ทีเด็ดพ่อหม้าย 9.1

1637 Words
สาวเจ้าดักทางอีกหน เดินกระแทกเท้าไปฉวยกระเป๋าเป้ที่วางไว้บนแคร่มาถือ ก่อนจะเลิกหัวคิ้วให้พุทธที่ยืนนิ่งอึ้ง “อะไร!! ไม่ต้องง ไฟมีสอบที่อำเภอพอดี พ่อเลยให้มาค้างบ้านพี่พุทธ” มะไฟมีธุระ เธอมีสอบสัมภาษณ์งานที่ตำบลบ้านยายหวึ่ง เลยต้องมาอาศัยพักค้างคืนที่บ้านพี่เขย “สอบเป็นพนักงานที่อำเภอนะเหรอ?” พุทธถามเสียงตื่นเต้น ไม่คิดว่าน้องสาวตัวแสบของมะเฟืองจะมีอนาคตสวยหรูแบบนั้น หากได้เป็นข้าราชการ คงทำให้พ่อ-แม่ภูมิใจ “อืม...ไม่รู้จะได้หรือเปล่า... ไม่มีเส้นมีสายกับเขาเล๊ย!!” หญิงสาวบ่นเสียงสูง สมัยนี้ไร้คนรู้จัก ไม่มีเส้นสาย ต่อให้คะแนนดีเลิศ... ก็คงไม่สมหวัง เมื่อแต่ละคนที่เข้ามา พกพาคนใหญ่คนโต คอยดันมาด้วย คนเดียวหัวลีบ ไม่มีผู้ใหญ่คอยหนุน แต่มะไฟก็ไม่ยอมแพ้ เธอพกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยม “เอาน่า...มันต้องลองสักตั้งก่อน ได้ไม่ได้ค่อยว่ากัน” พุทธให้กำลังใจ เขาเดินเลยน้องเมียไปคว้าแหที่แขวนไว้โคนเสา “พี่พุทธจะไปไหนอีกล่ะ” มะไฟร้องถาม เธอยืนล้างเท้าอยู่ที่ตีนบันไดหน้าบ้าน “ไปทอดแห แกงปลาสับมะไฟชอบกินนี่นาพี่จำได้” พ่อหม้ายหนุ่มกล่าวพร้อมกับยิ้มกว้าง น้องเมียตัวแสบ ย่นปลายจมูก “เปิดประตูให้ไฟก่อน ใจคอจะให้นอนคอยอยู่ใต้ถุนเรือนหรือไง จะไปหาปลาก็ไป เดี๋ยวไฟหุงข้าวรอ กำลังหิวด้วย” พุทธโยนพวงกุญแจให้น้องเมีย เดินดุ่มๆ ไปตามริมคลอง เพื่อหาที่เหมาะๆ หว่านแหสักโครม มะไฟเดินขึ้นเรือน เธอมองโต๊ะเก้าอี้ กับของประดับบ้านบางชิ้นด้วยความหมองเศร้า บ้านหลังนี้มะเฟืองรักและทุ่มเทกับมันมาก ไม่ว่าจะผ้าม่าน หรือแม้แต่ผ้าปูโต๊ะ เป็นฝีมือทักทอของมะเฟืองเกือบทั้งนั้น ในบรรดาพี่-น้องมะเฟืองเป็นแม่ศรีเรือนที่สุด กับข้าวกับปลา ฝีมืองานบ้าน ไม่ต้องให้บรรยาย ผิดกับมะไฟ เธอทำได้แค่พอถูไถ แต่เรื่องเรียนเธอเป็นที่หนึ่งไม่ยอมลงให้ใคร รุ่นเดียวกัน เธอเป็นอันดับหนึ่ง สมองของเธอเร็วปรู๊ดปร๊าด แต่เรื่องงานบ้านกลับไม่เอาอ่าว “พี่เฟือง...ไฟคิดถึงพี่จัง” พี่สาวคนโตที่ใจดี มีขนมติดมือมาฝากทุกครั้งหากกลับไปเยี่ยมพ่อ-แม่ มะเฟืองออกเรือน มีครอบครัวแบบที่ใครๆ ก็ชื่นชม เมื่อพุทธเป็นคนขยัน เขารักมั่นแค่มะเฟืองคนเดียว บิดา-มารดามองเห็นความขยันอันนั้นของหนุ่มบ้านทุ่ง ท่านจึงยกบุตรสาวสุดรักให้แบบไม่เสียดาย แต่...พี่สาวของเธอบุญน้อย อยู่ครองรักกับสามีได้ไม่ถึง10ปี ก็มีอันจากโลกนี้ไปอย่างสงบ ปล่อยให้คนที่ยังมีลมหายใจเพ้อหา มะไฟเก็บกระเป๋าไว้ในห้องนอนเล็ก ห้องที่เธอกับพ่อ-แม่ ใช้พัก เวลามาเยี่ยมมะเฟือง หญิงสาวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ทะมัดทะแมงขึ้น รวบผมยาวสลวยด้วยหนังยางสีดำ ก่อนจะเดินเข้าครัว เพื่อหุงข้าวเหมือนที่บอกพุทธไว้ สาวบ้านทุ่งย่นจมูก ครัวบ้านของพุทธ เหมือนที่บ้านของเธอเลยแตกต่างแค่ความสะอาด เมื่อพุทธไม่ค่อยได้เก็บกวาด ไม่เหมือนสมัยที่มะเฟืองยังอยู่ หญิงสาวจัดแจงก่อไฟ ควันสีขาวๆ ลอยฟุ้ง มีเสียงไอค็อกแค๊ก ดังอยู่ตลอด จนกระทั่งควันเหล่านั้นค่อยๆ จางลง “หม้อหุงข้าวใบเดียวซื้อไม่ได้สิ!!” สาวบ้านทุ่งไม่คุ้นงานในครัวบ่นอุบ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ที่ทุกบ้านควรมี แต่บ้านของพุทธกลับไม่มี เปลวไฟในเตาแดงฉาน หลังมะไฟใช้พัดสานด้วยไม้ไผ่พัดโบกอยู่นาน เธอลุกขึ้นไปหยิบหม้อ เดินตรงไปยังตุ่มเล็กๆ มุมห้อง ในนั้นมีข้าวสารเกือบเต็ม เธอฉวยหยิบกะลามะพร้าวขัดมัน ตวงข้าวสารใส่หม้อ ก่อนจะเดินไปเปิดฝาตุ่ม จัดการซาวข้าวและยกมาตั้งบนเตาไฟ มะไฟนั่งท้าวคาง มองเปลวไฟที่ลามเลียผิวหม้อด้านนอก เธอกำลังเหม่อ จนมองไม่เห็นว่าน้ำในหม้อกำลังเดือดคลั่ก!! “ข้าวจะแฉะแล้วไฟ” พุทธเดินเข้ามาทัก เขาวางตระกร้าใส่ปลาไว้ตรงข้างตุ่ม หญิงสาวเหลียวไปมอง เธอตาค้าง!! เพราะพี่เขยสุดล่ำ มีผ้าขาวม้าเปียกๆ ผืนเดียวคาดอยู่ที่เอว และผ้าผืนนั้นก็บางแถมยางลู่ไปตามตัว ไอ้ที่ควรจะเป็นความลับ... เลยไม่เป็นความลับเสียแล้ว มะไฟกลืนน้ำลายเหนียวๆ ในคอ มันฝืดคอเสียจนแทบกลืนไม่ลง เธอมองรอยโป่งนูนที่พาดอยู่กลางหว่างขาของพุทธ ก่อนจะเสเบื้อนหน้าหลบ ผิวแก้มร้อนฉ่า!! “พี่ทำปลาให้ ไฟจะแกงเองหรือให้พี่ทำ?” พุทธถามเหมือนไม่เห็นสายตาน้องเมีย เขาทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ไม้เตี้ย ตักน้ำในตุ่มราดลงไปในตระกร้า เริ่มขอดเกร็ดปลาด้วยท่าทางทะมัดทะแมง “พะ... พี่พุทธแกงเองเถอะ ก็รู้นี่นาฝีมือทำกับข้าวของไฟไม่เอาอ่าว” สาวบ้านทุ่งพูดจาติดๆ ขัดๆ เมื่อภาพที่จำติดตา ทำให้เธอใจสั่น จนพูดจาตะกุกตะกัก “ตามใจ” พุทธก้มหน้าลง ซ่อนรอยยิ้มสมใจเอาไว้ เขาจงใจเปิดเผยเนื้อตัวให้น้องเมียเห็น อยากรู้ปฏิกิริยาของหล่อนจะออกมาในรูปแบบไหน และที่เขาเห็น... ก็เป็นไปตามคาด ถึงมะไฟจะดูแกร่งกร้าว ไม่อ่อนหวานเหมือนสาวๆ พวกนั้น แต่เนื้อแท้ของหล่อนก็มีความเป็นหญิง...ดังนั้น เขาจึงเห็นแววตาวูบวาบของน้องเมีย ตอนที่เห็น ของรัก ของเขาเต็มตา “ไฟตำพริกแกงให้พี่ที” พุทธยกครกมาตั้งไว้ข้างตัวน้องเมีย เข้าใส่ส่วนผสมของเครื่องแกงไว้แล้ว ที่เหลือก็แค่ให้มะไฟออกแรงโขลก “ดะ ได้” สาวแสบสะดุดลมหายใจ หล่อนหมุนตัวมามอง ปลายจมูกเฉียดกึ่งกลางลำตัวของพี่เขยไปแบบเฉียวฉิว หากวัดระยะ ก็น่าจะแค่หนึ่งฝ่ามือกั้นกลาง เธอได้กลิ่นน้ำโคลนที่ฝังอยูตามใยผ้า ผสมกับกลิ่นผู้ชายแท้จางๆ พุทธหย่อนตัวนั่งใกล้ๆ “ข้าวสุกพอดี” เขาฉวยหม้อข้าวที่เดือดคลั่กบนเตา ยกวางที่พื้น ก่อนจะค่อยๆ รินน้ำสีขาวข้น เทใส่ในชามอ่างที่วางไว้บริเวณนั้น ชายหนุ่มแสร้งเบียดตัวใส่น้องเมีย เขาอมยิ้ม เมื่อมะไฟสะดุ้ง!! สุดตัว หล่อนขยับถอยหนี ทำหน้าตายโขลกพริกแกงเสียงดังๆ แต่ผิวแก้มกลับมีริ้วสีชมพู พ่อหม้ายหนุ่มรู้สึกครึกครื้น มันเหมือนสมัยข้าวใหม่ปลามันกับเมียสุดรัก สองหนุ่ม-สาว ช่วยกันทำกับข้าว แม้จะเป็นแค่กับข้าวพื้นๆ แต่กลับอร่อยลิ้น จนเอาของเหลามาแลกยังไม่ยอม พุทธชำเรืองมองมะไฟบ่อยครั้ง และดูเหมือนว่า มะไฟเองก็แอบมองเขาอยู่เช่นกัน เพราะในบางครั้ง เขาหันไปพอดีกับที่หล่อนเสหลบสายตา มือแข็งแรงยกขยับชายผ้า เขาขยับปมที่ขมวดไว้ ให้หลวมกว่าเก่า มันนึกครึ้มจนอยากพิสูจน์บางอย่าง... กลิ่นพริกแกงที่ผัดกับน้ำมันฉุนจัด พุทธยกมือปิดจมูก เขาจามออกมาแรงๆ ผ้าที่ถูกจัดไว้ให้หลวม หลุดลุ่ยกองลงบนพื้น มะไฟอ้าปากค้าง ทัพพีในมือหล่นลงบนพื้นดังเปรี้ยง!! พุทธแสร้งทำเป็นไม่รู้ เขาคนตะหลิวในมือผัดเครื่องแกงต่อ ก่อนจะหันมาหยิบปลาที่สับไว้แล้ว เทลงไปในกระทะ ... มะไฟค่อยๆ ถอยหลัง เธอเดินไปนั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้ หัวใจเต้นแรงเหมือนใกล้จะระเบิด กับภาพติดตาที่คงไม่มีทางลืม ‘แม่เจ้า!!...โค๊กลิตรเลยนะนั่น’ ถึงจะไม่เคยมีผู้ชายคนไหนล่วงเกินเธอมากกว่าการจับมือ แต่มะไฟก็ไม่ได้ไร้เดียงสา กลุ่มของเธอมีสาวแสบอยู่สอง สามคน ประสบการณ์เหล่านั้น เธอฟังผ่านปากเพื่อน เป็นประสบการณ์ตรงที่พวกหล่อนผจญมาด้วยตนเอง เพื่อนที่สนิทกัน จนไม่มีความลับ เรื่องลับๆ เหล่านั้น เลยถูกถ่ายทอดให้ฟัง มันเป็นเรื่องโจ๊กที่สาวๆ ชอบพูดถึง...แม้จะไม่ได้จบแบบสวยงาม แต่ความทรงจำนั่น เป็นบทเรียนที่เหลืออยู่ คำเตือนของผู้ใหญ่ ใช้ได้ในชีวิตจริง ผู้ชายไว้ใจไม่ได้...ฉันใด ของรักของผู้ชาย ยิ่งไว้ใจไม่ได้ฉันนั้น สิ่งเดียวที่ทำให้สำนึกรักดีขาดกระจุย เพื่อนๆ ตัวแสบกระซิบกระซาบให้ฟัง ตอนนั้นมะไฟไม่ค่อยจะเชื่อ เธอไม่คิดว่า แค่เห็น จะมีผลกับการตัดสินใจ แต่...วันนี้เธอรู้แล้ว...สติสัมปชัญญะของเธอแทบขาดหาย เพียงแค่ไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นนั่นเอง มันจำติดตาจนแทบไม่มีทางลืม ขนาดความยาวเหลือเชื่อ แม้จะดูน่าเกลียด แต่ก็น่าสัมผัสเช่นกัน!! “โอ้ยยย....อยากจะบ้า ไปหายาล้างตาดีกว่า” มะไฟยกมือขยุ้มเส้นผมบนศีรษะ ร้องครางเหมือนสัตว์บาดเจ็บ หัวอก หัวใจสาวร้อนรุ่มเหมือนมีไฟล้น พุทธขำก๊ากๆ เขาฉวยผ้ามาคาดเอวไว้เหมือนเดิม ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทำกับข้าวต่อ...ดวงตาพริบพราวยิ่งกว่าไฟหลากสีกลางผับ มันวิบวับเจ้าเล่ห์เสียจนหากมะเฟืองยังอยู่ เขาคงไม่แคล้วถูกสากกะเบือทิ่มหน้า เมื่ออุตริ ทดลองอะไร พิเรนทร์ๆ กับน้องสาวสุดรักของเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD