุมหยิมเอง ผู้ชายเขาคงไม่ถือสาเรื่องพวกนี้หรอกเนอะ” คนที่กำลังตลกเพื่อเอาตัวรอดยิ้มแหยๆ ให้กับเขา
“ไม่ถือสาก็ได้นะ แต่คราวหน้าป้าช่วยทำอะไรที่มันเหมาะสมกับอายุหน่อย คนวัยอย่างป้าเนี่ยมันน่าจะรอบคอบกว่านี้นะ ว่าแต่ป้าเถอะอายุเท่าไหร่ ทำไมชอบทำอะไรเหมือนเด็กๆ ไปได้” ทิวเขาเอ่ยออกมาด้วยความยียวน จนทำให้คนที่ถูกเรียกว่าป้ากำหมัดด้วยความหมั่นไส้ แต่ครั้งนี้เธอผิดจริง เธอก็เลยไม่อยากที่จะเถียงเขา เพราะเธอผิด แต่เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ มาตำหนิเธอแบบนี้อีก ไอ้เด็กเมื่อวานซืนคนนี้ สงสัยจะเป็นศัตรูกับเธอตั้งแต่ชาติก่อนเหมือนอย่างเพ็ญพรแน่ๆ ก็เลยไม่ยอมให้เรื่องจบ ทั้งที่มันควรจะจบได้แล้ว