แม่ชีที่น่าเบื่อดันเข้ามาขัดจังหวะซะได้ ไม่ให้ผมเสียอารมณ์จะให้เรียกว่าอะไร หายนะ...ใช่ไหมที่แม่ส่งแม่ชีมาคุมคนอย่างผม
Dead meat ตายแน่นางวี มาตอนไหนไม่มา มาตอนเขากำลังกินกัน ผู้หญิงคนนี้มาตอนไหน ตอนเธออยู่ในแน่ๆ สงสัยหายตัวมา
“เลขาผมเอง”
I didn’t mean it ฉันไม่ได้ตั้งใจ วีคงได้แต่บ่นอยู่ในใจ ในเมื่อเธอเข้ามาขัดจังหวะคนสองคนที่ไม่รู้จักที่อยู่ที่กิน ให้ถูกต้อง คนพวกนี้หน้ามืดจนหายางอายไม่เจอ บอสของเธอก็เกินไป ที่ทำงานยังกล้าทำแบบนี้ หรือเคยทำบ่อยๆ
“รู้ไหมมารยาท” ผมตวาดลั่น
“บอสน่าจะรู้นะว่านี่ที่ทำงานไม่ใช่โรงแรม กล้าทำแบบนี้ได้ยังไง ยังเห็นที่ทำงานศักดิ์สิทธิ์อยู่ไหม นึกอยากจะกินก็กิน หิวมากหรือไง เสียทีการศึกษาดี งานการ หน้าตา จัดได้ว่าดีทุกอย่าง ขาดอย่างเดียวจิตสำนึก ขาดความยับยั้งชั่งใจ” Bad อยากด่าคำนี้ออกไปยั้งปากไว้ทัน
“Are you kidding me ?” ล้อเล่นกับฉันใช่ไหม ผมหัวเสียมาก เป็นแค่เลขาที่ผมไม่อยากได้สักนิด กลับอ้าปากต่อผมปาวๆ ไล่ออกซะดีไหม
“เขาฟังออกหรือคะ” มาเรียหยามเลขา เชื่อว่าภาษาคงไม่กระดิก ถ้ามีการศึกษา ย่อมไม่เสียมารยาทพรวดเข้ามาแบบนี้ อย่างน้อยต้องเคาะประตู สงสัยหลักสูตรเลขาไม่ได้สอนมารยาทเป็นวิชาเสริม หรือวิชาเลือกเสรี
อีหอกแกหายใจเป็นภาษาต่างดาว ฉันยังฟังออก แค่ประชดภาษาอังกฤษง่าย ทำไมฉันจะฟังไม่ออก หากว่าวีจำเป็นต้องสะกดความรู้สึก แสร้งโง่ ไร้เดียงสาเพื่อให้คนตรงหน้าจับผิดลิปซิ่งไม่ได้
“วะ...ว่าไงนะคะ” วีเอ่ยคำถามออกไป แสดงสีหน้าไม่เข้าใจประโยคประชดที่บอสต่อว่า
“นั่นไงคะ คนโง่แบบนี้คงฟังไม่ออกแปลไม่ได้ เบบี๋รับมาเป็นเลขาได้ยังไงคะ”
“เด็กของแม่ผมเอง ผมไม่ได้รับมา”
“มิน่า มาเรียว่าแล้วเชียว” รสนิยมมาดามสิริต่ำใช้ได้ รับคนมาทำงาน อย่างกับแม่ชีออกมาจากวัด ดูแต่งตัวเข้า กลัวใครจะเห็นเนื้อหนังหรืออย่างไร ใส่ซะมิด เอ๊ะ...”ว๊าย ทำไมกระโปรงเธอ...” สั้นแต่กลับมีเส้นด้ายหลุดลุ่ย หรือว่าแฟชั่น หล่อนเป็นนางแบบ ไม่ว่าปารีส มิลาน ลอนดอน โตเกียวก็ไม่เคยเห็นแฟชั่นกระโปรงสะเปะสะปะแบบนี้ หรือว่าหล่อนตกเทรนด์ “What that ?” นี่มันอะไร
“มาทางไหนไปทางนั้นเลยนะแม่ชี” มาเรียจัดการกับเสื้อผ้าตัวเองเรียบร้อยก้าวอย่างมาดนางแบบมาตรงหน้า คุณเลขา “ฉันกับคุณยักษ์ My darling กำลังจะรักกัน เธอเป็นแค่เลขา ไสหัวไปซะ”
“ค่ะ” เลขาสาวเหมือนจะว่าง่าย แต่...เธอหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อสูท
“มาดามสิริคะ” หญิงสาวจิ้มเบอร์หนึ่งโทร.ออก พูดกรอกใส่โทรศัพท์
ทันทีที่ผมได้ยินเสียงเรียกมาดามสิริ เชื่อเถอะผมไม่อยู่นิ่ง “What for ?” เพื่ออะไรเนี่ย ผมโวยลั่น พุ่งตัวเข้าไปแย่งโทรศัพท์ของเลขา ดูหน้าจอโทรศัพท์ ปรากฏว่าเบอร์ยังไม่ถูกโทร.ออกไป ผมหลงกลแม่ชี สมภารอย่างผมเสียฟอร์มหนัก
“ถ้าบอสขืนทำตัวแบบนี้อีกที วีจะโทร.ฟ้องมาดาม”
“เอ่อ...เอาล่ะ” ผมกลัวตัวเองชวดมรดกมาดามสิริด จำเป็นต้องอ่อนข้อให้เลขา ซึ่งถือตัวละครใหญ่กว่าระดับบิ๊กบอส ขืนผมมุ่งมั่นในการตีป้อมอาจจะพ่ายแพ้โดนตีกลับ คราวนี้คงเสียทั้งป้อม มังกรก็โดนฆ่า ผมไม่ยอมแลกกับมาเรียเด็ดขาด ผู้หญิงอย่างมาเรียไม่ควรเอามาแลกกับเงินหลายหมื่นล้าน รวมไปถึงตำแหน่งสำคัญในแอนเดอร์สัน โอเค ผมยอม ‘จบนะ’
“มาเรียกลับไปก่อนนะ”
“ไม่นะคะเบบี๋”
ผมไม่เบบี๋ผู้หญิงทุกคนรู้ มาเรียไม่ควรเรียกผมต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ มันน่าอาย ผมเป็นถึงบอสต้องยอมรับสรรพนามอ่อนหัดแบบนั้นได้อย่างไร
ผมเห็นแม่ชีแอบขำ ระวังตัวให้ดี มีโอกาสผมจะจัดการเขี่ยแม่ชี กระเด็นออกจากบริษัท ฉิบหายหอยก็อดกิน อารมณ์ก็ค้าง ตอนนี้ต่อให้อยากแค่ไหนท่อนเนื้อของผมฝ่อลงจนเหลือขนาดปกติ นางแม่ชีเธอต้องรับผิดชอบความคลั่งที่อยู่ในถุงอัณฑะของผม
มาเรียกระแซะเบียดตัวเข้าหาผม ตอนนี้ผมไม่มีเวลาต่อรองกับใคร เวลางานของผมกำลังใกล้เข้ามา สำหรับมาเรีย เป็นแค่อาหารจานด่วนที่ผมรีบกินรีบอิ่ม ตอนนี้เลยเวลากิน จำเป็นต้องเลือกงานมากกว่าตัณหาที่พุ่งอยู่ในถุงอัณฑะ
“Don’t be nosy” อย่าเรื่องมากน่า
ทันที่มาเรียได้ยินคำจากปากคุณยักษ์ หล่อนหดมือทันใด ประโยคนี้แรงมากสำหรับหล่อน นั่นหมายถึงคุณยักษ์เริ่มแสดงความรำคาญ ต่อให้หล่อนอ้อนแค่ไหน คงไม่สำเร็จสู้เผ่นหนีไปตั้งหลักก่อนท่าจะดี
“Ok It’s time to go now” โอเคฉันว่าได้เวลาต้องไปซะที ขืนอยู่หล่อนอดเป็นที่หนึ่งของคุณยักษ์ สมัยนี้นางแบบรุ่นน้อง จากเวทีนั่นนี่เข้ามาเยอะ หล่อนหวังจับนักธุรกิจรวยๆ ทำผัว ในความไม่พอใจก็ต้องทำตัวดีด้วย ได้แต่งเป็นเมียเมื่อไหร่ค่อยแสดงอำนาจความเป็นเจ้าของ ตอนนี้แค่เป็นกิ๊กชั่วคราวยังไม่เลื่อนขั้นผยองไม่ไหว
มาเรียคว้ากระเป๋าใบแพงของหล่อนคล้องแขน ก้าวเดินเฉียดแม่ชีที่ยืนนิ่ง เหมือนไม่รู้จักสำนึก ออกไปจากห้อง มาเรียหน้างอแต่หล่อนก็ก้าวชิดคุณยักษ์ ยื่นปากแดงๆ ของหล่อนจูบแก้มเขา จึงค่อยก้าวผ่านเลขา อ้อ...แม่ชีจากไปด้วยแววตาเครียดแค้น “ฝากไว้ก่อนเถอะ I miss you forever baby” ก่อนไปยังฝากเสียงอ้อนคิดถึงบอสหนุ่ม พร้อมกับชม้ายตาหยาดเยิ้มเรียกคะแนน
“บอกกี่ครั้งอย่าเรียกผมเบบี๋ต่อหน้าคนอื่น” มันทำให้ผมรู้สึกตัวขนาดเท่าเด็ก “ห้ามหัวเราะ ถ้าหัวเราะแม้แต่นิดเดียวเธอได้เจอดีแน่ ยืนเซ่ออยู่ทำไม เตรียมตัวทำงานสิ” ผมตวาดเลขาแก้อาการอายจากการโดนเรียกเด็กน้อย
“โอเคบอย” Okey boy พร้อมกับอมยิ้ม เลขาสาวหน้าจืดแสบไม่ใช่เล่น
“นี่ยัยบ้า” ผมโมโหจัด บ้ามาเรียกผมไม่ให้เกียรติได้อย่างไร ยัยแม่ชี
“ไม่ต้องกลับมาเอานะ ฉันไม่มีที่เก็บ ไม่รับฝาก” วีทำเป็นหยิบของในมือว่างเปล่า หยิบแค่อากาศให้สองคนในห้องนี้เห็น จากนั้นโยนออกไปนอกประตู
“แกทำอะไร” มาเรียงงเป็นไก่ตาแตก
“โยนที่คุณฝากเมื่อกี้ทิ้งไงคะ” เห็นเขาเล่นกันเอาบ้างสิ ได้ยั่วคนปากดีสนุกดีนะ
“อ๊ายยยย อีเลขาบ้า” มาเรียกระทืบเท้าก้าวออกไปจากห้องทำงานของบอส เลขาสาวสุดเชยหันขวับตามไป กลั้นขำจนปวดกราม
ยืนขำอยู่นั่นแหละ “สิบโมงเธอต้องไปกองถ่ายกับฉัน”
“กองถ่าย ?”
“วันนี้มีถ่ายโฆษณาชุดชั้นใน คอลเลคชั่นใหม่ ฉันต้องไปดูความเรียบร้อย”
“ไปดูความเรียบร้อยหรือไม่ดูแคมนางแบบคะ”
That’s so true แม่งโคตรจริง ต่อให้จริงแล้วไง No สน No แคร์ ไม่รับซะอย่าง ผมตีหน้าขรึมกับมุกล้มควายของเลขาตัวแสบ หึๆ ตกลงเป็นแม่ชีจริงเปล่าวะเนี่ย แม่งดันรู้ทัน
ผมมาถึงสตูดิโอถ่ายโฆษณา ทีมงานกำลังเตรียมงาน เซ็ตฉาก เซ็ตไฟ
“คุณแมวเรียบร้อยใช่มั้ย” ผมถามคนคุมทีมงาน