หัวใจตายของแอฟริกา (30%)

1559 Words
ทะเลสาบอูเนียงา ใจกลางทะเลทรายซาฮาร่า ทางตอนเหนือของประเทศชาด ประเทศชาด…เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลในเเอฟริกากลาง มีอาณาเขตทางเหนือจดประเทศลิเบีย ทางตะวันออกจดประเทศซูดาน ทางใต้จดสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ทางตะวันตกเฉียงใต้จดประเทศแคเมอรูนและประเทศไนจีเรีย และทางตะวันตกจดประเทศไนเจอร์ เนื่องจากมีระยะไกลจากทะเลและมีภูมิอากาศเป็นแบบทะเลทรายเสียส่วนใหญ่ ประเทศนี้จึงได้ชื่อว่าเป็น ‘หัวใจตายของแอฟริกา’ (dead heart of Africa)   หน้าร้อนอย่างนี้การดำรงชีวิตของคนในพื้นที่ว่ายากแล้ว ผู้มาเยือนกลับยากยิ่งเป็นเท่าทวี ฉะนั้นในช่วงปลายเดือนเมษายนเช่นนี้จึงไม่มีผู้ใดปรารถนาจะย่างกรายเข้ามาสู่พื้นที่อันแห้งแล้ง และแสนร้อนระอุประหนึ่งนรกดีๆ นี่เอง ไม่เว้นแม้กระทั่งบุรุษหนุ่มหล่อลากไส้ นิสัยเจ้าสำราญ ที่โปรดปรานการพร่าสวาทสาวสวยไม่ซ้ำหน้าทว่าไร้หัวใจ ผู้ได้ฉายาจากสาวๆ ทั่วทุกมุมโลกว่า ‘เทพบุตรพร่าสวาท’ อย่าง…เจคอบ เนย์สมิธ หากแต่ภารกิจย่อมอยู่เหนือความสุขหรือความพึงพอใจ ผสานกับเลือดบ้าที่มีอยู่ในตัวทำให้เขาคิดในทางบวกว่าการไล่ล่า ‘แม่หัวขโมยตัวแสบ’ ท่ามกลางทะเลทรายคงสนุก ตื่นเต้น และเร้าใจดีพิลึก ความท้าทายอันแรงกล้าผลักดันจนกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นให้มาเฟียเพลย์บอย เจ้าของบริษัทเนย์สมิธ ไดนามิกส์ ซิสเต็มส์ ผู้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์และอากาศยานเบอร์หนึ่งแห่งสหราชอาณาจักร จำต้องสลัดสาวสวยเซ็กซี่ขยี้ใจทั้งที่ยังไม่ทันจะได้ขย่มสาวเจ้ารับอรุณให้ร้อนฉ่าองศาเดือด แล้วกระโดดขึ้นเครื่องมุ่งหน้าออกจากลอนดอนตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อมาร่อนลงสู่ผืนทรายอันกว้างใหญ่ไพศาลทว่าเวิ้งว้างจนน่าใจหาย   พั่บๆๆๆ…  เสียงใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่ยักษ์ดังกระหึ่มขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเศษทรายที่ปลิวว่อนและแผ่กระจายเป็นวงกว้าง เมื่อนักบินลดระดับเพดานบินให้ต่ำลง เพื่อจะหย่อนผู้โดยสารกิตติมศักดิ์ลงสู่ผืนทรายโดยสวัสดิภาพ ทว่ายังไม่ทันที่มาเฟียหนุ่มจะได้ตั้งตัวเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็พลันบังเกิดขึ้น และพอรู้ตัวอีกทีมหาบุรุษผู้ทรงอิทธิพลแห่งสหราชอาณาจักรก็ร่วงหล่นจากฟากฟ้าลงมาจูบผืนทรายเสียแล้ว  จุก! แต่พอทน เดชะบุญที่มันไม่ได้สูงมากมายอะไร ไม่งั้นเขาคงได้ตายห่าให้สาวน้อยใหญ่ร้องไห้จนน้ำตาท่วมโลกแน่   “ลีลาลงเครื่องเฟี้ยวฟ้าวโคตรเลยว่ะ” น้ำเสียงครื้นเครงจนน่ากระทืบที่แว่วมากระทบโสตประสาทจากเบื้องบนทำให้คนที่เพิ่งลูบทรายออกจากใบหน้าหล่อระเบิดระเบ้อเงยขึ้นสบถลั่นพร้อมชูกำปั้นหรา “ขอให้สนุกกับการเที่ยวชมมรดกโลกนะพวก” นั่นคือวลีสุดท้ายที่เจคอบได้ยินจากปากไอ้เพื่อนตัวแสบทั้งคู่ หลังจากที่พวกมันรวมหัวกัน ‘ถีบ’ เขาตกเฮลิคอปเตอร์ แล้วโบกมืออำลาด้วยสีหน้ากวนบาทาสุดๆ “ไอ้เพื่อนเวร! มรดกโลกบ้านพวกแกน่ะสิ นี่มันทะเลทรายชัดๆ” เสียงห้าวกระด้างติดจะดุดันคำรามลั่น เขารู้ว่า ‘ทะเลสาบอูเนียงา’ เป็นหนึ่งในมรดกโลกทางธรรมชาติ แต่จุดที่ไอ้สองตัวนั่นถีบลงมากลับไม่อยู่ใกล้ทะเลสาบเลยสักนิด สรุปว่าพวกมันรวมหัวกัน ‘แกล้ง’ เขาชัดๆ “ฝากไว้ก่อนเถอะ เดนิคอฟ เคอร์ซานอฟ และ ไบรอัน เคลย์ตัน กลับไปฉันจะตามคิดบัญชีให้สาสมจนพวกแกหัวเราะไม่ออกเป็นหมู่คณะเชียวล่ะ ฮึ่ม!” หลังจากที่ลุกขึ้นได้เสือร้ายแห่งลอนดอนก็เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความฉุนเฉียวสุดใจขาดดิ้น ก่อนที่เขาจะสลัดร่มชูชีพซึ่งยังไม่กางที่ค้างเติ่งอยู่บนไหล่กว้าง แล้วแบกเป้ใบเขื่องพาดบ่าเดินด้วยมาดทระนงองอาจมาตามทะเลทรายอันเวิ้งว้างว่างเปล่า   “ปัดโธ่โว้ย! แล้วฉันจะไปตามหา ‘ยัยหัวขโมยตัวแสบ’ ได้จากที่ไหนกันวะ” เจคอบโวยลั่น ความยุ่งยากใจพลันบังเกิด เมื่อมาเฟียค้าอาวุธสงครามต้องมาเดินท่อมๆ กว่าชั่วโมงอยู่กลางทะเลทรายอันร้อนระอุสุดลูกหูลูกตา เนื่องจากทะเลสาบอูเนียงาแบ่งเป็นแอ่งเล็กๆ ถึงสิบแปดแห่ง และที่สำคัญคือเขาไม่รู้ว่าแหล่งที่เป็นทะเลสาบน้ำจืดซึ่งสัญชาตญาณอันแรงกล้าบอกว่า ‘ผู้หญิงระยำ’ ที่เขากำลังตามหาอยู่ที่นั่น แต่จะอยู่ทางฝั่งไหนนั้นเจคอบก็มิอาจทราบได้ เพราะหลังจากที่ได้รู้ข่าวในช่วงเช้ามืดมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ก็ตัดสินใจมาเยือนที่นี่แบบฉุกละหุก ชนิดไม่มีแผนและการเตรียมการล่วงหน้า มีแค่ข้อมูลพอเป็นสังเขปเท่านั้น ในระหว่างที่เดินไปบ่นไปนั้น ดวงตาสีน้ำตาลทองก็ปะทะเข้ากับแนวต้นอินทผาลัมที่ขึ้นแซมกับต้นปาล์มประปราย ซึ่งบ่งบอกเป็นนัยๆ ว่าบริเวณนั้นจะมีแอ่งน้ำที่เรียกว่าโอเอซิส ทำให้ความหวังของเขาเริ่มเรืองรองขึ้นมา ก่อนที่ร่างทรงพลังจะวิ่งมาหยุดยืนตรงตลิ่ง แล้วใช้ฝ่ามือกระด้างทั้งสองข้างกอบน้ำในแอ่งขึ้นชิม วินาทีถัดมาน้ำที่เพิ่งเข้าไปแตะปลายลิ้นสากก็พุ่งพรวดออกมาจากริมฝีปากหยักลึก   ถุย! “เค็มฉิบหาย!” หลังจากถ่มน้ำลายลงพื้น เจ้าของร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างก็หลุดสบถออกมา ขณะยกหลังมือขึ้นเช็ดปากอย่างลวกๆ ก่อนจะเดินไปหาผู้คนที่ตั้งรกรากอยู่บริเวณนั้น ซึ่งเขาพอจะรู้แล้วว่า ณ ที่ตรงนั้นคือทะเลสาบกลุ่มตะวันตกของทะเลสาบอูเนียงา จากข้อมูลที่รู้มาคร่าวๆ ก็คือที่นี่เป็นทะเลสาบน้ำเค็ม ซึ่งเค็มจัดจนกระทั่งมีเพียงสาหร่ายและจุลินทรีย์บางชนิดอยู่รอด และมีประชากรอาศัยอยู่บริเวณโดยรอบราวๆ เก้าพันชีวิต   หลังสอบถามจากชาวบ้านจนได้ความว่า ‘ผู้หญิงระยำ’ ที่เขากำลังตามล่าอาจจะซ่อนตัวอยู่บริเวณทะเลสาบน้ำจืดอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ เจคอบก็มุ่งหน้าไปตามเส้นทางเฉกเช่นคำบอกเล่าทันที ‘ฉันหัวเราะครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กันนะ’ จิตใต้สำนึกของคนที่ห่างหายจากคำว่า ‘ความสุข’ มาเนิ่นนานเฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ หากแต่สมองอันชาญฉลาดกลับมิอาจค้นหาคำตอบออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรม หรือบางทีเสียงหัวเราะของเธอมันอาจจะถูกแทนที่ด้วยความแข็งกระด้างหมดแล้วก็เป็นได้   ลมร้อนของทะเลทรายพัดมาปะทะสรรพางค์กายคราใดหัวใจดวงน้อยทว่าแข็งแกร่งประดุจหินผาของร้อยโทพาฝัน คริสเต็นสัน อดีตนายทหารสาว ลูกครึ่งไทย-อังกฤษ วัยเบญจเพส สังกัดกองทัพบกแห่งสหราชอาณาจักร ก็พลันร้อนรุ่มและเหมือนจะขาดรอนๆ เสียให้ได้ เส้นทางชีวิตที่เคยรุ่งโรจน์และราบรื่นพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือในชั่วข้ามคืน เมื่อเธอถูกปลดประจำการกลางอากาศ เพราะถูกปรักปรำในข้อหาขโมยข้อมูลลับเกี่ยวกับการผลิตอาวุธของกองทัพอังกฤษ ซึ่งทางบริษัทเนย์สมิธ ไดนามิกส์ ซิสเต็มส์ เป็นผู้ออกแบบและผลิตให้ มันเป็นอาวุธตัวใหม่ที่ร้ายแรงและทรงประสิทธิภาพ แต่ยังไม่ทันที่ทางกองทัพจะได้นำมาใช้อาวุธตัวนั้นก็ดันไปโผล่ที่ประเทศซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับอังกฤษ หนำซ้ำยังมีการซื้อขายในตลาดมืดอย่างครึกโครม สร้างความเสียหายให้ทั้งผู้ผลิตและทางกองทัพ เมื่อสืบเสาะไปมาก็ปรากฏว่าลายเซ็นของผู้ที่อนุญาตให้เอาอาวุธตัวอย่างออกจากคลังคือพาฝัน มันเป็นลายเซ็นของเธอจริงๆ แต่เธอไม่ได้เซ็น มีคนตั้งใจปลอมแปลงมันขึ้นมา และที่สำคัญเธอไม่เคยเห็นเอกสารนั้นเลยด้วยซ้ำ เมื่อตกเป็นจำเลยในคดีที่ไม่ได้ก่อเธอจึงตัดสินใจแหกคุกและหลบหนีออกจากเรือนจำกลางอย่างอุกอาจ มาอยู่ท่ามกลางทะเลทรายพร้อมกับ ‘เจ้าแรมโบ้’ หมาแก่สายพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดที่ทางกองทัพปลดออกจากการทำภารกิจ   “เฮ้อ…เมื่อไหร่ฉันจะไปให้พ้นๆ จากทะเลทรายแห่งนี้ซักทีนะ หรือฉันจะแห้งเหี่ยวอยู่ที่นี่จนถึงวาระสุดท้ายกัน” ลมหายใจผ่าวระอุถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากสีหวานน่าสนิทเสน่หา ทุกวันผ่านพ้นไปพร้อมกับความเบื่อหน่ายสุดท้ายมันก็สะสมจนกลายมาเป็นความเครียด ก่อนที่สาวเจ้าจะเค้นเสียงเข้มกล่าวต่อ   “ไม่หรอก คนอย่างพาฝัน คริสเต็นสัน จะไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ” แม่สาวขาโหดยังคงเด็ดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางความร้อนระอุและการรอวันแก้แค้นใครก็ตามที่มันบังอาจใส่ร้ายป้ายสีเธออย่างหน้าด้านๆ ถึงแม้ความหวังที่ว่าผู้บังคับบัญชาจะช่วยเหลือ หรือหาทางให้เธอได้กลับไปหาหลักฐานมาพิสูจน์ถึงความบริสุทธิ์ของตัวเองนั้นดูเหมือนจะริบหรี่ประหนึ่งแสงหิ่งห้อยลงไปทุกทีก็ตาม  ในระหว่างที่พาฝันกำลังนั่งทอดอารมณ์อยู่นั้น เสียงเห่าของเจ้าแรมโบ้ซึ่งเพิ่งวิ่งมาจากไปกินน้ำดับกระหายในทะเลสาบก็ดังขึ้น  โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD