ตอนที่ 4 ว่าที่คู่หมั้น 2

1354 Words
ร้านอาหารแห่งนี้ทั้งไตรภพและกษิดิศก็มักจะมากินข้าวที่นี่ด้วยกันอยู่บ่อย ๆ เพราะตั้งอยู่บนทำเลที่สะดวกต่อการเดินทาง ส่วนในด้านรสชาติอาหารไม่ต้องพูดถึง เพราะร้านอาหารแห่งนี้ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์มาแล้ว แถมที่นี่ยังติดหนึ่งในร้านอาหารที่คนนิยมเข้ามากินมากที่สุด ชายวัยกลางคน บุคลิกภูมิฐาน ทั้งสองยังคงนั่งคุยกันถึงเรื่องนี้เรื่องนั้นในระหว่างรอบุตรชายและบุตรสาวมาที่นี่ หัวข้อสนทนาส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับกอล์ฟซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทั้งสองชอบทำยามว่าง กระทั่งเมื่อเห็นสองหนุ่มสาวเดินควงกันเข้ามาในร้านราวกับคู่รักก็ไม่ปาน ทำเอาพวกเขาถึงกับยิ้มจนเห็นริ้วรอยรอบหางตาตามวัย โดยเฉพาะไตรภพ ไม่บ่อยนักที่จะเห็นปราณธรกับกวินตราไปไหนมาไหนด้วยกันสองต่อสอง อย่างวันนี้ที่เห็นบุตรชายมากับสาวสวยซึ่งเป็นลูกสาวเพื่อนรัก เขาเป็นคนบอกให้กวินตราไปหาปราณธรที่บริษัทเอง ถ้าแค่โทรบอกไตรภพรู้ว่าบุตรชายคงจะบอกปัดอ้างเรื่องงานเหมือนทุกครั้ง ปราณธรที่เพิ่งเข้ามาถึงยกมือไหว้ชายวัยกลางคนผู้มีศักดิ์เป็นพ่อของกวินตรา ซึ่งอีกฝ่ายรับไหว้เขาด้วยสีหน้าอารมณ์ดี ทักทายพอสังเขป ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้มาให้หญิงสาวที่มาด้วยกันตามที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ “ขอบคุณค่ะพี่ปราณต์” กวินตรากล่าวพร้อมรอยยิ้มก่อนจะลงนั่งด้วยกิริยาเรียบร้อย เมื่อเห็นลูก ๆ มาพร้อมแล้ว ไตรภพจึงเรียกบริกร จากนั้นทั้งหมดจึงช่วยกันสั่งอาหารซึ่งขึ้นชื่อของที่นี่มาห้าถึงหกอย่าง เพียงไม่นาน บนโต๊ะอาหารจึงเต็มไปด้วยอาหารน่าทานที่เด็กเสิร์ฟนำมาตั้งโต๊ะ ปราณธรที่นั่งข้างหญิงสาวในชุดเดรสสีชมพูจึงตักอาหารให้เธออย่างเอาใจเหมือนกับทุกครั้งที่นั่งอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ ส่วนคนเป็นพ่อเมื่อเห็นสองหนุ่มสาวเทคแคร์เอาใจใส่กัน จึงหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ “พ่อว่าคงถึงเวลาที่ลูกทั้งสองควรหมั้นหมายกันแล้วนะ” เสียงของไตรภพดังขึ้น เป็นผลให้หนุ่มสาวทั้งคู่ชะงักเล็กน้อยกับประโยคของผู้ใหญ่ “นั่นสิ คุณไตรภพพูดถูกใจผมจริง ๆ เลยครับ” กษิดิศเสริมอย่างอารมณ์ดี หากหนุ่มสาวที่นั่งอยู่ด้วยกลับยิ้มไม่ออก ปราณธรซึ่งสามารถบอกปัดเรื่องงานหมั้นได้ทุกครั้งที่ถูกผู้ใหญ่เปรย จึงรีบแสร้งพูดเบา ๆ ว่า “ผมว่าอย่าเพิ่งเลยครับคุณพ่อ” เขาและกวินตรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เขาคิดกับหญิงสาวร่างเล็กคนนี้แค่น้องสาว ซึ่งเธอเองก็คิดกับเขาแค่พี่ชาย แต่เป็นเพราะคำสั่งของผู้ใหญ่ ทั้งคู่จึงต้องแกล้งตบตาผู้ใหญ่ว่าพวกเขาเข้ากันได้ดีมาก “นั่นสิคะคุณลุง วินนี่ว่ารออีกสักพักดีกว่านะคะ” ปกติกวินตราไม่ค่อยมีปากมีเสียงเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้เธอรีบขัดแบบนี้คงจะไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง “ทำไมล่ะหนูวินนี่ หนูมีปัญหาอะไรหรือ?” ไตรภพเงยหน้าถามว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียอ่อนโยน แต่คนที่นั่งข้างหญิงสาวรีบแก้ตัวให้ทันควันไม่ให้หญิงสาวลำบากใจ “ผมกับน้องวินนี่เราตัดสินใจว่าอยากจะคบกันแบบนี้ไปก่อนครับคุณพ่อ” เสียงของปราณธรราบเรียบ ทว่าหนักแน่นเหมือนบุคลิกเจ้าของ “แล้วเมื่อไหร่ลูกจะพร้อมล่ะ พ่อกับลุงดิศอยากอุ้มหลานเต็มแก่แล้วนะ” ไตรภพบอกพร้อมทั้งเบนสายตาไปทางเพื่อนสนิท ซึ่งอีกฝ่ายเห็นด้วยกับประโยคของเพื่อนที่สุด “รออีกสักหน่อยครับคุณพ่อ ผมอยากเคลียร์งานให้มันเรียบร้อยกว่านี้ ถึงตอนนั้นผมจะได้มีเวลาอยู่กับน้องวินนี่ไงครับ” “ฮ่า ฮ่า… แบบนี้นี่เอง คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่อาฝากลูกสาวอาไว้กับปราณต์” กษิดิศพูดกลั้วหัวเราะ รู้สึกพอใจกับประโยคของว่าที่ลูกเขยเป็นที่สุด ขณะที่ผู้ใหญ่พากันอารมณ์ดี สองหนุ่มสาวทำได้แค่นั่งกินข้าวอย่างเงียบ ๆ หันมามองหน้ากันเป็นครั้งคราว สีหน้าของกวินตราแจ่มใสขึ้นมาก เมื่อคิดว่าบิดาคงจะไม่เร่งเรื่องของเธอกับปราณธรอีกสักพักใหญ่ ๆ เพียงไม่นาน การร่วมรับประทานมื้อเที่ยงก็ผ่านไป สองหนุ่มสาวจึงแยกตัวออกมาจากผู้ใหญ่ แต่ในระหว่างที่เดินผ่านสถานที่จัดงานแห่งหนึ่ง ปราณธรสะดุดเข้ากับแผ่นหลังบอบบางของใครคนหนึ่ง พีรดามาทำอะไรที่นี่? เวลานี้เธอต้องเรียนไม่ใช่หรือ? ดวงตาคมกริบที่อยู่ภายใต้หัวคิ้วหนาหรี่ลงแคบ ๆ ราวกับใคร่สงสัย “พี่ปราณต์มองใครหรือคะ?” กวินตราถามว่าที่คู่หมั้นด้วยสีหน้าอยากรู้ เมื่อเห็นชายหนุ่มส่งสายตาไปทางงานจัดเลี้ยงที่พวกเธอผ่านมาพอดี ปราณธรหันกลับมามองหญิงสาวตรงหน้าพร้อมส่ายหน้าปฏิเสธ จากนั้นก็พาเธอไปที่ลานจอดรถแล้วขับออกไป ขณะที่ฝั่งของงานเลี้ยงที่โรงแรม งานเลี้ยงวันนี้เป็นงานเลี้ยงประจำปีของบริษัทแห่งหนึ่งที่จัดขึ้นเพื่อตอบแทนลูกจ้างที่ตั้งใจทำงาน จำนวนคนมีไม่ถึงร้อย เพราะเป็นบริษัทขนาดเล็ก พีรดาเดินเสิร์ฟอาหารให้แขกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทันทีที่ลดาวัลย์โทรบอกเธอเมื่อช่วงสิบโมงกว่า พีรดารีบออกจากมหาวิทยาลัยทันที วันนี้โชคดีของเธออีกแล้วที่ได้มารับจ๊อบพิเศษ และงานน่าจะเลิกเร็วกว่าหลายวันก่อน เพราะน้าลดาบอกว่าประมาณหกโมงกว่า ๆ งานก็เลิกแล้ว แล้วที่สำคัญคือเธอต้องการขอโทษลดาวัลย์ เนื่องจากคืนก่อนเธอโดดงานทั้งที่งานยังไม่เลิก นึกถึงเรื่องเมื่อคืนก่อน ใช่เธอดื่มน้ำสีฟ้าที่เพื่อนร่วมงานเตรียมไปเสิร์ฟ ต้องเป็นน้ำในแก้วใบนั้นแน่ ๆ ที่เป็นเหตุให้เธอเสียตัวให้ผู้ชายที่ไม่ใช่แฟน เธอมองหาเพื่อนร่วมงานคนก่อเหตุทว่ากลับไม่เจอ และในเวลาต่อมาถึงได้รู้ว่าพนักงานคนนั้นถูกไล่ออกแล้ว พีรดาไม่กล้าถามอะไรต่อ ซึ่งเธอไม่แน่ใจว่าที่เพื่อนร่วมงานคนนั้นถูกไล่ออกจะใช่เรื่องคืนนั้นหรือเปล่า? “น้าลดาคะ เมื่อคืนก่อนกวางต้องขอโทษด้วยนะคะที่กวางโดดงานพอดีกวางมีธุระด่วนค่ะ” พีรดาบอกอย่างเกรงใจเมื่อนึกถึงเรื่องคืนปาร์ตี้วันเกิดในโรงแรม “ไม่เป็นไรจ้ะ เจ้าของงานได้บอกกับน้าแล้ว” “เขาบอกว่าไงคะ?” พีรดานิ่วหน้าถามเมื่อได้ยินแบบนั้น “ก็… มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?” ลดาวัลย์เลิกคิ้วถาม เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเด็กในปกครอง ราวกับมีเรื่องร้ายแรง “ไม่มีอะไรค่ะ งั้นกวางขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” ว่าแล้วก็ไปช่วยเพื่อนทำงานต่อ ไม่อยากรู้แล้วว่าผู้ชายคนนั้นบอกอะไรกับน้าลดาบ้าง ลดาวัลย์มองแผ่นหลังบางด้วยความเอ็นดู ไม่ได้นึกตำหนิเธอแต่อย่างใด เมื่อเช้าปราณธรเจ้าของงานวันเกิดโทรบอกกับหล่อนว่า ได้ทำเสื้อผ้าของพีรดาเลอะเหล้า จึงให้หญิงสาวกลับไปก่อน ซึ่งลดาวัลย์ก็เข้าใจดี เพราะเกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อย อีกอย่างหล่อนได้รับการไว้วางใจจากนักธุรกิจหนุ่มบ่อยอยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหากับเรื่องแค่นี้ ทว่ากลับมีเรื่องที่หนักกว่านั้นอย่างคาดไม่ถึง นั่นคือสิ่งที่พนักงานในสังกัดของหล่อนคนหนึ่งก่อเรื่องขึ้น ซึ่งหลังจากที่รู้เรื่องจากปราณธร หล่อนก็ไล่พนักงานชายคนนั้นออกไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD