เมื่อลูกชายนิ่งมนต์มีนาจึงวางร่างน้อยกลับลงที่เดิม ปลอบจนแกนิ่งสนิทจริง ๆ จึงลุกไปซักผ้าต่อจนเสร็จ แต่ก็คอยส่องหน้าเข้ามาดูบ่อย ๆ เมื่อทำงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลาเดียวกับที่น้องมันเดย์ตื่นขึ้นมา คนเป็นแม่อย่างเธอก็ไม่ได้พักต้องมาดูแลลูกชาย อุ้มพาออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้านสูดอากาศ โดยที่เธอก็ไม่ลืมชวนหลานสาวออกไปด้วย
“น้ามี่ หนูอยากอุ้มน้องบ้าง”
เปียร้องขึ้นมาพร้อมจ้องหน้าหญิงสาว คล้ายว่าจะรอดูว่าเธอจะให้อุ้มหรือไม่ให้แกอุ้ม มนต์มีนาพยักหน้ายิ้มให้ ทั้งที่ใจก็หวั่น ๆ แต่ไม่อยากทำให้หลานสาวรู้สึกว่าเธอให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าจึงยอม
“ได้สิ เปียมานั่งตรงนี้ เดี๋ยวน้าให้อุ้มน้อง”
เด็กหญิงกระโดดขึ้นมานั่งบนชิงช้าตัวเดียวกัน มนต์มีนาจึงค่อย ๆ ส่งร่างอวบอ้วนขาวจั๊วะของลูกไปนั่งบนตักหลานสาว แต่มือก็ยังคอยจับลูกไว้ไม่ปล่อย
“เปียเอาแขนกอดน้องไว้แบบนี้”
น้องมันเดย์วัยสี่เดือนดิ้นดุ๊กดิ๊ก เท้าเล็กถีบเตะไปทั่วตามประสาเด็กไม่รู้ความ เปียยิ่งกอดร่างน้องแน่นเข้าไปใหญ่ จนเด็กหญิงสู้แรงน้องไม่ไหวจึงผลักน้องออก ดีที่มนต์มีนาจับลูกไว้ทัน
“อุ๊ย เปีย ไม่ผลักน้องสิลูก”
“ไม่ได้ผลัก น้องมันถีบหนูก่อน”
หลานสาวขึ้นเสียง หน้าตาบูดบึ้งอย่างไม่ยอมคน มนต์มีนามองแล้วพลางเหนื่อยใจเธอพูดกับเปียหลายครั้งแล้วและพยายามเข้าใจความเป็นเด็กของเปีย ในตอนนั้นปิยะนุชก็กลับมาถึงพอดี เปียได้ทีจึงร้องไห้วิ่งไปหาผู้เป็นแม่
“อ้าว เป็นอะไรลูกร้องไห้ทำไมฮึ”
ปิยะนุชก้มตัวลงมาถามลูกสาว อีกฝั่งหนึ่งของรถที่เพิ่งเข้ามาจอดมนต์มีนาเห็นว่ามีผู้ชายร่างสูง หน้าตาดีคนหนึ่งเปิดประตูลงมาด้วย ซึ่งก็คือพ่อของเปียที่ปิยะนุชพาเข้ามาอยู่บ้านด้วยกันได้สองวันแล้ว
“ฮือ ๆ น้ามี่ว่าหนูผลักน้องค่ะแม่ หนูไม่ได้ผลัก”
เด็กหญิงฟ้องผู้เป็นแม่ นั่นทำให้ปิยะนุชตวัดสายตามองมนต์มีนาที่ยืนอุ้มลูกชายอยู่อย่างเอาเรื่อง ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหา
“อะไรกันอีกมี่ มาว่าเปียทำไม”
“มี่ไม่ได้ว่า มี่แค่จะสอนหลาน”
“ไม่ต้อง ลูกฉันต่อจากนี้ฉันสอนเองได้ ไปลูกเข้าบ้านไปกินของอร่อย ๆ กัน”
ต่อว่าหญิงสาวจบ ปิยะนุชก็หันไปชักชวนลูกสาวกับสามีซึ่งกำลังมีปัญหากับภรรยาหลวงอยู่เข้าไปในบ้าน โดยพี่สาวที่พาลูกเข้าไปในบ้านก่อนไม่ได้หันมาสังเกตสายตากะลิ้มกะเหลี่ยที่ผัวตัวเองกำลังมองมาที่มนต์มีนาเลย
มนต์มีนาไม่อยากเข้าไปยุ่งกับครอบครัวของปิยะนุช ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนปิยะนุชที่พยายามแย่งพ่อของลูกออกมาจากครอบครัวใหญ่มานานจะประสบความสำเร็จเลยพาสามีมาอยู่ที่บ้านกำลังมีความสุข หญิงสาวจึงไม่อยากพาลูกเข้าไปขัดจังหวะ เธออุ้มลูกชายเดินเล่นอยู่ริมรั้ว ชี้ให้ดูนั่นดูนี่ไปพลาง แต่จู่ ๆ อันนพสามีของปิยะนุชก็โผล่มาทางด้านหลัง จนเธอถอยหลังเกือบชน แต่อันนพก็ยกมือขึ้นมากุมไหล่มนทั้งสองข้างช่วยประคองเธอไว้
“อุ๊ย!” หญิงสาวอุทานด้วยความตกใจ เมื่อถอยไปชนกับบางอย่าง
“เป็นอะไรรึเปล่ามี่”
อันนพทำเสียงขรึม แต่แววตากรุ้มกริ่มเหลือทนจนมนต์มีนาไม่อยากเข้าใกล้
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“เข้าไปกินขนมด้วยกันสิ ขนมอร่อยนะ พี่ซื้อมาเผื่อมี่กับลูกด้วย”
อันนพคงจะพอรู้เรื่องของเธอมาบ้างจากปิยะนุช คาดว่าเรื่องของเธอที่ออกจากปากปิยะนุชคงไม่ดีเท่าไหร่แน่
“ไม่เป็นไรค่ะ มี่ไม่หิว และลูกมี่ก็ยังกินอะไรไม่ได้นอกจากนม”
หญิงสาวตัดบท ทำท่าจะเดินหนี เพราะไม่อยากให้ปิยะนุชมาเห็นแล้วเกิดเรื่องขึ้น แต่อันนพก็ยังก้าวตามเธอมา ถามในเรื่องที่ไม่ควรถาม
“มี่ยังให้นมลูกอยู่อีกเหรอ”
พลางทำสายตาน่าสะอิดสะเอียนซ้ำยังชำเลืองมองที่หน้าอกที่ใหญ่กว่าสภาวะปกติของเธอ
“ใช่ ยังให้อยู่”
ตอบเสียงแข็ง ทั้งที่หญิงสาวก็ทำสีหน้าไม่พอใจใส่แล้วแต่อันนพก็ยังไม่เลิกตอแย
“จะให้นมลูกถึงเมื่อไหร่เหรอ”
“นั่นมันเรื่องของฉัน ฉันว่าคุณอย่ามายุ่งกับฉันให้มากเลย สนใจดูพี่ปลากับเปียเถอะ”
มนต์มีนาพูดอย่างหมดความอดทน ไม่เกรงใจ จังหวะนั้นก็มีเสียงของหลานสาวตะโกนขึ้น
“แม่ พ่อออกไปคุยกับน้ามี่อยู่ข้างนอกโน่น”
นั่นประไร
เมื่ออันนพได้ยินเสียงตะโกนของลูกสาวดวงตาก็แทบถลน หันกลับมามองหน้าหญิงสาวแบบแปลก ๆ แต่มนต์มีนาก็ไม่อยากจะเสียเวลาด้วยเธอจึงอุ้มลูกเข้าไปในบ้าน และพอเข้ามาถึงบริเวณที่เก็บของสำหรับลูกของเธอ ทุกอย่างก็กระจัดกระจายไปหมดเหมือนมีคนตั้งใจรื้อค้น ทำให้มันเสียหาย
^
^
^
***มันจะอึดอัดแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ค่ะ มี่อยู่บ้านเพราะคิดว่าเป็นบ้านของตัวเอง และไม่ได้ทนพี่สาวทุกอย่าง ที่ผ่านมาพี่สาวบอกให้แต่งหน้าไลฟ์มี่ก็ไม่แต่ง ไม่ได้ยอมทำตามที่บอก เงินจาการขายของเอามาใช้จ่ายในบ้านก็ส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่เงินเก็บค่ะ ส่วนเรื่องหลานสาวก็ทำเท่าที่ทำได้เพราะเห็นว่ายังเด็กมาก ส่วนพฤติกรรมของเปียที่เปลี่ยนไปส่วนหนึ่งก็มาจากเด็กที่ขาดความอบอุ่น เวลาที่อยู่กับแม่กับตอนที่อยู่กับน้าจะได้รับการปฏิบัติไม่เหมือนกัน แม่สอนอะไรผิด ๆ มา