“เจ็บมากไหมคะคุณพีช” ป้าแม่บ้านเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับอุปกรณ์ทำแผล
นี่คงจะเป็นคำสั่งของไอ้คนขวางโลกนั่นสินะ ไม่งั้นป้าแกคงไม่รู้ว่าฉันจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พวกนี้
“ได้เรื่องอยู่ค่ะ” ฉันตอบป้าแม่บ้าน ใจจริงไม่อยากจะพูดด้วยซ้ำ ฉันไม่อยากพูดกับใครเลย ฉันอายและที่สำคัญใบหน้าของฉันน่าจะระบม
“มาค่ะป้าทำแผลให้” ป้าแม่บ้านนั่งลงข้างๆฉันแล้วจากนั้นป้าแกก็เริ่มทำแผลที่กำลังเห่อบวมตามใบหน้าและลำคอ ตามต้นแขนต้นขาที่ถูกคนห่าม ๆ นั่นบีบเคล้นจนเกิดรอยช้ำ
“คุณพีชก็อย่าดื้อกับคุณท่านนะคะ คุณท่านจะระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ถ้าหากว่าโดนยั่วยุกวนประสาท ปกติเวลามีผู้หญิงมาบ้านหรือมีปาร์ตี้กับกลุ่มน้องชายหรือเพื่อนสนิท ก็ไม่มีใครโดนแบบคุณพีชนะคะ นี่คุณพีชคงไปปั่นอารมณ์คุณท่านใช่ไหมคะ” ป้าแม่บ้านแกพูดเหมือนแอบฟังเลยอะ รู้ดีรู้ลึกรู้จริง
ฉันก็เงียบสิ ไม่อยากจะต่อคำพูด ไม่ใช่หยิ่งหรืออะไรนะ เพียงแค่เจ็บริมฝีปากที่โดนกัด
“อ้าว! ป้าอยู่นี่เอง จิวได้ยินเสียงคุย แล้วนี่?” ผู้หญิงท้องนูนป่องเดินเข้ามาในห้องนี้อย่างถือวิสาสะ เธอมองฉันด้วยสายตางุนงง
ซึ่งหัวสมองฉันคิดไปต่าง ๆ นานาแล้วล่ะ ที่ว่าไม่อยากผูกมัดคืออะไร
แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?
“คุณจิวมาแล้วเหรอคะ คุณท่านเพิ่งจะออกไปได้สักพักค่ะ ป้าทำแกงกะทิสายบัวไว้ให้คุณจิวด้วย แต่ป้าขอทำแผลให้คุณพีชสักครู่นะคะ” ป้าแม่บ้านแกมีท่าทีสนิทสนมกับผู้หญิงท้องคนนี้มาก
“จิวหิวมาก ๆ แล้วน่ะสิคะป้า เมื่อเช้าฮอลล์มันรีบเลยไม่ได้ทำกับข้าวแล้วก็จิวกะมาฝากท้องไว้กับป้าด้วย ป้าไปเตรียมให้จิวหน่อยนะคะ เดี๋ยวน้องคนนี้จิวดูแลแทนป้าเองค่ะ” ผู้หญิงท้องที่แทนตัวเองว่าจิว เธอหันมายิ้มหวานให้ฉัน ซึ่งฉันไม่คิดจะยิ้มตอบสักนิด ก็ฉันเจ็บปากจะยิ้มได้ไงแล้วเรื่องมิตรสัมพันธ์ฉันก็เลือกจะให้คน
“แต่คุณท่าน...” ป้าแม่บ้านแกมีท่าทีลังเลและดูกังวล
“กับคุณภพจิวเคลียร์ได้ค่ะ ไปเถอะค่ะป้า จิวเริ่มหิวแล้ว” เธอช่างออดอ้อนเก่งจัง
“เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ คุณพีชให้คุณจิวน้องสะใภ้ของคุณท่านทำแผลให้นะคะ เดี๋ยวป้าไปเตรียมอุ่นอาหารให้คุณจิวและคุณพีชก่อน” ป้าแม่บ้านหันมาบอกฉันก่อนที่แกจะเดินออกจากห้องไป
ในห้องก็เลยเหลือฉันกับผู้หญิงที่ชื่อ ‘จิว’
ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนี้ชื่อคุ้นๆนะ น้องสะใภ้?
อ้อ! งั้นน้องชายคงจะเป็นไอ้คนที่มันเคยบุกเข้ามาประชิดตัวฉันครั้งนั้นแน่เลย
ซึ่งเขาคนนั้นโดนฉันแผลงฤทธิ์ไปหลายอย่างเลยค่ะ
“เอ่อ...ฉันน่าจะอายุมากกว่าเนอะ ดูจากเบ้าหน้าแล้ว” เธอกรีดยิ้มให้ฉัน ซึ่งฉันมองนิ่ง ๆ
“ฉันจิวนะ เธอชื่ออะไร” เธอเดินมานั่งข้างฉัน
“พีชค่ะ” ฉันพยายามเปล่งเสียงออกมา
“พีชคงยังพูดไม่ถนัดเดี๋ยวพี่ทำแผลให้เนอะ” เธอยิ้มหวานแล้วเริ่มลงมือทำแผลให้ฉัน
“พีชคงเป็นคนที่ผัวพี่มันเล่าให้ฟัง ปกติเท่าที่พี่รู้มาเสี่ยภพเขาก็ไม่รุนแรงทางเพศขนาดนี้นะ เฮ้อ...พีชต้องเข้มแข็งรู้ไหมเพราะพี่น้องบ้านนี้บ้าๆกันทั้งนั้น” เธอว่าจบก็ยิ้มอีกตามเคย ไอ้ที่ว่าบ้าๆนี่คงจะบ้าจริง ๆ ทั้งบ้าทั้งเถื่อน
“ดูสิหน้าสวย ๆ เป็นรอยมือหมด ไม่ต้องอายพี่นะ พี่ก็เคยผ่านมา ผัวพี่มันไม่ค่อยปกติมันชอบทำอะไรบ้าๆ แต่เสี่ยภพเท่าที่พี่รู้จัก เขาก็เป็นผู้ชายอ่อนโยนนะ เขาเคยบอกพี่ว่าเขาไม่มีทางข่มขืนผู้หญิงแบบที่ผัวพี่มันทำกับพี่” ระหว่างที่เธอบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง เธอก็ทำแผลและประคบเย็นให้ฉันไปด้วย
ฉันว่าผู้หญิงคนนี้ตรงดีนะ ตรงจนเกินไปด้วยซ้ำ เพราะคงไม่มีผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนมานั่งบอกว่าตัวเองถูกข่มขืน...
“ลงไปกินข้าวกัน พีชเดินไหวไหม” พี่จิวเธอเอ่ยถามหลังจากที่ทำแผลให้ฉันจนเสร็จ ซึ่งก็ใช้เวลานานพอสมควร
แล้วคือสภาพฉันเหมือนโดนรุมโทรม
“เขาไม่ให้พีชออกไปไหนค่ะ” ฉันยิ้มให้ผู้หญิงตรงหน้าเล็กน้อย ฉันเริ่มคุ้นชินกับเธอเพียงเวลาไม่นาน คงเพราะเธอพูดตรง ๆ บอกเล่าเรื่องราวของเธอให้ฉันฟัง และฉันรู้สึกว่าน่าจะเชื่อใจเธอได้
“แบบนี้ก็เหงาแย่สิ ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่รับผิดชอบเอง ปะ” น้องสะใภ้ของเสี่ยขวางโลกยื่นมือบางมาตรงหน้าฉัน
“คือ...” ฉันอ้ำอึ้ง ก็ฉันไม่อยากขัดใจไอ้เสี่ยนั่นนี่นา ฉันกลัวเขาโมโหแล้วไปพาลใส่ฟิล์ม
“เสี่ยภพจะไม่โกรธ เชื่อใจพี่สิ พี่มีข้ออ้าง เขาไม่กล้าหือกับคนท้องหรอก” เธอยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะ
“ถือว่าไปกินข้าวเป็นเพื่อนคนท้องนะ” เธอยังคงคะยั้นคะยอต่อ
“ก็ได้ค่ะ” เนื่องจากไม่อยากให้คนท้องรอนาน ฉันก็เลยจำยอม ทั้ง ๆ ที่ในใจแอบกลัว
“เอ่อ...พีชเดินไหวใช่ไหม?” นั่นสิ ฉันเดินไหวไหมนะ
“น่าจะพอเดินได้ค่ะ” ฉันค่อย ๆพยุงตัวลุกขึ้นยืน ซึ่งก็สามารถยืนได้ ส่วนการเดินเหินก็จะติดขัดนิด ๆ แต่คงไม่เป็นปัญหา
เพราะน้องสะใภ้ของไอ้เสี่ยขวางโลกเดินเร็วไม่ค่อยได้
“คุณพีช! ลงมาทำไมคะเดี๋ยวคุณท่านจะลงโทษนะคะ” ป้าแม่บ้านแกรีบตาลีตาเหลือกเข้ามาหาฉัน
“จิวชวนน้องมาเองค่ะ ให้ทานบนห้องก็อุดอู้เหงาหงอยกันพอดีสิคะ เดี๋ยวจิวรับผิดชอบเอง” พี่จิวเธอออกหน้ารับและฉีกยิ้มกว้าง ป้าแม่บ้านก็เลยได้แต่ทำหน้าละห้อยและมองมาทางฉัน สายตาบ่งบอกว่าสงสารจับใจ
ฉันอยากจะบอกป้าเหลือเกินว่าฉันก็สงสารและสมเพชตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะเขาขู่เอาคนอื่นมาเกี่ยวข้อง
ฉันจะตายให้มันรู้แล้วรู้รอด!
“มาทานข้าวกันพีช ลูกของพี่หิวแล้ว” น้องสะใภ้ของเสี่ยขวางโลกเดินจับมือฉันแล้วพามานั่งที่โต๊ะ
“เดี๋ยวของคุณพีชรับเป็นข้าวต้มดีกว่านะคะ เพราะ2วันที่ผ่านมาคุณพีชไม่ยอมทานอาหารหนักเลย” ป้าแม่บ้านบอกด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“รู้ไหมว่าพี่ก็เคยคิดจะตาย แต่พี่มีคนที่รักที่ต้องดูแล พี่เคยตกอยู่ในห้วงอารมณ์แบบพีช ผัวพี่มันเลวมาก มันสามารถทำให้บริษัทของพ่อพี่ล้มละลาย แล้วยื่นมือมาช่วยเหมือนเป็นพ่อพระ ก็อย่างที่พี่เล่านั่นแหละ แต่พีชรู้ไหมว่าผู้ชายอย่างเสี่ยภพเขาไม่เคยรักใครเลยนะ พีชทำไมไม่ลองทำให้เขารักล่ะ ถ้าเขารักพีชเขาจะยอมพีช... ในเมื่อหนีไม่ได้ ตายไม่ได้ ก็หาวิธีสู้สิ สู้แบบที่คิดว่าเราจะเจ็บตัวน้อยที่สุด พี่คอยเชียร์นะ” เธอช่างเป็นคุณแม่ที่ฉีกยิ้มบ่อยซะเหลือเกิน
“พีชทำไม่เป็นหรอกค่ะ ยิ่งกับคนแบบนั้นพีชยิ่งรังเกียจ” ฉันบอกไปตามตรง
“พีชต้องลองนะ ไม่งั้นก็จะต้องเจ็บตัวแบบนี้เวลาที่เราขัดใจเขา” เธอยังคงแนะนำและพยายามโน้มน้าวใจ
แต่ปัญหาคือฉันไม่ได้รู้สึกชอบผู้ชาย จะให้ฉันทำแบบไหน
แล้วที่สำคัญฉันไม่คิดจะชอบคนใจทรามแบบนั้นเลย
“มาแล้วค่า ข้าวต้มของคุณพีช” ป้าแม่บ้านเอ่ยพร้อมกับวางถ้วยข้าวลงตรงหน้า
“งั้นทานกันเลยเนอะ” น้องสะใภ้ของเสี่ยภพเอ่ยพร้อมดวงตาแพรวพราวเวลามองอาหาร
“กินข้าวไม่รอผัวได้ไงครับคุณแม่” เสียงของใครบางคนดังขึ้น ฉันจึงหันหลังไปมอง
“อ้าว! ยัยรั้น” ใช่จริง ๆ ผัวของพี่จิวคือคนนี้จริง ๆ ด้วย
“ใครใช้ให้ลงมา!” เสียงของใครบางคนแทรกกลางเข้ามาในความงุนงง
และที่สำคัญเสียงเหี้ยม ๆ ของเขามันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงเพราะความกลัว!