ตอนที่3 พบเจอกันอีกครั้ง
ร่างบางอรชรสวมใส่ชุดราตรีสีชมพูอ่อนนั่งมองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ หลังจากที่ช่างแต่งหน้าแต่งตัวออกไปจนหมดแล้ว เอมธิดาเผยรอยยิ้มให้กับตัวเองอย่างมีความสุข ที่เห็นว่าในวันนี้เธอแต่งตัวสวยมากขนาดนี้ ก็ไม่ได้อยากจะหลงตัวเองแต่คนตัวเล็กคิดอย่างนี้จริงๆ
“เสร็จรึยังครับน้องเอม”
เสียงของธนิตเอ่ยขึ้น ทำให้คนตัวเล็กขานรับกลับไปก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้อง พอญาติผู้พี่เห็นใบหน้าสวยหวานของน้องสาวตรงหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมาให้ทันที น้องน้อยของเขาสวยมากจริงๆ ในอนาคตไม่รู้ว่าใครจะได้หัวใจของน้องน้อยเขาไปครอง แต่ถึงจะเป็นใครก็เถอะถ้าหากทำให้น้องสาวของเขาเสียใจเขาไม่ปล่อยเอาไว้แน่
“สวยไหมคะพี่ธนิต”
“สวยมาก แต่คงไม่ทำตัวโก๊ะจนหมดสวยล่ะ ไม่งั้นขายขี้หน้าแย่เลย”คำพูดติดตลกทำให้เอมธิดาเผยสีหน้าบูดเบี้ยวออกไป ก่อนจะยกมือไปฟาดแขนของคนเป็นพี่อย่างไม่จริงจังนัก
“แกล้งแซวเอมเหรอคะ ชิ! น้อยใจดีไหมเนี่ย”
“โอ๋ๆ พี่หยอกเล่น ลงไปกันเถอะคุณลุงรอนานแล้ว”
เอมธิดาพยักหน้าก่อนจะเดินลงบันไดไปหาผู้เป็นพ่อที่รออยู่
ท่านกิตติภูมิพอเห็นใบหน้าของลูกสาวก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างอดที่จะชื่นชมไม่ได้กับความสวยของลูกสาวตน เอมธิดาเหมือนภรรยาของเขามากจริงๆ ยิ่งโตก็ยิ่งสวย
“สวยที่สุดลูกสาวพ่อ แบบนี้หัวกะไดบ้านพ่อคงไม่แห้งแล้ว”
“ขอบคุณค่ะ”พอถูกชมมากๆ เอมธิดาก็เริ่มทำตัวไม่ถูก นานๆ จะได้ออกงานใหญ่กับครอบครัวทั้งทีมันก็ทำให้เธอรู้สึกเกร็งอยู่มาก
ณ งานเลี้ยงสุดหรู
ครอบครัวของท่านกิตติภูมิเดินเข้ามาในงาน ทำให้เหล่านักข่าวต่างพากันมาถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศภายในงานการมาของเอมธิดานับว่าทำให้บรรดาชายหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ตาเป็นประกายไม่น้อย หญิงสาวจัดว่าสวยมากๆ คนนึงเรียกได้ว่าเดินไปทางไหนก็มีคนมองตามจนสุดลูกตา
หนึ่งในสายตานั้นก็มีสายตาของอัคคีอีกด้วย เขารู้สึกพอใจกับใบหน้าสวยของผู้หญิงคนนี้มากๆ สวยจนเขาอยากทำลายให้เธอมัวหมอง ยิ่งเห็นว่าท่านกิตติภูมิหวงลูกสาวคนนี้มากแค่ไหนเขาก็ยิ่งอยากทำให้เธอคนนี้เจ็บปวดมากขึ้นเป็นเท่าตัว
“เจอกันอีกแล้วนะครับ”เมื่อเห็นคนตัวเล็กเดินมาหยิบเครื่องเดิมคนเดียว เพราะพ่อของเธอกับพี่ชายอย่างธนิตกำลังพูดคุยกับนักธุรกิจคนอื่นๆ อยู่ ชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นก็เดินมาทักทายหญิงสาว
เอมธิดาพอเห็นใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายที่เธอบังเอิญเจอเมื่อไม่กี่วันก่อน แถมในวันนี้เขายังสวมใส่เนคไทที่เธอเลือกให้อีกด้วย บอกตามตรงว่าทำให้เธอไม่คาดคิดเลยจริงๆ ว่าจะเจอผู้ชายคนนี้ที่นี่
“สวัสดีค่ะคุณไบรอัน”
“ครับ ไม่คิดว่าคุณเอมธิดาจะมางานในวันนี้ด้วย”
“เอมมากับคุณพ่อน่ะค่ะ”คนตัวเล็กตอบกลับไปด้วยท่าทางประหม่า ไม่คิดว่าจะเจอเขาอีกมันจึงทำให้เธอทำตัวไม่ถูก
“วันนี้คุณเอมสวยจนทำให้ผมตะลึงเลยล่ะครับ”
“คะ?”เธอไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ทว่าคำพูดคำจาของผู้ชายคนตรงหน้านี้มันเหมือนจีบเธออย่างไงอย่างงั้น เขากำลังทำให้เธอสับสนมากๆ
“คุณไบรอันคะ อย่าว่าเอาอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะคะคุณคงไม่ได้กำลังจีบเอมอยู่ใช่ไหมคะ?”เธอตัดสินใจถามชายหนุ่มออกไปตรงๆ เธออยากได้ความชัดเจนบางทีเธออาจจะเข้าใจผิดก็ได้ แต่คำพูดของชายหนุ่มมันทำให้เธอสับสนจนต้องเอ่ยถามออกไป
“ถ้าผมบอกว่าผมกำลังจีบคุณอยู่ล่ะครับ”
“ค่ะ คะ?”เธอตกใจกับคำพูดตรงๆ ของชายหนุ่ม การเจอกันเป็นครั้งที่สองเขาก็ตอบเธอตรงๆ แบบนี้เสียแล้ว
“ผมมันไม่ใช่พวกอ้อมโลกเสียด้วยซิ ในเมื่อคุณถามผมก็จะตอบตรงๆ ผมถูกใจคุณตั้งแต่แรกเห็น ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกอย่างนั้นด้วยไม่รู้ แต่ว่าหลังจากที่ผมเจอคุณในวันนั้น ผมเองก็สับสน คอยทุกวันว่าจะมีสักวันไหมที่จะได้เจอคุณอีก จนกระทั่งวันนี้ การที่ได้เจอคุณมันทำให้ผมดีใจมากๆ”
นี่มันคือการสารภาพรักงั้นเหรอ เมื่อคิดอย่างนี้เอมธิดาก็หน้าแดงก่ำออกมาอย่างห้ามไม่ได้ หัวใจดวงน้อยๆ ของหญิงสาวมันเต้นแรงจนแทบไม่เป็นจังหวะ ผู้ชายคนนี้กำลังทำให้เธอเสียอาการจนได้
“เอ่อ เอม คือว่า หึ๋ย”เธอพูดแทบไม่ออกแล้ว ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรออกไปดี
“คุณรังเกียจผมงั้นเหรอครับ”
“ไม่ใช่นะคะ เอมไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นกับคุณไม่ได้รังเกียจคุณค่ะ”พอเห็นสีหน้าซึมของชายหนุ่ม หญิงสาวก็รีบพูดออกมาทันที ไบรอันได้ยินอย่างนั้นเขาก็เผยสีหน้าดีใจออกมา แสร้งว่ามีความสุขกับคำพูดของผู้หญิงคนตรงหน้านี้
“ผมดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นนะครับ”
เอมธิดาก้มหน้าลง เธอมือไม้เย็นเฉียบไปหมด เขินจนทำตัวไม่ถูกแล้ว
“คุณไบรอันชอบเอมตรงไหนคะ?”เธออยากจะรู้จริงๆ ว่าทำไมผู้ชายคนตรงหน้านี้ถึงได้รู้สึกชอบพอเธอ
‘เพราะเธอเป็นลูกของมันไง!’
ชายหนุ่มคิดในใจไม่ได้พูดออกไป นอกจากใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มแย้มออกมาเพียงเท่านั้น โดยมีสีหน้าของหญิงสาวมองอย่างรอคำตอบจากชายหนุ่ม
“ผมความสดใสของคุณไง อันที่จริงก่อนหน้าที่ผมจะเจอคุณที่ร้านขายเนคไท ผมเจอคุณที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว รอยยิ้มของคุณมันทำให้ผมหวั่นไหว ในตอนแรกไม่ได้อะไรพอมาบังเอิญเจอคุณอีกมันก็ทำให้ผมชอบในรอยยิ้มของคุณ”
เอมธิดาอมยิ้มออกมา เธอทำตัวไม่ถูกแล้ว เขากำลังทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว
“ขอบคุณนะคะที่ชอบเอม”
“ผมขอเสียมารยาทถามได้ไหมครับว่าคุณเอม มีคนในใจรึยัง?”
“เอมยังไม่มีใครค่ะ อันที่จริงไม่เคยคิดเรื่องนี้เลยเพราะเอมยังเรียนไม่จบ”
“อย่างนี้ก็เป็นน้องผมหลายปีน่ะสิ ผมอายุยี่สิบแปด เอมละครับ?”
ชายหนุ่มเรียกชื่อคนตัวเล็กออกมาอย่างสนิทสนมมันก็ยิ่งทำให้หญิงสาวเสียอาการ
“เอ่อ เอมกำลังขึ้นปี3ค่ะ อ่อนกว่าคุณไบรอันเจ็ดปี”
“รังเกียจไหมครับ ผมอายุมากกว่าเดิมตั้งเจ็ดปี”
“ทำไมต้องรังเกียจคะ แค่เจ็ดปีเอง อีกอย่างคุณก็ยังไม่แก่เสียหน่อย”
ชายหนุ่มอมยิ้ม เมื่อได้ยินคำพูดนั้นของหญิงสาวในเมื่อเธอพูดออกมาขนาดนี้งั้นก็แปลว่าเอมธิดาค่อยๆ เปิดใจให้กับเขาแล้วสินะ
“เอมพูดอย่างนี้แปลว่าเปิดโอกาสให้ผมจีบเองใช่ไหมครับ”
“ก็ไม่ได้ห้ามนี่คะ”เธอเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปอันที่จริงก็รู้สึกดีที่ได้ยินว่ามีคนมาชอบพอเธอแบบนี้แถมผู้ชายคนตรงหน้าก็ยังดูดีมากอีกด้วย เธอได้พูดคุยกับเขาก็รู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก ในเมื่อเขากล้าบอกเธอตรงๆว่ากำลังจีบเธออยู่เธอจะห้ามได้ยังไงกัน
“ถ้างั้นต่อไปนี้เอมเรียกผมว่าพี่ไบรอันนะครับ เรียกคุณมันดูห่างเหินเกินไป พี่ก็จะเรียกเอม ว่าน้องเอมเหมือนกัน”
เอมธิดาทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆกับการได้ยินคำพูดเหล่านี้ของชายหนุ่มตรงหน้า เอมธิดาจึงพยักหน้าตอบตกลงก่อนจะก้มหน้าลงเพราะไม่กล้าจะจ้องมองใบหน้ารอเราของผู้ชายตรงหน้าอีก เธอกำลังเขินอายเขาจนทำตัวไม่ถูกแล้ว
ชายหนุ่มพูดคุยกับหญิงสาวต่อ เขาแลกเบอร์แลกไลน์กับคนตัวเล็กก่อนจะมองนาฬิกาเรือนหรูที่สวมใส่อยู่พอเห็นว่าในตอนนี้มันได้เวลานัดหมายสำคัญแล้วเขาจึงเอ่ยปากขอตัวลา ก่อนจะเดินออกไปจากงาน ในวันนี้ชายหนุ่มยังไม่ได้พูดคุยกับคนสารเลวคนนั้น มันยังไม่ถึงเวลาสิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้คือทำให้เอมธิดาเป็นของเขาก่อน
“ลูกเอมคุยกับใครเมื่อกี้ พ่อมัวแต่คุยธุระจะเดินมาทักทายก็เลยไม่ได้เดินมา”
“เอ่อ คุณไบรอันค่ะพ่อ เอมบังเอิญเจอเขาที่ห้างเมื่อหลายวันก่อน ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่งานในวันนี้ด้วย”
ท่านกิตติภูมิพยักหน้ารับรู้พอจะเอ่ยถามอะไรขึ้นมาอีกก็ต้องชะงักเมื่อมีคนเดินเข้ามาทักทาย เขาจึงหันหน้าไปสนใจคู่สนทนาก่อน