ตอนที่ 4 ว่าที่คู่หมั้น 1

1839 Words
บริษัท JLW กรุ๊ป ลัมโบร์กินี อะเวนตาโดร์สีน้ำเงินโฉบเฉี่ยวดั่งวัวกระทิง เคลื่อนเข้ามาจอดที่หน้าตึกสูงกว่าสามสิบชั้น ด้วยการดีไซน์เป็นแบบกระจกทั้งตึก เวลามองทำให้เห็นเงาสะท้อนเป็นสีเขียวมรกต จนตึกแห่งนี้ดูโดดเด่นที่สุด กลบรัศมีตึกอื่น ๆ ที่ตั้งอยู่ในย่านนี้ไปจนหมดสิ้น เพียงครู่เดียวร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสากลสีเดียวกับยานพาหนะที่จอดอยู่ข้างกาย ก้าวย่างเข้าไปภายในอาคารกว้างใหญ่ มีพนักงานที่เดินขวักไขว่ยกมือไหว้ท่านประธานสุดหล่อ และอัธยาศัยดีคนนี้อย่างไม่ขาดสาย สายตาที่พนักงานหญิงทอดมองหนุ่มหล่อเต็มไปด้วยความชื่นชมและปลาบปลื้ม เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าเขายังโสด และพวกเธอมีสิทธิ์ที่จะเพ้อฝัน ปราณธรยิ้มทักทายตอบ ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปยังลิฟต์ส่วนตัว โดยมีผู้ช่วยกับเลขาก้าวตามอยู่ไม่ห่าง ปราณธรเข้ามากุมบังเ**ยนแทน ผู้เป็นบิดาได้หกปีมาแล้ว ดังนั้น อำนาจบริหารทุกอย่างใน JLW กรุ๊ป ตกอยู่ในมือเขาเพียงผู้เดียว โดยที่ไม่มีใครกล้าค้าน เมื่อเข้ามาถึงในห้องทำงานส่วนตัว ชายหนุ่มพาร่างสูงโปร่งลงนั่งบนเก้าอี้ทำงาน “สิบโมงเรียกทุกฝ่ายเข้าประชุมด้วย” น้ำเสียงครัดเครียดดังมาจากบุคคลที่เพิ่งลงนั่งไม่ถึงหนึ่งนาที “ครับบอส” เจ้าของชุดสูทสีดำรับคำ พร้อมกับเดินออกไปเพื่อไปเตรียมการทันที เดชาคือผู้ช่วยส่วนตัวของปราณธร และเป็นคนที่รู้จักปราณธรดียิ่งกว่าที่เจ้าตัวรู้จักตัวเองเสียอีก เมื่อผู้ช่วยหนุ่มออกไปได้ไม่เท่าไร เสียงมือถือที่วางอยู่ในกระเป๋าเสื้อก็ดังขึ้นมา มือที่กำลังจะเปิดแฟ้มชะงักก่อนเอื้อมไปหยิบเครื่องมือสื่อสารที่สั่นไม่หยุด “ฮัลโหลครับ” “เมื่อคืนคุณหนีกลับก่อนทำไมไม่บอกได๋ล่ะคะ” “พอดีผมมีงานด่วนครับ ต้องขอโทษด้วย” เมื่อคืนมีเหตุสุดวิสัยจึงไม่ได้บอกใครไว้ก่อนออกไป “เที่ยงนี้ปราณต์ว่างไหม ได๋อยากชวนคุณไปกินมื้อเที่ยงด้วยกันค่ะ” เสียงหวานใสของคนปลายสาย ปราณธรคุ้นเคยดี และคุ้นเคยที่สุด เพราะเมื่อก่อนพวกเขาเคยเป็นคู่รักที่ใคร ๆ ต่างก็อิจฉา แต่เพราะฝ่ายหญิงเป็นคนบอกเลิกเขาก่อน ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองจึงเหลือเพียงแค่ความเป็นเพื่อนเท่านั้น และมันจะเป็นแบบนั้นตลอดไป “ว่างสิ แต่อาจจะเลทนิดหน่อยนะ เพราะผมมีประชุมพอดี” ไหน ๆ เขาก็ไม่มีเพื่อนกินข้าวอยู่แล้ว การนั่งกินข้าวกันสองคนน่าจะดีกว่ากินคนเดียว “โอเค งั้นเจอกันที่เดิมนะ” “ครับ” ปราณธรวางสายแล้วเปิดดูกำไรของไตรมาสนี้อย่างกระตือรือร้น นั่งทำงานจวบจนได้เวลาเข้าประชุม ชายหนุ่มวางอุปกรณ์ไอทีลงบนโต๊ะทำงานเพื่อเข้าประชุม ทว่าเสียงประตูห้องถูกเคาะเบา ๆ จากข้างนอก ก๊อก ก๊อก ก๊อก “เข้ามา” สิ้นเสียงทุ้มห้าว ปรากฏร่างเพรียวบางของหญิงสาวในชุดเดรสสีฟ้าเผยรอยยิ้มน่ารักมาให้เจ้าของห้อง ปราณธรเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มรับเจ้าของเสียงหวาน “เที่ยงนี้พี่ปราณต์ว่างไหมคะ คุณลุงให้วินนี่ชวนพี่ปราณต์ไปกินมื้อเที่ยงด้วยกันที่โรงแรมค่ะ” กวินตราหรือวินนี่ เอ่ยกับปราณธรด้วยน้ำเสียงน่ารัก คนฟังเองยิ้มมุมปาก ตอบรับอย่างเต็มใจ “ครับ งั้นพี่คงต้องเข้าประชุมก่อน วินนี่นั่งรอพี่ก่อนนะครับ” ปราณธรบอกกับผู้มาเยือนด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม ทั้งที่มีนัดกับจิรวรรณไว้แล้ว แต่เขาคิดว่าเดี๋ยวค่อยโทรไปยกเลิกนัดหญิงสาวทีหลังก็แล้วกัน เมื่อปราณธรออกไปแล้ว กวินตราย้ายร่างมานั่งลงบนโซฟา ก่อนจะหยิบนิตยสารมาเปิดอ่านเพื่อฆ่าเวลา บางครั้งหล่อนเบื่อที่ต้องทำตามบิดาสั่งโน่นสั่งนี่ แต่เพราะไม่อยากมีปัญหา หล่อนไม่อาจปฏิเสธได้ ไม่ต่างอะไรกับคนเมื่อครู่ ยังดีว่าพวกเขาตกลงกันก่อน ทำให้ทั้งเธอและเขาต่างไม่อึดอัด และเข้ากันได้ดีเลยทีเดียว ปราณธรก้าวเข้าไปยังห้องประชุมที่ทุกคนกำลังรอเขาอยู่ วันนี้ที่เรียกทุกคนด่วนเช่นนี้ เพราะสินค้าที่ส่งออกไปที่ฮ่องกงถูกตีกลับทั้งหมด ชายหนุ่มเพิ่งรู้ว่าปัญหาเกิดจากสินค้ามีตำหนิ ซึ่งเขาคิดว่าทุกอย่างอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด ทว่าเมื่อเห็นสินค้าตัวอย่างที่ถูกส่งกลับมามีตำหนิจริง ๆ ทำเอาโมโหไม่น้อย “ผมไม่เข้าใจว่าทำไม สินค้าส่งออกของเราถึงมีตำหนิได้ หรือว่ามีการข้ามขั้นตอนใดก่อนส่งออกหรือเปล่า?” ปกติก่อนส่งเครื่องประดับทุกชิ้นออกจากโรงงาน จะต้องมีการตรวจตราเข้มงวดแทบทุกครั้ง ทว่าครั้งนี้มันกลับมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ราวกับมีคนจงใจทำ! สายตาดุจเหยี่ยวของคนนั่งบนหัวโต๊ะ จับจ้องที่ใครบางคนซึ่งนั่งเงียบทำเหมือนตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ปราณธรหรี่ตาลงเล็กน้อย หวังว่าจะไม่ใช่… ที่ทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้ “ว่าไงครับคุณปรีชา” ผู้ที่ถูกเอ่ยชื่อ กลับทำหน้าไม่สะทกสะท้าน “ผมไม่ขอแก้ตัวใด ๆ เรื่องนี้มันเป็นความผิดของผมเองครับ” “เฮอะ! ดีที่รู้ตัว แล้วคุณจะรับผิดชอบเรื่องนี้ยังไงบอกหน่อยสิ” เจ้าของน้ำเสียงเรียบ เคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ ทว่าเสียงนั้นมันกลับบีบหัวใจคนฟังแทบไม่กล้าแม้แต่หายใจ ยกเว้นผู้ชายคนที่นั่งทำหน้านิ่งไม่เกรงกลัวต่อสิ่งตรงหน้า “ผมขอลาออกครับ” ปรีชาพูดอย่างเป็นเรื่องที่จะปล่อยไปง่าย ๆ โดยไม่รู้เลยว่าเรื่องที่เขาแอบทำ ปราณธรรู้หมดแล้ว “ลาออกอย่างนั้นหรือ?” ร่างสูงใหญ่บนหัวโต๊ะตัวยู ลุกขึ้นยืนเด่น มายืนอยู่ตรงหน้าผู้จัดการแผนกฝ่ายส่งออก ดวงตาคมดุราวกับคมกริชที่พร้อมจะทิ่มแทงคนได้ทุกเมื่อ กราดมองคนปั้นหน้าซื่อที่เวลานี้ยังคงทำหน้าไขสือ “ได้มาเท่าไหร่แล้วล่ะ ถึงขนาดกล้าที่จะลาออก” ตำแหน่งนี้เงินเดือนมากซะจนใคร ๆ ก็อยากครอบครอง แต่ชายผู้นี้กลับอยากลาออกโดยไม่เสียดาย จะให้ปราณธรคิดยังไง “คุณปราณธร!” ปรีชามีสีหน้ากร้าว เมื่อถูกกล่าวหาต่อหน้าทุกคนในห้องประชุม “แล้วนี่มันอะไร!?” กล่าวจบ ปราณธรหยิบเอกสารจากผู้ช่วย แล้วปาลงใส่โต๊ะตรงหน้าผู้จัดการแผนกส่งออกอย่างไม่ไว้หน้า ใครหน้าไหนที่กล้าทรยศบริษัทไม่จำเป็นที่จะต้องได้รับการให้เกียรติ! ปรีชาหยิบเอกสารที่ถูกโยนใส่หน้ามาดู สีหน้ากระด้างกระเดื่องเมื่อครู่ บัดนี้ซีดเผือดไม่ต่างอะไรกับกระดาษเอสี่ตรงหน้า มือที่เกาะกุมแผ่นกระดาษสั่นจนควบคุมไม่อยู่ ก่อนจะเงยหน้ามองดวงหน้าคมเข้ม ตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากยมบาลพร้อมจะเอาชีวิตเขาได้ทุกเมื่อ “ผม…” ปากสีคล้ำเวลาขยับสั่นนิด ๆ “เอาไว้แก้ตัวในคุกเถอะ” สิ้นประโยคประหัตประหาร นายตำรวจที่ยืนรออยู่หน้าห้องประชุมเข้ามาควบคุมตัวคนทรยศ ขณะที่บรรดาผู้เข้าร่วมประชุมไม่มีใครกล้าพูดอะไรใคร ๆ ต่างก็กลัวโดนหางเลขไปด้วย “คุณปราณธร ผมผิดไปแล้ว อย่าเอาผมเข้าคุกเลย ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ นี่เป็นความผิดครั้งแรกของผม คุณให้โอกาสผมสักครั้งนะครับ” น้ำเสียงวิงวอนคร่ำครวญของอดีตผู้จัดการแผนกส่งออก ดังห่างออกไปเรื่อย ๆ ราวกับสายลมที่พัดผ่านมาแล้วก็ผ่านไปไม่เข้าไปอยู่ในหัวของคนที่กลับไปนั่งประจำตำแหน่ง “มีใครกล้าที่จะหักหลัง JLW อีกไหม?” ปราณธรปรับน้ำเสียงธรรมดา หากแววตาสะท้อนดั่งคมดาบพร้อมที่จะฟันคนได้ทุกครั้ง ทำเอาผู้เข้าร่วมประชุมนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ “ไม่ครับ/ไม่ค่ะ” มีเสียงตอบพร้อมเพรียงดังออกมาให้ได้ยิน ขณะที่ผู้ช่วยอย่างเดชายกยิ้มมุมปากนิด ๆ เขาดูก็รู้ว่าผู้เข้าร่วมประชุมแต่ละคนตอนนี้ตัวเล็กลีบเหลือเท่ามด ปกติปราณธรเป็นคนที่ใจดีและเป็นกันเองกับพนักงานทุกคน ไม่ถือตัว กฎของที่นี่รักและดีกับพนักงานดุจพี่น้อง แต่ถ้าใครคิดทรยศบริษัทจุดจบของพวกเขาคือคุกเท่านั้น ไม่มีการรอมชอม เมื่อวานหลังจากรู้ข่าวว่าสินค้าถูกตีกลับ ปราณธรบอกให้เขารีบขับรถไปดูสินค้าที่ท่าเรือทันที และพอทั้งสองถึงที่นั่นก็พบว่าสินค้ามีตำหนิจริง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร เพราะทุกครั้งในการจัดส่งสินค้าออกนอกประเทศ จะต้องมีการตรวจเช็กสต๊อกความเรียบร้อยก่อนส่งออกอย่างเคร่งครัดทุกครั้ง และคนเดียวที่มีหน้าที่ยื่นเอกสารเพื่อรับรองว่าสินค้าพร้อมส่งออกซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายให้ปราณธรเซ็นอนุมัติ คือปรีชา และพอแอบตรวจสอบเงินในบัญชีของหัวหน้าแผนกฝ่ายส่งออก มีเงินถูกโอนเข้าในบัญชีเมื่อสัปดาห์ก่อนเกินเจ็ดหลัก เดาไม่ยากว่าได้มาจากไหน ถ้าไม่ใช่เสี่ยวันชัย ผู้เป็นปรปักษ์กับปราณธรในด้านธุรกิจอัญมณี เดชาคิดไม่ถึงว่านายปรีชาจะกล้ามากถึงเพียงนี้ แม้ที่ผ่านมาจะรู้ว่าผู้ชายโลภมากคนนี้จะกินเล็กกินน้อยไปบ้าง แต่ปราณธรก็ปล่อยผ่าน เพราะคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความสามารถของเขา ทว่าครั้งนี้มันร้ายแรงเกินไปไม่สามารถปล่อยผ่านได้จริง ๆ ผู้ช่วยหนุ่มหลุดจากห้วงความคิด เมื่อเลขานุการข้าง ๆ สะกิดเขาเบา ๆ “คุณเดชาคะ นี่เป็นเอกสารอีกชุดที่ท่านประธานตั้งใจจะพูดในที่ประชุมค่ะ” เพ็ญนภาส่งเอกสารให้ผู้ช่วย เพราะหล่อนไม่กล้าเข้าหาปราณธร ตอนนี้ชายหนุ่มนิ่งขรึมซะจนไม่กล้าคุยด้วย ปราณธรกวาดสายตามองทุกคนอีกครั้ง เขาเชือดไก่ให้ลิงดูขนาดนี้แล้ว หวังว่าคงไม่มีใครกล้าทรยศ JLW เพราะเศษเงินแค่ไม่กี่บาทอีกนะ! หลังจากจัดการเรื่องของพนักงานคดโกงคนนั้นแล้ว ปราณธรกลับเข้าสู่หัวข้อประชุมใหม่อีกเรื่องที่จะจัดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ร่วมกับสถาบันอัญมณีแห่งชาติ นั่นก็คือโครงการ Jewelry Design Awards 2022 จัดขึ้นเพื่อค้นหานักออกแบบหน้าใหม่ ประชุมต่อไม่ถึงชั่วโมงชายหนุ่มจึงออกจากห้องประชุม เพื่อพาว่าที่คู่หมั้นไปทานข้าวกับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD