‘ผ่านลมหนาวจะกี่คราวก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีใครให้ใจอุ่น อยากจะหาคนที่ทำให้ทำให้ใจสมดุล แต่ไม่เคยสมหวังสักที ใกล้หน้าหนาวทุกครั้งไม่มีคนคอยคิดถึง อยากมีใครให้รักให้ซึ้งเหมือนคนอื่นเขา’
(เพลง ลมหนาว ศิลปิน Tea For Tree )
เสียงเพลงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของชยธรดังขึ้นระหว่างที่ทั้งสองกำลังคุยกันเรื่องเด็กชายฝาแฝดทั้งสอง เจ้าของโทรศัพท์เหลือบมองแวบหนึ่งแล้วก็เห็นว่าเป็นเบอร์ของลูกน้องที่รีสอร์ทจึงให้มธุรสลดาเปิดลำโพงให้เขาคุยเสียเลยเพราะว่าเขาลืมติดหูฟังแบบบลูทูธมาด้วย หากจะโทรเองก็กลัวว่าจะโดนตำรวจเรียกให้เสียเวลาอีก
“ว่าไงสมชาย”
“พี่ชิน ห้องเต็มครับแต่ว่าแขกจองไว้แล้วไม่มีที่อยู่ ทำไงดีฮะพี่” เสียงลูกน้องเอ่ยถาม ปกติแล้วถ้าไม่มีปัญหาเกี่ยวกับรีสอร์ทพวกเขาก็จะไม่โทรมารบกวนเวลาทำงานของชยธรเท่าไหร่เพราะพ่อแม่ของเขาจะจัดการเองได้ แต่วันนี้ทั้งพ่อและแม่เขาคงหายตัวไปเที่ยวบ้านเพื่อนไม่อยู่ที่รีสอร์ทแน่ๆ เรื่องจุกจิกเหล่านี้จึงมาถึงมือเขาได้
“อ้าว แล้วแขกจองก็ไม่ได้บุ๊คห้องให้เขาเหรอ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ได้ล่ะ”
“คืออย่างนี้ครับพี่ ตอนแรกที่แขกโทรมาจองเราก็นัดให้เขามาก่อนเที่ยงครับแล้วห้องมันก็เหลือสองห้อง จนสิบเอ็ดโมงสี่สิบห้าเขาก็ไม่มาที่รีสอร์ท พอดีมีแขกกลุ่มใหม่เข้ามาสายแก้วเลยให้เข้าพักห้องที่จองไว้เลยเพราะคิดว่าแขกที่จองไว้คงไม่มา พอจัดแจงห้องให้แขกกลุ่มใหม่เสร็จเท่านั้นล่ะครับพี่ แขกที่จองห้องไว้ก็มาที่รีสอร์ท เขาบอกว่าที่มาช้าเพราะว่าเครื่องบินดีเลย์ตั้งแต่อยู่กรุงเทพฯ แล้ว แม้ว่าเพื่อนเขาอีกสองคนจะตัดสินใจไปเที่ยวที่อื่นแต่เขาสองคนก็มาที่นี่เหมือนเดิม ห้องที่จองก็ต้องการห้องเดียวแต่ว่าทางเราไม่มีห้องให้เขาเลยครับ”
สมชายรายงาน สายแก้วคือเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของรีสอร์ทที่คอยจัดแจงเกี่ยวกับการจองห้องของลูกค้า ชยธรที่มีหน้าที่เป็นผู้จัดการรีสอร์ทเพิ่งรับเธอเข้าทำงาน เธอจึงยังไม่ค่อยเข้าใจระบบของการทำงานสักเท่าไหร่จึงเกิดปัญหาขึ้นบ่อยครั้ง แต่มันก็ยังพอแก้ไขได้ไม่มากมายอะไรนัก แต่ครั้งนี้มันก็เรื่องใหญ่เอาการเพราะถ้าลูกค้าโวยวายขึ้นมาชื่อเสียงรีสอร์ทของเขาอาจจะเสียหายจากการบอกเล่าปากต่อปากของลูกค้า แทนที่จะเป็นการเล่าต่อว่าที่นี่บริการลูกค้าดี
“แล้วก่อนที่จะให้ลูกค้าคนที่ไม่ได้จองเข้าพักทำไมไม่โทรถามลูกค้าที่จองไว้ก่อนว่าจะเข้ามารึเปล่า” เขาบ่น
“สายแก้วมันคงลืมน่ะครับพี่ชิน”
“ขี้ลืมอย่างนี้น่าไล่ออกมั้ยเอ็งว่า”
“เด็กมันเพิ่งมาใหม่ครับพี่อย่าเอาเรื่องมันเลย เดี๋ยวอยู่ไปก็คล่องแหล่ะครับ” สมชายซึ่งเป็นผู้ช่วยของเขาในการจัดการรีสอร์ทออกรับแทนลูกน้องใหม่ที่เจ้าตัวรับเข้าทำงานเพราะว่าแอบชอบสาวเจ้าอยู่ คนแกล้งบ่นจึงแอบยิ้มอย่างรู้ทัน
“ถ้าอย่างนั้นพี่จะหักเงินเดือนเอ็งแทนมันดีมั้ย ออกรับแทนเขาดีนัก”
“แหม พี่ชินก็ผมรู้ว่าพี่ชินน่ะใจดีรักลูกน้องเรื่องอย่างนี้พี่ชินคงปราณีเราล่ะครับ แต่ถ้าจะหัก หักของผมก็ได้ ซักสองร้อยพอ” สมชายยังมีอารมณ์กวนเจ้านาย
“แหมรักกันดีจริงๆ นะพวกเอ็งนี่ แล้วตอนนี้แขกที่มาใหม่อยู่ไหน”
“อยู่ที่ศาลารับรองครับ ตอนนี้กำลังกินกลางวันอยู่แต่เรายังไม่ได้บอกว่าไม่มีห้องครับ”
“เขาจองกี่วัน”
“สามวันสี่คืนครับ”
“ก็นานนะ ถ้าอย่างนั้นเอ็งพาเขาเข้าพักที่บ้านรับรองแขกของที่บ้านพี่ก็แล้วกันนะ คิดราคาเท่าเดิม แล้วก็บริการเขาดีๆ ล่ะ” ชยธรสั่ง บ้านรับรองแขกที่เขาให้ลูกค้าไปอยู่นี้ปกติแล้วจะเอาไว้สำหรับแขกพิเศษของเขาและครอบครัว ซึ่งบ้านหลังนี้จะแยกเด็ดขาดจากส่วนที่ให้ลูกค้าเข้าพักเพราะทำไว้สำหรับแขกพิเศษจึงทำดีกว่าหลายเท่า บ้านรับรองจะอยู่ใกล้กับตัวบ้านของเขาและอยู่ห่างจากรีสอร์ท แต่วันนี้เพื่อแก้ปัญหาชายหนุ่มจึงยอมให้แขกเข้าพัก
“ครับพี่”
“แล้วมีอะไรอีกมั้ย”
“ไม่มีแล้วครับ ถ้าอย่างนั้นผมไม่กวนแล้วครับพี่”
“เอ้อ เดี๋ยวสมชาย พ่อกับแม่ไปไหนเหรอ”
“ท่านไปทานกลางวันกับคุณลดาและคุณภาคภูมิครับพี่ ผมโทรหาแล้วก็ไม่ติดผมเลยโทรมาปรึกษาพี่แทน”
“อืม งั้นก็แค่นี้ล่ะ มีอะไรก็โทรมาบอกพี่อีกก็แล้วกัน บอกสายแก้วทำงานดีๆ ด้วยล่ะไม่งั้นจะโดนไล่ออกยกเซ็ตทั้งเอ็งทั้งเขา” เขาแกล้งดุ
“ครับพี่คร้าบบบ”
อีกฝ่ายตัดสายไป ชยธรยื่นมือไปขอโทรศัพท์จากหญิงสาวคืน เธอจึงได้โอกาสเปลี่ยนซิมการ์ดในมือถือเช่นกัน
“บ้านพี่ชินทำรีสอร์ทเหรอคะ”
“อืม”
“ที่สระบุรีรึเปล่าคะ”
“ใช่”
“พี่ชิน”
“หือ”
“พี่ชินช่วยพูดกับน้ำผึ้งมากกว่าที่จะถามคำตอบคำได้ไหมคะ” มธุรสลดาบ่นอย่างหงุดหงิด ทำไมเวลาเธอพูดกับเขาแล้วเขาเหมือนไม่ค่อยอยากจะคุยด้วยเลย ทั้งที่กับคนอื่นเขาคุยได้เป็นคุ้งเป็นแคว บอดีการ์ดของเธอคนนี้ไม่ได้เป็นคนพูดน้อยเลยสักนิด แต่ทำไมกับเธอเขาถึงเป็นเพื่อนคุยแทบจะไม่เคยได้เลย นอกจากจะบังคับเอาเอง
“จะให้พี่พูดอะไรได้ล่ะ ก็ประโยคที่เราถามพี่ก็ต้องตอบเป็นคำสั้นๆ ว่าใช่หรือไม่ใช่นี่นา แล้วอีกอย่างจะให้พี่พูดมากกว่าเราน่ะเป็นไปไม่ได้หรอกเพราะพี่อ้าปากจะพูดทีไรเราก็แย่งพี่พูดเสียหมด”
“พี่ชินอ่ะ” มธุรสลดาหน้างอเป็นจวัก ชยธรหันไปมองแล้วก็ส่ายหัว
“พอพี่พูดก็ไม่ชอบใจ”
“ไม่ชอบสิ พูดแต่ละอย่างไม่น่ารักเลย”
“พี่ก็เป็นของพี่อย่างนี้”
“เอาเถอะค่ะ เป็นอย่างนี้ก็เป็น ดีกว่าถามคำตอบคำขึ้นมาหน่อยหนึ่ง น้ำผึ้งไม่ชอบเวลาไม่มีเพื่อนคุย” เธอสรุปเอาเอง
“แล้วรีสอร์ทที่บ้านพี่ชินเป็นอย่างไรบ้างคะ” เธอถามอย่างสนใจ
“รีสอร์ทมีหลายแบบ เป็นตัวอาคารก็มี ออกแนวคาวบอยก็มี เป็นกระท่อมก็มี และก็ที่ทำเป็นบ้านปูนก็จะทำเป็นรูปต้นเห็ดให้ครอบครัวที่มีเด็กๆ เข้าพักเพราะเด็กจะชอบหน่อย มีร้านอาหารนานาชาติที่วิวดีแขกที่ไม่มาพักที่รีสอร์ทก็แวะเข้ามาทานได้ มีทัวร์ชมไร่องุ่นและร้านขายผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ผลิตในไร่ สปา น้ำตก ห้องจัดสัมมนา สนามกอล์ฟ และก็มีกิจกรรมต่างๆ บ้าง ประมาณนี้แหล่ะ”
“ว้าว น่าสนนะพี่ชิน แล้วที่ลูกน้องพี่ชินบอกว่าที่พักจองเต็มนี่มีรีสอร์ททั้งหมดกี่หลังคะพี่ชิน”
“ก็ที่เป็นอาคารก็สองร้อยห้อง ที่เป็นหลังมีสี่สิบห้าหลัง ที่เต็มเพราะว่าส่วนใหญ่จะมาเป็นกรุ๊ปทัวร์กัน มีบริษัทที่จัดสัมมนาด้วย วันนี้ที่เต็มทั้งหมดเพราะว่าเป็นวันเสาร์มีลูกค้าที่มาเล่นกอล์ฟเข้าพัก และก็มีบริษัทผลิตอาหารเสริมเปิดสัมมนาด้วย ปกติปัญหาเรื่องที่พักเต็มจะเจอไม่บ่อย”
หญิงสาวได้ยินแล้วก็นับนิ้วคำนวณรายได้ของเขามือเป็นระวิง ทำตาโต
“โอ้โห อย่างนี้พี่ชินก็รวยมากๆ เลยสิ มิน่าล่ะถึงได้มีรถเบนซ์ขับ” เธอหมายถึงรถคันที่เธอและเขานั่งอยู่ตอนนี้ “น้ำผึ้งยังแอบนินทาพี่ชินอยู่ในใจเลยว่าเป็นตำรวจแล้วทำไมถึงรวยจัง ยังไม่แก่ด้วยไม่น่าจะมีเงินเก็บซื้อรถแพงๆ ” เธอพูดจบเขาก็หัวเราะขำกับความคิดของเธอ เลยพลอยคิดไปว่าที่เธอไม่ยอมให้เขาเลี้ยงข้าวคงเป็นเพราะเธอคิดว่าเขาเป็นตำรวจไม่น่าจะมีเงินจ่าย
“แอบนินทาพี่ในใจว่าพี่โกงกินหรือไง”
“ก็นิดหน่อยค่ะ” เขาหัวเราะอีกครั้ง คราวนี้เสียงดังกว่าเดิมจนมธุรสลดามองหน้าเขางงๆ
“น้ำผึ้งเป็นคนที่พูดตรงมากที่สุดเท่าที่พี่เคยเห็นมาเลย”
“เหรอคะ”
“ใช่ แต่พี่จะบอกไว้ก่อนว่าพี่ไม่ได้ไปโกงกินใครเขามาหรอก ก็เป็นตำรวจกินเงินเดือนราชการนี่แหล่ะ ที่รวยน่ะคือกิจการที่บ้านไม่ใช่ของพี่หรอก รถคันนี้พ่อพี่ก็ซื้อให้ตอบแทนที่พี่ช่วยงานที่รีสอร์ทแต่ไม่เอาเงินเดือน แต่ว่าพี่มีอะไรจะบอก” เขาบอกเสียงเบาราวกับจะกระซิบทั้งที่อยู่กันในรถแค่สองคน มธุรสลดาก็บ้าจี้เงี่ยหูฟังตามเขาไปด้วย
“ตอนนี้พี่จะลาออกจากราชการไปฮุบกิจการที่บ้านแล้ว คราวนี้ล่ะพี่จะรวยอย่างที่เราว่าแน่ๆ”
เสียงหัวเราะของทั้งสองประสานกัน มธุรสลดาค่อยพอโล่งใจได้ว่าเขาเองก็ไม่ได้ไม่อยากคุยกับเธอสักเท่าไหร่กระมัง เพียงแต่เธอคงชวนเขาคุยไม่ถูกเรื่องเท่านั้น
“พี่ชินคะ น้ำผึ้งเปลี่ยนใจแล้วค่ะ”
“เปลี่ยนใจอะไรเหรอ”
“วันนี้เราไปเที่ยวที่รีสอร์ทพี่ชินกันดีกว่า”
“อะไรนะ รีสอร์ทพี่งั้นเหรอ” ชยธรหันไปมองสองข้างทางก็พบว่าเขาขับรถพ้นเขตกรุงเทพฯ มาแล้วเรียบร้อย
“รีสอร์ทพี่เต็มนะ เราจะนอนที่ไหน อีกอย่างเราก็ตั้งใจว่าจะไปเที่ยวเกาะที่ชลบุรีอยู่แล้วห้องก็จองแล้วจะมาเปลี่ยนใจง่ายๆ เหมือนเด็กตัดสินใจอย่างนี้ไม่ได้นะ”
“ฮื้อ พี่ชินนี่ทำไมชอบขัดใจน้ำผึ้งจัง น้ำผึ้งไม่อยากไปชลบุรีแล้วนี่คะ เรากลับสระบุรีกันดีกว่าค่ะ ที่พักที่จองไว้เราก็ยกเลิกได้นี่คะ”
“เฮ้อ ก็ได้ๆ” เขายอมในที่สุด เพราะมีหน้าที่ตามใจเธอแม้จะไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ ชายหนุ่มเปิดไฟเลี้ยวเพื่อตีรถกลับ พลางบ่นอยู่ในใจว่าถ้าสมชายไม่โทรมาเธอคงไม่เปลี่ยนใจอย่างนี้ แต่ก็ยังดีที่เธอนึกเปลี่ยนใจตอนนี้ถ้าเกิดไปเปลี่ยนใจตอนที่ขับรถถึงพัทยาแล้วเขาอาจจะเกิดอาการหัวเสียขึ้นมาก็เป็นได้
“แล้วจะไปพักอยู่ที่ไหนล่ะ บ้านเราก็ไกลจากรีสอร์ทพี่มากนะจะไปเที่ยวดูแค่รีสอร์ทแล้วกลับไปนอนที่บ้านเห็นทีจะไม่ได้”
“น้ำผึ้งไม่คิดจะกลับบ้านอยู่แล้วล่ะค่ะ จนกว่าพ่อจะกลับมาจากเวียตนาม”
“แล้วจะเอายังไง”
“บ้านพี่ชินมีกี่ห้องคะ”
“ห้าห้องนอน”
“แล้วอยู่กันกี่คน ใช้กี่ห้องล่ะคะ”
“อยู่สามคนใช้สองห้อง พ่อแม่พี่ห้องหนึ่ง พี่ห้องหนึ่ง อย่าบอกนะว่า”
“ใช่ค่ะ น้ำผึ้งจะนอนบ้านพี่ชิน”
“หา นอนบ้านพี่เนี่ยนะ คนอื่นเขาจะว่ายังไงล่ะ พ่อแม่พี่อีกไหนจะพ่อเราอีก”
“น้ำผึ้งมีวิธีค่ะ เพียงแค่พี่ชินไม่ต้องบอกพ่อว่าน้ำผึ้งไปที่รีสอร์ทไม่ต้องบอกแม่เลี้ยงน้ำผึ้งด้วย ส่วนพ่อแม่พี่คงไม่รู้ว่าน้ำผึ้งเป็นลูกพ่อเพราะว่าน้ำผึ้งไปเรียนที่นิวยอร์กตั้งแต่ม. ปลายแล้วท่านคงจำน้ำผึ้งไม่ได้ เดี๋ยวเจอท่านแล้วน้ำผึ้งจะจัดการเองพี่ชินไม่ต้องลำบากอะไรเลยค่ะ รับรอง”
“วิธีอะไรของเรา”
“เถอะค่ะ รับรองว่าพี่ชินไม่ต้องเดือดร้อน และก็ไม่ต้องโดนคำครหาว่าพาลูกสาวเจ้านายมานอนที่บ้านเพราะเราจะไม่บอกใครว่าน้ำผึ้งเป็นลูกของพ่อ เชื่อมือน้ำผึ้งเถอะน่าพี่ชิน แค่พาน้ำผึ้งไปเที่ยวที่รีสอร์ทพี่ชินก็พอแล้วค่ะ”
“อืม ตามใจเราก็แล้วกัน แต่พี่อยากรู้ว่าทำไมเลือกที่จะไปเที่ยวที่สระบุรีแทนที่จะไปทะเลล่ะ”
“น้ำผึ้งก็อยากกลับไปเที่ยวจังหวัดที่บ้านเกิดมากกว่าค่ะไม่ได้กลับตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ว่าทะเลก็อยากไปแต่คงไปหลังจากนี้สักสามสี่วันก็ได้ค่ะ ที่รีสอร์ทพี่ชินก็น่าสนใจดี น้ำผึ้งชอบไร่องุ่นค่ะไม่ได้เห็นตั้งนานแล้ว”
“เราไปเรียนที่นั่นตั้งแต่เด็กเลยใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ” เธอไปเรียนตั้งแต่จบชั้นมัธยมปลาย กว่าจะตัดสินใจกลับสระบุรีอีกครั้งก็เมื่อจบปริญญาโทแล้ว
“แล้วไม่เคยกลับมาที่นี่เลยเหรอ”
“ไม่ค่ะ ตั้งแต่พ่อแต่งงานน้ำผึ้งก็ขอพ่อไปเรียนที่นั่นเลย และก็ไม่เคยกลับมาที่สระบุรี ถ้ามาก็มาที่กรุงเทพฯ เท่านั้น” ชยธรไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่าที่เขาเห็นว่าเธอดูเศร้าโศกกับครอบครัวใหม่ของบิดา หรือว่าที่เธอแกล้งทำเป็นร่าเริงเพื่อกลบเกลื่อนความเสียใจเรื่องบิดากันแน่ เขาคิดอย่างสงสารเธอ
“แล้วทำไมตอนนี้ถึงกลับมาล่ะ” เขาถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าการมาครั้งนี้ของเธอเพราะว่าเธอมีปัญหากับมาเฟียฮ่องกง
“ก็เพราะอยากมาสิคะ” เธอตอบกวนๆ “ไม่เอาไม่คุยกับพี่ชินแล้วค่ะ น้ำผึ้งนอนดีกว่าง่วงแล้ว” หญิงสาวบอก ก่อนจะปรับเบาะเอนลงไปนอน การสนทนาจึงยุติไปโดยปริยาย