ตอนที่ 7 บริการนั่งกินข้าว 1

1188 Words
หลังมารดาถูกนำเข้าไปในห้องฉุกเฉิน พีรดาเอาแต่ยืนรออยู่หน้าห้องด้วยความกระวนกระวายใจ ปากเล็กเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง ดวงตาที่แดงก่ำเพราะเพิ่งร้องไห้มาอย่างหนัก ยังคงคลอไปด้วยหยาดน้ำตา เธอมองประตูห้องฉุกเฉินที่กั้นระหว่างเธอกับแม่ด้วยหัวใจไหวหวั่น ราวกับหวาดกลัวว่ามารดาจะจากไปไกล ‘คุณแม่ขาอย่าเป็นอะไรเลยนะ อย่าทิ้งกวางไปนะคะ’ พีรดาพร่ำเพ้อเสียงสั่น กระทั่งพอประตูห้องฉุกเฉินเลื่อนเปิดออกโดยอัตโนมัติ พร้อม ๆ กับร่างสูงใหญ่ของคุณหมอวัยกลางคนปรากฏตัว พีรดารีบเข้าไปหา หมายจะเอื้อนเอ่ยถามอาการของมารดา ทว่ายังไม่ทันได้ถามไถ่ ชายในชุดเขียวมองเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เราช่วยคุณแม่ของคุณได้สำเร็จ แต่ทางที่ดีหมออยากให้คุณพาคนไข้ไปรักษาต่อในโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือเพียบพร้อมมากกว่านี้จะดีกว่า เพราะดูจากอาการแล้ว คนไข้ควรได้รับการผ่าตัดหัวใจด่วน ก่อนที่จะเกิดโรคแทรกซ้อน หรือมีความเสี่ยงไปมากกว่านี้” จบประโยคของคุณหมอพีรดารีบพยักหน้า ต่อให้จะต้องเสียเงินมากกว่านี้หรือเข้าโรงพยาบาลเอกชนแพง ๆ เธอก็ยอม ขอให้มารดาปลอดภัยก็พอ “คุณหมอคะ ช่วยเป็นธุระให้กวางย้ายแม่ ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล… ตอนนี้เลยได้ไหมคะ” เธอเอ่ยอ้อนวอน เมื่อเห็นคุณหมอวัยกลางคนพยักหน้าตกลง พีรดาจึงยิ้มออก ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่ามารดาป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว แม่ต้องรักษาตัวและกินยาตามหมอสั่งมาโดยตลอด และทุกครั้งก็เป็นเธอที่พาท่านมาโรงพยาบาล ….. หลังจากที่ย้ายมารดาเข้ามารักษาต่อที่โรงพยาบาลเอกชน พีรดานั่งเฝ้ามารดาอยู่ในห้องพักพิเศษ ตั้งแต่เมื่อคืนจนกระทั่งตอนนี้จะสิบเอ็ดโมงแล้วท่านยังไม่ตื่นเลย เมื่อเช้าเธอได้ไปคุยรายละเอียดกับหมอเจ้าของไข้ คุณหมอบอกว่าต้องผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมให้เร็วที่สุด ถ้าไม่อย่างนั้นมารดาของเธออาจจะเสียชีวิตได้ เสียงประตูที่ถูกผลักจากด้านนอก ดึงให้คนที่นั่งจมอยู่กับความเครียดเหลียวมองผู้มาเยือน แต่แล้วเมื่อเห็นว่าเป็นใคร หญิงสาวรีบเข้าไปหา พร้อมสวมเข้ากอดร่างอวบในชุดนักศึกษาด้วยความดีใจ “จีจี้… ฮือ” พีรดาสะอื้นเบา ๆ “ไม่เป็นไรแล้วนะ คุณน้าถึงมือหมอแล้ว เราเชื่อว่าหมอจะรักษาคุณน้าให้หายเป็นปกติได้” จริยาเอ่ยปลอบเพื่อนสาวพยายามแสดงความเข้มแข็ง เวลานี้ถ้าเธอร้องไห้อีกคน ใครจะเป็นที่พึ่งให้พีรดา “เรากลัว เรากลัวไปหมด เรา…” พีรดาพูดสั่นพร่าตัวโยน ขณะที่คนที่โอบกอดเธอไว้ลูบแผ่นหลังของเธออย่างปลอบโยน “ไม่เป็นไรนะ น้านุชจะต้องปลอดภัย” จริยาพาเพื่อนไปนั่ง ทั้งสงสารและเห็นใจ “ขอบใจที่จีจี้มาหาเรานะ” พีรดาใช้หลังมือปาดน้ำตาออกเบา ๆ เธอมีเพียงจริยาคนเดียวเท่านั้นที่อยู่กับเธอทั้งในยามสุขและยามทุกข์ และมีเพียงเพื่อนคนนี้เท่านั้นที่ดีกับเธอมาก ๆ ส่วนพี่ชายไม่รู้ตอนนี้อยู่ไหน จนถึงป่านนี้ยังไม่ติดต่อมาเลย เมื่อเช้าโทรไปก็ติดต่อไม่ได้ “ไม่เป็นไร เราเป็นเพื่อนกันนี่” จริยากล่าวแล้วก็ยิ้มกว้าง ในขณะที่สองสาวนั่งปลอบประโลมปรับทุกข์ บนเตียงคนไข้ ปรียานุชที่นอนตลอดทั้งคืนเริ่มรู้สึกตัวแล้ว เปลือกตาค่อย ๆ เปิดรับแสงจากหลอดไฟบนเพดาน หล่อนอยู่ที่ไหน ครั้งสุดท้ายจำได้ว่าหล่อนกำลังเตรียมของจะทำน้ำเต้าหู้ แต่บุตรชายคนโตเข้ามาหาหล่อนในห้องครัว ถามหาเงินจากหล่อน แต่พอบอกว่าไม่มี พีรพลไม่เชื่อจึงจัดการค้นกระเป๋าเสื้อเมื่อเห็นว่ามีเงินจำนวนหนึ่งก็กระชากยื้อแย่ง แล้วสุดท้ายหล่อนก็สู้แรงของพีรพลไม่ได้ ด้วยความเสียดายเงิน หมายจะวิ่งตามบุตรชายไป แต่จู่ ๆ หล่อนรู้สึกแน่นหน้าอก และหายใจไม่ค่อยออก จากนั้นก็ทรุดฮวบลงกับพื้น… “กวาง กวางอยู่ไหนลูก” เสียงเรียกของมารดาทำให้พีรดาที่นั่งคุยกับจริยา รีบลุกจากโซฟาไปหาท่านด้วยความดีใจ “กวางอยู่นี่ค่ะแม่ แม่เป็นยังไงบ้างคะ?” เธอถามพร้อมทั้งโน้มกายสวมกอดผู้เป็นแม่ ดีใจจนน้ำตาที่เพิ่งเหือดแห้งไหลออกมาอีกครั้ง “แม่ไม่เป็นอะไรแล้ว” ปรียานุชบอกบุตรสาวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง พีรดารู้ว่าแม่คงกระหายน้ำ จึงปรับระดับหัวเตียงขึ้นสูง จากนั้นเทน้ำใส่แก้วแล้วป้อนมารดาอย่างเบามือ จริยาเองยิ้มไม่หุบเมื่อเห็นแม่เพื่อนสนิทฟื้นแล้ว พอเห็นเพื่อนป้อนน้ำเสร็จ เธอจึงไหว้ทักทายคนไข้บ้าง ปรียานุชพยักหน้ารับไหว้ ก่อนจะหันมาสนใจบุตรสาวอีกหน “แล้วนี่วันนี้ลูกไม่มีเรียนหรือ ทำไมยังมานั่งเฝ้าแม่?” ปรียานุชถามบุตรสาวพลางกวาดสายตา มองสำรวจห้องพักผู้ป่วยไปด้วย “แล้วนี่แม่อยู่ที่ไหน โรงพยาบาลอะไร?” หล่อนถามอย่างกังวล หัวคิ้วชนเข้าหากันมุ่น เมื่อคิดว่าโรงพยาบาลที่นอนอยู่น่าจะเป็นโรงพยาบาลเอกชนสักแห่ง เพราะดูจากสภาพห้องที่กว้างขวางและครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ค่าห้องคงแพงน่าดู “แม่อยู่โรงพยาบาลอรุณเวชค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายนะคะ” พีรดารู้ว่ามารดาคิดอะไร เธอไม่อยากให้แม่คิดมาก เพราะหมอสั่งไว้แล้วว่าอย่าให้คนไข้เครียดก่อนเข้าห้องผ่าตัด “แล้วลูกเอาเงินมาจากไหน ที่นี่คงแพงมาก” ปรียานุชรู้ว่าโรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ค่อนข้างแพง แล้วบุตรสาวไปเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าหยูกยาล่ะ “เรื่องเงินไม่มีปัญหาค่ะ กวางยืมเงินจากคุณลุงจุรินทร์แล้วค่ะ คุณลุงท่านใจดีมากนะคะ” พีรดาจำเป็นต้องโป้ปดผู้เป็นแม่ ก่อนหันไปส่งซิกให้เพื่อนสนิทช่วยอีกแรง จริยาที่เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร รีบพยักพเยิดยืนยันไม่ให้คนป่วยเครียด “ใช่ค่ะน้านุช คุณพ่อเป็นคนให้กวางยืมเงินเอง ไม่ต้องคิดมากนะคะรับรองไม่มีดอกเบี้ยด้วยค่ะ” เธอเออออผสมโรงอย่างงง ๆ ปรียานุชที่ได้ยินเพื่อนลูกสาวพูดเช่นนั้น จึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง กล่าวขอบคุณด้วยสีหน้าอิดโรย “ฝากขอบคุณพ่อของหนูจีจี้ด้วยนะ ไว้น้าออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ น้าจะรีบหามาใช้คืนนะจ้ะ” “ได้ค่ะน้านุช” จริยาระบายยิ้มอย่างรู้สึกผิดนิด ๆ แต่เพื่อความสบายใจของแม่เพื่อน หล่อนก็พร้อมจะโกหกตามที่เพื่อนต้องการ ส่วนเรื่องเงินตั้งใจจะไปคุยกับบิดาจริง ๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD