ตอนที่ 9 ห่วง (1)

1460 Words
ห้องเช่าขนาดเล็กตั้งอยู่ในซอยแคบ ๆ หลังหนึ่ง ซึ่งเวลานี้คนที่เป็นต้นเหตุทำให้แม่และน้องทุกข์ใจ กำลังนั่งดื่มเหล้ากับเพื่อนอย่างสบายใจ โดยไม่รู้เลยว่าผู้เป็นแม่กำลังนอนรอผ่าตัดอยู่ในโรงพยาบาล ส่วนหนึ่งก็ด้วยฝีมือตัวเองที่ไปฉุดกระชากแย่งเงินจากท่าน เป็นผลให้ท่านล้มหัวกระแทกโต๊ะ พีรพลเป็นพี่ชายคนโตของบ้าน พอเรียนจบมัธยมปลายแล้วไม่ได้เรียนต่อ เพราะต้องการช่วยแม่ขายน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ เพื่อส่งเสียน้องสาวเรียนดีกว่า อีกอย่างพีรดาเรียนเก่งกว่าเขาตั้งเยอะ “กูกลับก่อนนะโว้ย เป็นห่วงแม่ว่ะ” พีรพลที่ยังสะลึมสะลือเอ่ยกับเพื่อนทั้งสอง “สภาพแบบนี้มึงอย่าเพิ่งกลับเลยว่ะ เดี๋ยวเจอด่านตรวจฉี่มึงก็ซวยหรอก กูไม่อยากให้แม่กับน้องมึงเดือดร้อน” ชายร่างผอมมัดจุกกลางกระหม่อม ร้องห้ามอย่างเป็นห่วง “เออ ๆ ไม่กลับก็ไม่กลับ” พีรพลเป็นคนว่าง่าย ฟังเพื่อนห้ามแต่โดยดี เขาทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง ตั้งใจข่มตาลงยังไงก็นอนไม่หลับ ในหัวคิดถึงมารดา จำได้ว่าก่อนออกมา เขากระชากเงินจากกระเป๋าเสื้อแม่ ไม่ต่างจากลูกทรพี เขากลายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตั้งแต่ที่เล่นยาพวกนี้เหรอ เขาอยากเลิกควรทำยังไงดี ไม่น่ามาลองเลย ลองแค่ไม่กี่ครั้งก็ติด คิดแล้วยกมือขึ้นมาขยี้หัวรัวแรง มองเพื่อนอีกสองคนที่นั่งดื่มเหล้า เพื่อนทั้งสองไม่มีพ่อแม่จึงไม่มีอะไรให้ห่วง จะทำอะไรก็ได้เพราะตัวคนเดียว แต่เขาไม่ใช่ แม่กับน้องจะเป็นอย่างไรบ้างนะ จำได้ว่าหลังฉุดกระชากเงินจากมารดาแล้วไม่เหลียวหลังมองท่านเลย เอาแต่วิ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว เป้าหมายคือที่นี่แหละ ห้องพักโกโรโกโสตามสภาพราคาถูก และคนที่เช่าก็เสเพลไปวัน ๆ “เฮ้ยกูว่ากูกลับดีกว่าว่ะ” เมื่อความเป็นห่วงจุกแน่นในอก เขาก็ไม่อาจนอนเฉยอยู่ต่อไปได้ “มึงนี่ดื้อจริง กลับก็กลับ ขับรถดี ๆ นะโว้ย อย่าเจอด่านล่ะ กูไม่อยากเดือดร้อนกับมึงด้วย” “เอ่อรู้น่ะ พวกมึงตามสบายกูกลับละ” “แล้วส่งของล่ะ ยังอยากทำอีกไหม?” เพื่อนอีกคนเอ่ยถาม พีรพลรีบส่ายหน้า เขาไม่อยากติดคุกติดตาราง ส่งของครั้งเดียวพอแล้ว ความจริงคราวนั้นไม่ได้ตั้งใจหรอก พอดีเขาเป็นห่วงเพื่อนจึงออกไปช่วยก็แค่นั้นเอง “มึงมันป้อดว่ะ” “เออกูยอมรับว่ากูป้อด ส่วนพวกมึงแน่ ก็ระวังตัวด้วย อย่าโดนจับได้นะโว้ย กินข้าวในคุกไม่ได้อร่อยเหมือนข้างนอกนะมึง” “ครับ” เพื่อนอีกคนขานรับพร้อมหัวเราะชอบใจ ไม่สะทกสะท้านต่อคำตักเตือนว่ากล่าว พีรพลขับรถมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยตามคำภาวนาของเพื่อน แต่ขณะนี้ในบ้านมืดสนิทเหมือนไม่มีคนอยู่ ร่างผอมสูงนำจักรยานเข้ามาจอดในบ้าน โดยมีรถกระบะคันเก่าที่แม่ใช้เป็นประจำจอดอยู่ที่เดิม เมื่อคิดว่าแม่ยังนอนอยู่ในบ้าน เขาก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ส่วนรถจักรยานยนต์อีกคันไม่ได้จอดอยู่ตรงนี้ คงเพราะเจ้าของยังไม่กลับ ทว่าพอเข้าไปในบ้านไม่เห็นใครสักคน พีรพลรีบควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง “แม่งเอ้ย! แบตหมดตอนไหนวะ” เขาสบถอย่างหัวเสียแล้วขึ้นไปยังชั้นบนห้องนอน หาสายชาร์ตมาเสียบกับโทรศัพท์ ยังนึกสงสัยอยู่ว่าทำไมแม่กับน้องไม่อยู่ จากนั้นก็เข้าไปอาบน้ำ พอทำธุระส่วนตัวเสร็จ หนุ่มในวัยเบญจเพส ก้าวลงมายังชั้นล่าง น้อยครั้งมากที่เขาจะอยู่บ้านคนเดียวเวลานี้เขารู้สึกโหวง ๆ อย่างไรชอบกล จากนั้นร่างสูงพาตัวเองเข้าไปในครัว แต่แล้วเขาถึงกับนิ่วหน้าในความผิดปกติ เพราะกะละมังสแตนเลสขนาดกลางหลายใบคว่ำบ้างหงายบ้างอยู่ใกล้ ๆ โต๊ะอาหารในครัว คล้ายร่องรอยคนกำลังต่อสู้กัน หรือว่า… ใช่เย็นวันนั้นเขาฉุดยื้อแย่งเงินกับแม่ คิดได้แล้วพีรพลรีบออกจากห้องครัว ก่อนจะวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนด้วยความร้อนใจ มือเรียวยาวคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเครื่อง จากนั้นก็กดโทรหาน้องสาว เพียงไม่นานก็มีคนรับสาย “พี่กูร! พี่อยู่ที่ไหน รู้ไหมแม่เข้าโรงพยาบาลนะ” พีรดากรอกเสียงดีใจ ทว่าในความดีใจกลับเจือด้วยความโกรธด้วยที่พี่ชายหายหน้าหลายวัน ติดต่อก็ไม่ได้อีก ส่วนคนปลายสายได้ยินว่ามารดาเข้าโรงพยาบาล คิ้วโก่งขมวดมุ่น “ว่าไงนะ! แม่เข้าโรงพยาบาลเหรอ แม่เป็นอะไร ใครทำอะไรแม่” “แม่ล้มกลิ้งอยู่ในห้องครัว ดีที่กวางกลับมาเจอแม่ก่อน พี่อยู่ไหนรีบมาหาแม่เลยแม่รออยู่” “เออ ๆ เดี๋ยวพี่จะรีบไป” พีรพลวางโทรศัพท์พร้อมกับทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความรู้สึกผิด ต้องเป็นตอนที่เขากระชากเงินจากมือแม่แน่ ๆ จำได้ว่าแม่ไม่ยอมท่าเดียว มานึกถึงตอนนี้ สองมือใหญ่กำเข้าหากันแน่น ทำไมเขาเลวถึงขนาดนี้ ชายหนุ่มลุกขึ้นต่อยเสาเพื่อระบายความในใจ เขาเลวยิ่งกว่าสัตย์นรก เกือบจะฆ่าแม่แล้วไหมล่ะ “พี่กูรว่าไงบ้าง?” ปรียานุชที่นอนไม่หลับเอ่ยถามบุตรสาวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง พีรดารีบลุกจากโซฟาสีครีมคลาไคลมาทางเตียงคนไข้ “พี่กูรไม่ได้ว่าอะไรค่ะ” พีรดาระบายยิ้มให้มารดา ที่ผ่านมาพี่ชายเป็นลูกชายที่น่ารักมาก จะเปลี่ยนก็มาตอนหลัง ๆ นี่แหละ ไม่ค่อยช่วยงานแม่แล้วยังหายออกไปค้างคืนข้างนอกบ่อย ๆ อีก “แล้วพี่เขาบอกหรือเปล่าว่าจะมาเยี่ยมแม่ไหม?” “มาค่ะ เดี๋ยวพี่กูรก็มาแล้ว กวางบอกเขาแล้วว่าแม่มานอนที่โรงพยาบาล” พีรดารู้ว่ามารดาอยากเจอพี่ชายมาก เธอเองก็ไม่ต่างกัน “กวางว่าแม่นอนพักสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวพี่กูรมากวางค่อยปลุกแม่นะ” พีรดารั้งชายผ้าห่มมาคลุมอกมารดา เมื่อผู้เป็นแม่พยักหน้าหลับตา หญิงสาวไปเอนลงบนโซฟาบ้าง ตกดึกในขณะที่พีรดาและปรียานุชหลับอยู่นั้น พีรพลซึ่งเพิ่งมาถึงค่อย ๆ วางของลงบนโต๊ะกลัวทุกคนตื่น ยอมรับว่าไม่กล้าสู้หน้าแม่เท่าไหร่ เพราะเขาละอายใจที่เป็นต้นเหตุให้ท่านต้องเป็นแบบนี้ จึงแอบมาตอนที่คิดว่าทุกคนหลับแล้ว ดวงตาลึกโหล กวาดมองคนบนเตียงและบนโซฟาด้วยความรู้สึกผิด ก่อนจะสืบเท้าเข้าไปหาน้องสาวตัวเล็กที่นอนหลับพริ้ม เมื่อเห็นผ้าห่มถีบอยู่ที่ปลายเท้า พีรพลส่ายหน้าเล็กน้อย พีรดามักจะนอนถีบผ้าห่มบ่อย ๆ ตอนเด็ก ๆ เป็นเขาหรือไม่ก็แม่ที่ต้องคอยคลุมผ้าห่มให้เธอคืนละหลาย ๆ รอบ พีรพลห่มผ้าให้คนหลับสนิทแล้ว มือเรียววางอยู่บนหัวทุยพร้อมลูบเบา ๆ อย่างเอ็นดู แม้เขากับพีรดาอายุห่างกันแค่ไม่กี่ปี แต่ในสายตาของเขา เธอยังคงเป็นสาวน้อยตัวเล็ก ๆ เสมอ ถึงอย่างนั้นพีรดากลับมีความคิดความอ่านที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าเขาเสียด้วยซ้ำในบางเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องหาเงินเรียนหนังสือ น้องสาวเป็นคนที่ขยันมาก ดูจากที่เธอรับจ้างทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินจ่ายค่าเทอม นั่นบ่งบอกว่าน้องสาวเป็นคนมีความรับผิดชอบมากแค่ไหน “มาแล้วเหรอกูร?” เสียงมารดาปลุกให้คนที่ตกอยู่ในห้วงความคิดตื่นจากภวังค์ ก่อนจะเดินเข้าไปหาผู้เป็นแม่ด้วยสีหน้าเจื่อน “แม่เป็นยังไงบ้างครับ ผมขอโทษนะครับที่ทำร้ายแม่ในวันนั้น” เขาเอื้อมมาบีบมือหยาบกร้านของมารดาอย่างรู้สึกเสียใจ ทว่าคนเป็นแม่กลับส่ายหน้าราวกับบอกว่าไม่เป็นไรคนเราทำผิดกันได้ “ลูกหายไปไหนมา กินข้าวมาหรือยัง?” จบประโยคห่วงใยของมารดา พีรพลถึงกับขอบตาร้อนผ่าว แม่มักจะเป็นห่วงเขาเสมอ ทั้งที่ตัวเองไม่สบายหนักก็ยังเป็นห่วงว่าเขายังไม่ได้กินอะไร คงไม่มีใครประเสริฐเท่ากับแม่อีกแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD